ย้อนประวัติผู้กำกับ หลุยส์ เลเทอร์เรียร์ ก่อนที่เขาจะมาชี้ทางให้ครอบครัวใน Fast X

ย้อนประวัติผู้กำกับ หลุยส์ เลเทอร์เรียร์ ก่อนที่เขาจะมาชี้ทางให้ครอบครัวใน Fast X

 

 

เฟรนไชส์ภาพยนตร์ เร็ว…แรงทะลุนรก อยู่ในมือของผู้กำกับนักสร้างสรรค์อย่าง จัสติน ลิน มาอย่างยาวนาน โดยเขากำกับภาพยนตร์ในเฟรนไชส์นี้ไปถึงห้าเรื่อง นับตั้งแต่ The Fast and The Furious Tokyo Drift (2006) หรือ เร็ว..แรงทะลุนรก ซิ่งแหกพิกัดโตเกียว อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้เป็นผู้กำกับคนเดียวที่รับผิดชอบเรื่องราวทั้งหมดในจักรวาลนี้ ผู้กำกับ ร็อบ โคเฮน เปิดฉากตำนานนักซิ่งในภาพยนตร์ The Fast and the Furious (2001) หรือ เร็ว…แรงทะลุนรก ในขณะที่ผู้กำกับคนดังอย่าง เจมส์ วาน และ จอห์น ซิงเกิลตัน กำกับภาพยนตร์ในเฟรนไชส์นี้คนละหนึ่งภาค และล่าสุดกับ Fast X หรือ เร็ว…แรงทะลุนรก 10 ก็มีผู้กำกับคนใหม่ที่มีชื่อว่า หลุยส์ เลเทอร์เรียร์ มาร่วมสานต่อตำนาน โดยเขาคนนี้เริ่มต้นจากอุตสาหกรรมภาพยนตร์ยุโรปในฝรั่งเศส ก่อนที่จะเดินทางต่อมายังอุตสาหกรรมภาพยนตร์อเมริกัน

โดยต้องยอมรับกันตรง ๆ ก่อนว่า หลุยส์ เลเทอร์เรียร์ ไม่ได้เป็นผู้กำกับเบอร์ใหญ่ที่ใครก็จดจำกันได้ ในแบบเดียวกันกับ คริสโตเฟอร์ โนแลน หรือ เจมส์ กันน์ แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะมาแทนที่ผู้กำกับ จัสติน ลิน ที่ถอนตัวออกไปก่อนที่ภาพยนตร์ ร็ว…แรงทะลุนรก 10 จะเริ่มถ่ายทำเพียงหนึ่งสัปดาห์ เขาก็มีผลงานที่น่าจดจำอยู่หลายเรื่องเลยทีเดียว โดยบทบาทแรกของเขาคือการรับหน้าที่เป็นผู้กำกับร่วมกับ คอรี่ย์ หยวน ในภาพยนตร์แอคชั่นของ เจสัน สเตแธม หลายคนอาจก็คงจะคุ้นชื่อกันเป็นอย่างดีอย่าง The Transporter (2002) หรือ ขนระห่ำไปบี้นรก

ส่วนอาชีพผู้กำกับแบบเต็มตัวของ หลุยส์ เลเทอร์เรียร์ เริ่มต้นขึ้นในปี 2005 ในภาพยนตร์แอคชั่นที่นำแสดงโดยตำนานนักบู๊อย่าง เจ็ท ลี ที่มีชื่อว่า Unleashed (2005) หรือ คนหมาเดือด ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่ทำให้ผู้ชมเริ่มจะได้เห็นแนวทางการเล่าเรื่องของเขา ที่มักจะให้ความสำคัญกับอดีตที่ยังสะสางไม่จบของตัวละครหลัก ซึ่งจะปรากฏให้เห็นอีกหลายครั้งในภาพยนตร์ที่เขารับหน้าที่เป็นผู้กำกับหลังจากนั้น

ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวยังทำให้ เลเทอร์เรียร์ ถูกจับตามองในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์แอคชั่นที่เชี่ยวชาญเรื่องการต่อสู้ตัวต่อตัว จนทำให้เขาได้กำกับภาพยนตร์ The Transporter 2 (2005) หรือ ทรานสปอร์ตเตอร์ 2 ภารกิจฮึด...เฆี่ยนนรก ก่อนที่จะเปลี่ยนแนวไปกำกับภาพยนตร์ที่แนวซูเปอร์ฮีโร่ ที่เป็นภาพยนตร์เรื่องที่สองในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลอย่าง The Incredible Hulk (2008) หรือ มนุษย์ตัวเขียวจอมพลัง

หลังจากนั้นเขาก็ต่อยอดประสบการณ์การทำงานในภาพยนตร์ที่ถ่ายทำผ่านฉากเขียวและใช้คอมพิวเตอร์กราฟฟิกไปสู่ Clash of the Titans (2010) หรือ สงครามมหาเทพประจัญบาน ที่ทำรายได้ไปกว่า $493 ล้านเหรียญ ก่อนที่จะไปร่ายมายากลเหนือโลกใน Now You See Me (2013) หรือ อาชญากลปล้นโลก ที่ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในผู้กำกับที่ไว้ใจได้มากที่สุดคนหนึ่งในฮอลลีวูด หากเป็นงานกำกับภาพยนตร์ที่ใช้คอมพิวเตอร์กราฟฟิกเป็นหลัก

หลังจากที่ไม่ประสบความสำเร็จในบ็อกซ์ออฟฟิศกับ The Brothers Grimsby (2016) หรือ พี่น้องสายลับ เลเทอร์เรียร์ ก็ได้เปลี่ยนความสนใจไปยังซีรีส์บนโทรทัศน์มากขึ้น โดยหลังจากเขากำกับซีรีส์ที่มีชื่อว่า Tycoon (2017-) เขาก็ได้กำกับซีรีส์ความยาวสิบตอนที่มีชื่อว่า The Dark Crystal: Age of Resistance (2019) หรือ เดอะ ดาร์ก คริสตัล: กำเนิดกบฏกล้า นอกเหนือไปจากนั้น เขายังกำกับซีรีส์ Lupin (2021-) หรือ จอมโจรลูแปง ของเน็ตฟลิกซ์อีกทั้งหมดสามตอน ก่อนที่เขาจะกลับมากำกับภาพยนตร์ครั้งใน The Takedown (2022) ภาพยนตร์แอคชั่นคอเมดี้สัญชาติฝรั่งเศส และหวนคืนอย่างเป็นทางการในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่าง เร็ว…แรงทะลุนรก 10 ซึ่งเขาต้องแบกรับเอาความกดดันไว้มากพอสมควร เนื่องจากเข้ามารับงานในช่วงที่ภาพยนตร์ใกล้จะถ่ายทำอยู่เต็มที

Fast X หรือ เร็ว... แรงทะลุนรก 10 มีกำหนดเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในวันที่ 17 พฤษภาคม ที่จะถึงนี้

 

สำหรับแฟนหนังเมเจอร์ ห้ามพลาดกับบัตรดูหนังสุดคุ้ม M PASS ที่จะทำให้คุณคุ้มเต็มอิ่มกับการดูหนังตลอดทั้งปี เตรียมไปมันส์กับกองทัพหนังดังมากมาย สมัครง่ายๆเพียงแค่คลิก ที่นี่ 

ขอบคุณข้อมูลจาก Collider