สำรวจคลังแสงแห่งแพนโดร่ากับ “ธนู” อุปกรณ์คู่ใจของชาวนาวี

ชาวนาวีถือว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่ไม่ได้มีวิทยาการลํ้าหน้ามากเท่าใดนัก หากเปรียบเทียบกับผู้รุกรานอย่างมนุษย์ พวกเขามุ่งใช้ชีวิตร่วมกับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ บนดาวแพนโดร่าในรูปแบบของการพึ่งพาอาศัยกัน ผ่านการเชื่อมโยงสายสัมพันธ์ระหว่างตัวของพวกเขาเองกับธรรมชาติบนดาวแพนโดร่าที่ก็ต่างเชื่อมโยงกันด้วยเครือข่ายรากของรุกขชาติแห่งวิญญาณ ดังนั้นอาวุธที่พวกเขาใช้ส่วนใหญ่จึงเป็นอาวุธที่ประดิษฐ์ขึ้นมาจากวัสดุที่มาจากธรรมชาติเหล่านี้ โดยยังมีการความเคารพที่มีต่อวัสดุเหล่านี้ในแง่ของพิธีกรรมอีกด้วย ซึ่งอาวุธที่ผู้ชมคุ้นหน้าคุ้นตามากที่สุดก็คงเป็นธนู ที่ชาวนาวีทุกคนจำเป็นจะต้องมีความเชี่ยวชาญ โดยประเภทของธนูที่พบได้ทั่วไปในวัฒนธรรมของชาวนาวีจะแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท ดังนี้

1. Banshee Bow

ธนูประเภทนี้ถูกออกแบบมาเพื่อจุดมุ่งหมายหลัก คือ ใช้ในการต่อสู้บนท้องฟ้าเมื่ออยู่บนหลังสัตว์อย่าง Banshee 

โดยธนูประเภทนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากส่วนประกอบของเขาของ Banshee และตกแต่งด้วยลวดลายต่าง ๆ ที่เป็นจุดเด่นของเจ้าสัตว์ปีกที่เป็นเจ้าของชื่อประเภทของธนูนี้ ส่วนของบริเวณที่จับจะทำมาจากเส้นใยทอที่เชื่อมต่อกันด้วยกาวที่ผลิตขึ้นมาจากพืช ส่วนสายธนูทำขึ้นมาจากเส้นเอ็นและตกแต่งด้วยลูกปัดเล็ก ๆ โดยธนูแต่ละคันก็จะมีความสวยงามแตกต่างกันออกไปตามการออกแบบของเจ้าของธนู

จะมีเส้นด้ายเล็ก ๆ อยู่บริเวณสายธนูที่ช่วยในการบ่งบอกทิศทางลมเพื่อการยิงที่แม่นยำ และจะมีฐานของตัวคันธนูที่สั้นเพื่อที่จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนตำแหน่งบนอานนั่งได้อย่างไม่ติดขัดเมื่ออยู่บนหลังของเจ้า Banshee

ธนูประเภทนี้มีนำ้หนักประมาณ 3.4 กิโลกรัมและมีความยาวอยู่ที่ 2.9 เมตร

2. Direhorse Bow

เช่นเดียวกันกับธนูประเภทแรก Direhorse Bow เป็นอาวุธที่ชาวนาวีจะใช้งานเมื่ออยู่บนหลังสัตว์ขี่อย่าง Direhorse

เมื่อเติบโตขึ้นและผ่านพิธีกรรมที่จำเป็นแล้ว นักล่าชาวนาวีแต่ละคนจะได้รับอนุญาตให้สลักคันธนูขึ้นมาจากกิ่งของต้นไม้โฮมทรี ซึ่งธนูเหล่านี้จะเป็นสัญลักษณ์ของการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ซึ่งตามมาด้วยความรับผิดชอบ โดยทำหน้าที่เป็นอาวุธหลักในการออกล่าของนักรบชาวนาวี อีกทั้งยังถูกตกแต่งอย่างสวยงามเพื่อใช้ในการประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ

โดยธนูประเภทนี้ถูกผลิตขึ้นมาจากไม้ขึ้นรูป บริเวณที่จับทำขึ้นจากผิวหนังของสัตว์ที่มีเกล็ด ผสานด้วยกาวที่ผลิตขึ้นมาจากพืช สายธนูทำขึ้นมาจากเส้นเอ็นของเจ้า Sturmbeest และมีฐานของตัวคันธนูที่สั้นเพื่อที่จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนตำแหน่งบนอานนั่งได้อย่างสะดวก

ธนูประเภทนี้มีนำ้หนักประมาณ 3.6 กิโลกรัมและมีความยาวอยู่ที่ 3 เมตร

3. Ceremonial Bow

Ceremonial Bow ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์หลัก คือ การใช้ในการทำพิธีกรรมของเหล่าผู้อาวุโส แม้ว่าจะถูกออกแบบมาเพื่อความสวยงามด้วยเทคนิคการประดิษฐ์ชั้นสูงของชาวนาวี แต่ธนูประเภทนี้ก็ยังสามารถทำหน้าที่ของมันได้อย่างสมบูรณ์แบบเมื่อต้องออกล่าหรือต่อสู้

มันจะถูกตกแต่งเพื่อให้เกียรติกับสัตว์อย่าง Direhorse ที่เป็นสัตว์ที่ช่วยเหลือชาวนาวีในการออกล่าและการต่อสู้ โดยธนูที่งดงามนี้จะถูกส่งต่อกันจากรุ่นสู่รุ่นและเป็นเครื่องหมายที่ทรงพลังของการเอาชีวิตรอด, ความต่อเนื่อง และวัฒนธรรมประเพณี มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่จะได้ครอบครอง Ceremonial Bow คือ การรอคอยอย่างอดทนให้มันถูกส่งต่อผ่านมาจากรุ่นสู่รุ่น

ธนูประเภทนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากต้นไม้โฮมทรีและสายธนูที่ทำขึ้นมาจากเส้นเอ็นของสัตว์ วัสดุทั้งหมดจะถูกยึดเข้าด้วยกันด้วยสายรัดและเชือกที่ทำขึ้นมาจากเส้นใยพืช ส่วนลูกธนูก็จะถูกบรรจุไว้ในกระบอกที่อยู่บริเวณด้านหน้าของที่จับของธนู ทำให้ชาวนาวีที่ใช้ธนูประเภทนี้ไม่จำเป็นต้องมีกระบอกลูกธนูแบบเดียวกับที่มนุษย์มักจะใช้กัน

ธนูประเภทนี้มีนำ้หนักประมาณ 3.7 กิโลกรัมและมีความยาวอยู่ที่ 2.9 เมตร

4. Child's Bow

Child's Bow หรือธนูสำหรับเด็ก เป็นอาวุธขนาดเล็กที่จะถูกใช้เพื่อสอนชาวนาวีวัยเยาว์เกี่ยวกับวิธีการใช้ธนู

โดยถูกสร้างขึ้นอย่างง่ายให้มีขนาดเล็ก ซึ่งแน่นอนว่าจะมีพลังในการยิงไม่รุนแรงเท่าธนูประเภทที่เป็นธนูสำหรับผู้ใหญ่ แต่ว่าชาวนาวีวัยเยาว์ก็สามารถยิงธนูด้วยความแม่นยำจนเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ง่ายดายอย่างน่าทึ่ง ทำให้ธนูเหล่านี้ไม่ถือว่าของเล่น แต่เป็นอุปการณ์ที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างปราณีตเพื่อใช้ในการฝึกฝน โดยผลิตขึ้นมาจากไม้ขึ้นรูป และตกแต่งด้วยเส้นด้าย, เชือก และผงสำหรับแต้มสี

ธนูประเภทนี้มีนำ้หนักประมาณ 1 กิโลกรัมและมีความยาวอยู่ที่ 1 เมตร

โดยหากใครต้องการที่จะเห็นอาวุธคู่กายของชาวนาวีเหล่านี้อย่างใกล้ชิด สามารถไปรับชมด้วยตัวเองได้ในโรงภาพยนตร์แล้วนี้

 สำหรับแฟนหนังเมเจอร์ ห้ามพลาดกับบัตรดูหนังสุดคุ้ม M PASS ที่จะทำให้คุณคุ้มเต็มอิ่มกับการดูหนังตลอดทั้งปี เตรียมไปมันส์กับกองทัพหนังดังมากมาย สมัครง่ายๆเพียงแค่คลิก ที่นี่ 

ขอบคุณข้อมูลจาก Avatar Wiki Fandom