เปิดใจ แดเนียล เคร็ก ทำไมถึงยอมกลับมาเล่น 007 เจมส์ บอนด์ เรื่องที่ 5
ในตอนที่ภาค Spectre ถูกปล่อยออกมา มันดูเหมือนว่าในภาคนี้จะเป็นภาคสุดท้ายของ แดเนียล เคร็ก (Daniel Craig) ในการรับบทสายลับ 007 เพราะจากการให้สัมภาษณ์กับหลายๆสื่อเขาได้ยืนยันอย่างหนักแน่นว่าเขาจะไม่กลับมาอีกครั้งอย่างแน่นอน โดยเขายอมกรีดข้อมือตัวเองดีกว่าที่จะกลับมาต่อสัญญาอีกครั้งในเฟรนไชส์นี้ แต่แล้วในที่สุดเขาก็กลับมาอีกครั้งกับอีก 1 ภาคในภาคที่ 25 No Time To Die แล้วอะไรคือเหตุผลที่เขากลับมา?
จากการพูดคุยกับสื่อ Empire. เคร็ก ถูกถามถึงเหตุผลเบื้องหลังในการกลับมาอีกครั้ง เขาจึงให้เหตุผลว่า
“หากภาคนั้นมันใช่ โลกจะดำเนินต่อไปอย่างปกติและผมก็จะสุขสบายอย่างแน่นอน แต่เพราะอะไรบางอย่างมันกลับทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าเราต้องทำอะไรบางอย่างให้เสร็จสิ้น และหากผมทิ้งมันเอาไว้ที่ภาค Specter อะไรที่มันอยู่ในหัวผมมันก็จะทำให้คิดไม่หยุด ผมจึงหวังว่าจะได้ทำอีกภาค ผมมีความไอเดียความลับบางอย่างอยู่เยอะมากในหัวผมและผมก็ต้องการจะปลดปล่อยมันออกมา และในภาค Spectre มันก็ไม่ได้ตอบโจทย์ผม แต่ในภาคนี้ผมรู้สึกว่ามันใช่ครับ”
แดเนียล เคร็ก กลับมารับบท เจมส์ บอนด์ เป็นครั้งที่ 5 ในภาพยนตร์ James Bond ซึ่งเป็นภาคที่ 25 โดยใช้ชื่อว่า No Time To Die (007 พยัคฆ์ร้ายฝ่าเวลามรณะ) ภาพยนตร์กำกับโดย แครี่ โจจิ ฟูกุนากะ
ใน No Time To Die เจมส์ บอนด์กำลังสนุกไปกับชีวิตอันเงียบสงบในจาไมก้า แต่ช่วงเวลาพักผ่อนนั้นก็เป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ เพราะเฟลิกซ์ เลเทอร์ เพื่อนเก่าจากซีไอเอ มาขอให้เขาช่วยทำงาน เป้าหมายคือช่วยชีวิตนักวิทยาศาสตร์ที่ถูกลักพาตัวไป ซึ่งเหตุการณ์นี้ดูเลวร้ายกว่าที่คิดไว้ บอนด์ต้องเข้าไปเผชิญกับศัตรูลึกลับที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่สุดอันตรายเป็นอาวุธ
นอกจาก แดเนียล เคร็ก แล้ว ภาพยนตร์ No Time To Die ยังได้เจ้าของรางวัลออสการ์อย่างรามี มาเลค มาร่วมงานด้วย รวมถึงนักแสดงอีกมากมาย อาทิ เลอา เซย์ดูว์, ลาชาน่า ลินช์, เบน วิชอว์, นาโอมิ แฮร์ริส, เจฟฟรี่ย์ ไรท์, คริสทอฟ วอลทซ์ และเรล์ฟ ไฟนส์ ในบท “เอ็ม” ร่วมด้วย รอรี่ คินเนียร์ และ อนา เดอ อาร์มัส
007 Bond 25: No Time to Die พยัคฆ์ร้ายฝ่าเวลามรณะ วางแผนเข้าฉาย 9 เมษายน 2020 ในโรงภาพยนตร์
เรียบเรียงจาก: http://www.darkhorizons.com