จักรวาลมืดรอดแล้ว The Mummy ทำรายได้น่าพอใจจนมีโอกาสได้สร้างภาคต่อ

The Mummy ภาพยนตร์เรื่องแรกจากจักรวาลน้องใหม่ของ Universal ในขณะที่หลายคนต่างก็ผิดหวังกับภาพยนตร์เรื่องนี้จนทำให้รายได้ในบ้านเกิดอย่างสหรัฐอเมริกาไม่ประสบความสำเร็จเอาเสียเลย แต่นั่นแตกต่างกับตลาดภาพยนตร์ต่างชาติที่ภาพยนตร์ The Mummy เรื่องนี้ทำรายได้ดีจนไม่ใช่แค่อนาคตของ Dark Universe ที่เริ่มมีหวังเท่านั้น แต่ภาคต่อของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ดูท่าจะเริ่มเห็นแสงรำไรขึ้นมาเช่นกัน

รายได้ของ The Mummy ที่เกิดขึ้นภายในประเทศของตัวเองอย่างสหรัฐอเมริกานั้น รวมแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 80.1 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯเท่านั้น พูดได้เต็มปากว่าขาดทุนยับเยิน ทำให้อนาคตของจักรวาลมืดที่ Universal บรรจงสร้างขึ้นมาแข่งขันในตลาดภาพยนตร์ยุคปัจจุบันเริ่มสั่นคลอน ทำให้ทางสตูดิโอต้องกลับมาทบทวนแผนการภาพยนตร์ในมืออีกครั้งไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ปีศาจมนุษย์ล่องหน The Invisible Man หรือภาพยนตร์มนุษย์หมาป่า The Wolf Man และภาพยนตร์ที่ประกาศกำหนดการสร้างไปแล้วอย่างเจ้าสาวของแฟรงเกนสไตน์ The Bride of Frankenstein ที่เตรียมเข้าฉายในปี 2019 เป็นเรื่องถัดไปของจักรวาลนี้

ท่ามกลางความไม่แน่นอนเหล่านั้น อนาคตของจักรวาลมืดขึ้นอยู่กับรายได้ต่างประเทศที่จะเป็นตัวชี้ขาดอนาคตของแฟรนไชส์นี้ และพวกเขาก็ไม่ผิดหวัง เพราะหลังจากที่ The Mummy ได้เข้าฉายทั่วโลก แม้ในบ้านอาจจะทำรายได้ไม่ดีนัก แต่สำหรับตลาดต่างประเทศถือเป็นเรื่องตรงกันข้าม โดยเฉพาะในประเทศจีนที่กวาดไปได้สูงกว่า 91 ล้านเหรียญ ในขณะที่รวมทั้งหมดแล้วจนจบสิ้นกำหนดการฉาย The Mummy กวาดรายได้นอกประเทศไปกว่า 327.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อรวมรายได้ในประเทศแล้วจึงผ่านหลัก 400 ล้านเหรียญสหรัฐฯไปแบบคาบเส้น

ด้วยรายได้ประมาณนี้นอกจากเราจะได้เห็นภาพยนตร์เรื่องต่อไปของจักรวาลมืดของ Universal แล้ว ยังมีความเป็นไปได้ที่ภาพยนตร์ The Mummy เรื่องนี้จะสามารถสร้างภาคต่อให้ออกมาแก้มือได้อีกครั้ง แต่ข่าวคร่าวที่แน่นอนจะเป็นอย่างไรคงต้องรอติดตามกันต่อไป แต่สำหรับใครที่อยากเห็นพระเอกคนสำคัญจาก The Mummy ที่เป็นขวัญใจสาวน้อยสาวใหญ่มากมายอย่างป๋า ทอม ครูซ มาแสดงภาพยนตร์ให้ดูกันอีกครั้งแล้วล่ะก็ ช่วงนี้ก็มีภาพยนตร์ของป๋าเข้าฉายอยู่พอดิบพอดี นั่นคือ The American Made ไปให้กำลังใจป๋าและชมภาพยนตร์ที่สร้างมาจากเรื่องจริงสุดทึ่งพร้อมกันได้ 31 สิงหาคมนี้ในโรงภาพยนตร์