473
19 ต.ค. 2023
มือตัดต่อยืนยืนอีกเสียง Killers Of The Flower Moon
คือผลงานการแสดงที่ดีที่สุดของ ลีโอนาร์โด ดิแคพรีโอ
ลีโอนาร์โด ดิแคพรีโอ ถือเป็นหนึ่งในนักแสดงที่ยอดเยี่ยมที่สุดในยุคของเขา ด้วยผลงานภาพยนตร์หลายหลายแนว ทั้ง The Wolf Of Wall Street (2013) หรือ คนจะรวย ช่วยไม่ได้, Inception (2010) หรือ จิตพิฆาตโลก และ The Revenant (2015) หรือ เดอะ เรเวแนนท์ ต้องรอด และเขาก็กำลังจะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตัวเองอีกครั้งในภาพยนตร์เรื่องล่าสุดอย่าง Killers Of The Flower Moon หรือ คิลเลอร์ส ออฟ เดอะ ฟลาวเวอร์ มูน
โดยเรื่องราวดังกล่าวถูกยืนยันโดย เธลม่า สชูนเมคเกอร์ ผู็กำกับคู่บุญของ มาร์ติน สกอร์เซซี ที่ทำงานร่วมกับเขามายาวนานกว่าห้าทศวรรษ และการันตีด้วยรางวัลออสการ์อีกถึงสามรางวัล
จากการให้สัมภาษณ์กับทางทอทัลฟิล์ม ในการฉายภาพยนตร์ คิลเลอร์ส ออฟ เดอะ ฟลาวเวอร์ มูน ที่เทศกาลภาพยนตร์ลอนดอน โดยในตอนนั้นเธอบอกว่า ในช่วงแรก ๆ ของการถ่ายทำ ทีมงานก็รู้ได้เลยว่า การแสดงของ ดิแคพรีโอ ในภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นอะไรที่พิเศษอย่างแน่นอน
“สำหรับลีโอ ฉันคิดว่าในครั้งนี้เขาได้ทำผลงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเขาขึ้นมา ด้วยการแสดงที่ดีที่สุดของเขา มาร์ตี้ เคยโทรหาฉันจากในกองถ่ายตอนที่กำลังถ่ายทำฉากหนึ่งที่เขากำลังขึ้นศาล เขาบอกกับฉันว่าเขาจะถ่ายกันแบบนี้ โดยไม่ต้องตัดใครออกไปเลย ยกเว้นแต่เพียงอัยการคนเดียวเท่านั้น”
สชูนเมคเกอร์ ยังเสริมอีกด้วยว่า นักแสดงคู่บุญอีกคนของ สกอร์เซซี อย่าง โรเบิร์ต เดอ นีโร ก็มีผลงานการแสดงที่ยอดเยี่ยมที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยเช่นเดียวกัน
“โอ้ใช่! ฉันคิดว่าเขามีผลงานที่อัศจรรย์ในหนังหลาย ๆ เรื่อง รวมไปถึงใน คนใหญ่ไอริช แต่สำหรับเรื่องนี้ เขาก็แค่ค้นพบวิธีการที่ทำให้มันออกมาน่าสนใจแบบสุด ๆ ตัวละครของเขารักชาวโอเซจ แต่เขาก็เข่นฆ่าพวกเขาและเธอด้วยเช่นกัน! เขามีเสียงที่แปลกประหลาอย่างหนึ่งที่มันดีมาก ๆ ที่จริงคือมันสมบูรณ์แบบเลย”
โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากหนังสือในชื่อเดียวกันของ เดวิด แกรนน์ ที่เกี่ยวข้องกับการฆาตรกรรมที่เกิดขึ้นกับชาวโอเซจอย่างต่อเนื่อง โดยมีเบื้องหลังเป็นผลประโยชน์บางอย่างของชาวอเมริกันผิวขาว ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องอย่างสูงกับเรื่องของวัฒธรรมพื้นเมือง, ความขัดแย้งกันระหว่างชาวพื้นเมืองอเมริกันและชาวอเมริกันผิวขาว รวมไปถึงการเลือกปฏิบัติของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา
“แน่นอนว่าเราได้เคยทำหนังเรื่องอื่นอีกหลายเรื่องที่มีเรื่องราวรองเกี่ยวกับวัฒนธรรมที่เราไม่เคยรู้มาก่อน และเรียนรู้เกี่ยวกับมันระหว่างที่กำลังสร่างหนัง ยกตัวอย่างเช่น เราทำหนังเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับการที่ ดาไลลามะ ต้องออกจากธิเบตเนื่องจากรุกรานของจีน นั่นเป็นอะไรที่สวยงามมากที่ได้ทำมัน เพราะว่าชาวธิเบตที่อยู่ในหนังเรื่องนั้นกว่า 400 คน และในครั้งนี้ก็เหมือนกัน”
“มันมีชาวโอเซจมากมายในหนังหรือทำงานเกี่ยวกับมัน และเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของพวกเขาและเธอเป็นของขวัญที่ยิ่งใหญ่ มันเป็นอะไรที่เต็มไปด้วยอารมณ์มากที่ได้พบกับพวกเขาและเธอ หลังจากนั้นก็มี ลิลี แกลดสโตน ที่รับบทเป็น มอลลี่ เธอไม่ใช่ชาวโอเซจด้วยซํ้า เธอมีเชื้อสายมาจากกลุ่มแบล็คฟีท แต่เธอเรียนรู้ภาษาได้อย่างสมบูรณ์แบบ จนหญิงสาวที่เป็นคนสอนเธอบอกเลยว่าเธอเริ่มจะพูดเหมือนแม่ของเธอขึ้นทุกทีแล้ว นั่นมันเยี่ยมมาก! มันเป็นอะไรที่อัศจรรย์ที่ได้ทำงานในฉากของชาวโอเซจ ที่ถึงแม้ว่าจะไม่มีคำบรรยายให้รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น แต่คุณก็สามารถได้ยินเสียงชาวโอเซจที่แสนสวยงามได้”
มือตัดต่อชาวอเมริกันยังเล่าต่อไปถึงการที่ภาพยนตร์เรื่องนี้อาจจะมีความยาวมากกว่านี้ โดยเธอเผยว่าก่อนหน้านี้ คิลเลอร์ส ออฟ เดอะ ฟลาวเวอร์ มูน ไม่ได้มีหน้าตาเป็นแบบนี้
“แต่ก่อนแล้วมันมีเวอร์ชั่นที่ยาวกว่านี้ คุณใส่เอาทุกอย่างลงไปในเวอร์ชั่นแรกอยู่แล้ว มันเลยยาวกว่าแน่นอนในตอนแรก แล้วคุณก็พูดออกมาว่า ‘โอ้ พระเจ้า’ ดังนั้นเราจะตัดมันออกอย่างรวดเร็ว มันเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ที่เมื่อหลายคนบอกกับฉันว่า พวกเขาและเธอไม่ได้รู้สึกว่ามันยาวเกินไป และอยากที่จะดูมันซํ้าแล้วซํ้าอีก”
คิลเลอร์ส ออฟ เดอะ ฟลาวเวอร์ มูน มีความยาวอยู่ที่ 206 นาที หรือ 3 ชั่วโมง 26 นาที ทำให้มันเป็นภาพยนตร์ขนาดยาวที่มีความยาวเป็นลำดับที่สองของ สกอร์เซซี ตามหลัง The Irishman (2019) หรือ คนใหญ่ไอริช ที่มีความยาว 209 นาที หรือ 3 ชั่วโมง 29 นาที โดยหากรวมภาพยนตร์สารคดีที่เป็นฝีมือของผู้กำกับวัย 80 ปีด้วยแล้ว มันจะมีความยาวเป็นลำกับที่หกแทน
Killers of the Flower Moon หรือ คิลเลอร์ส ออฟ เดอะ ฟลาวเวอร์ มูน เข้าฉายในโรงภาพยนตร์แล้ววันนี้
สำหรับแฟนหนังเมเจอร์ ห้ามพลาดกับบัตรดูหนังสุดคุ้ม M PASS ที่จะทำให้คุณคุ้มเต็มอิ่มกับการดูหนังตลอดทั้งปี เตรียมไปมันส์กับกองทัพหนังดังมากมาย สมัครง่ายๆเพียงแค่คลิก ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก Total Film
206 นาที
