Transformers: Rise of the Beasts จะช่วยชุบชีวิตเฟรนไชส์จักรกลเหล็กได้อย่างไร?

การ์ตูนต้นฉบับของ Transformers Beast Wars มีฉากหลังเป็นโลกอนาคตในอีก 100 ปีข้างหน้า เมื่อ Autobots และ Decepticons ได้วิวัฒนาการไปสู่ฝักฝ่ายใหม่ที่ยังคงต่อสู้กัน คือ Maximals และ Predacons แม้จะมีข้อกังขาว่าการที่จะนำเสนอเรื่องราวของ Beast Wars เข้ามาในเฟรนไชส์ของทรานส์ฟอร์เมอร์สในปัจจุบัน ที่เรื่องราวที่มีอยู่ในตอนนี้ก็จะค่อนข้างยุ่งเหยิงอยู่พอสมควร ก็อาจจะเป็นเรื่องที่อาจจะทำให้เนื้อหามันล้นขึ้นไปอีก แต่หลายฝ่ายก็คาดหวังว่าทิศทางดังกล่าวของผู้กำกับ Steven Caple Jr. (Creed II, The Land) จะช่วยนำพาสิ่งใหม่ ๆ มาสู่เฟรนไชส์จักรกลเหล็กได้

1. ภาพยนตร์ Transformers ยึดติดอยู่กับไทม์ไลน์ G1

Transformers: Rise of the Beasts จะเป็นการนำพาจักรกลเหล็กใหม่ ๆ เข้ามาสู่เนื้อเรื่องของภาพยนตร์ ซึ่งเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก เนื่องจากนับตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่องแรกของเฟรนไชส์ที่กำกับโดย Michael Bay ในปี 2007 เฟรนไชส์ก็ยังยึดติดกับภาพลักษณ์ของหุ่นเหล็กใน Generation 1 ซึ่งเป็นชุดของเล่นที่ทำให้เฟรนไชส์เติบโตขึ้นมาด้วยความนิยมอย่างกว้างขวางในฐานะวัฒนธรรมประชาชน และเป็นรากฐานสำคัญของแทบจะทุกสื่อที่เกี่ยวข้องกับทรานส์ฟอร์เมอร์ส ยกตัวอย่างเช่น Autobots, Decepticons, Optimus Prime และ Megatron

แม้ว่าตัวของภาพยนตร์จะถูกสร้างขึ้นมาอย่างอิสระ แต่หุ่นเหล็กที่ปรากฏบนจอภาพยนตร์อย่าง Bumblebee, Starscream, Ironhide, Soundwave และ Ratchet ล้วนแล้วแต่ถูกสร้างขึ้นในยุคของ Generation 1 แม้ว่าจะมีเนื้อเรื่องที่แตกต่างออกไปบ้าง แต่หุ่นเหล็กเหล่านี้ก็ล้วนแล้วแต่ถูกดัดแปลงจุดประสงค์มากจากยุคของ Generation 1 แม้กระทั่ง Bumblebee ก็ถูกนำเสนอในรูปแบบซํ้าเดิม และฉากสงครามที่ดาวไซเบอร์ตรอนก็เชิดชูหุ่นใน Generation 1 เช่นเดียวกัน ซึ่งก็มีหลายคนที่มองว่าการที่ยังยึดติดกับหุ่นชุดเดิมนี้ จะเป็นการฉุดรั้งไม่ให้เฟรนไชส์เดินหน้าต่อไปได้ และคาดหวังว่าหุ่นเหล็กใหม่ ๆ ในชุดของ Beast Wars จะช่วยสร้างแนวทางใหม่ให้กับเฟรนไชส์ได้

2. Rise Of The Beasts จะช่วยขยายจักรวาลหุ่นเหล็กได้อย่างกว้างขวาง

เนื่องจากเหตุการณ์ในการ์ตูนต้นฉบับอย่าง Transformers Beast Wars เกิดขึ้นในอีกไทม์ไลน์หนึ่ง ก็หมายความว่าตัวของภาพยนตร์ Transformers: Rise of the Beasts จะสามารถพาผู้ชมไปสำรวจเหตุการณ์อื่น ๆ ที่นอกเหนือไปจากสงครามที่ต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงดาวไซเบอร์ตรอนได้ ซึ่งถือว่าเป็นวัตถุดิบที่สดใหม่มากกว่าที่ Michael Bay เคยมีเสียอีก

3. Rise Of The Beasts สามารถแก้ปัญหาความต่อเนื่องของภาพยนตร์ในเฟรนไชส์ได้.

แม้ว่าภาพยนตร์ Bumblebee (2018) จะยอดเยี่ยมมากเพียงได้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าฉากหลังในยุค ‘80s ของมันมีปัญหาไม่น้อยกับการทำให้เกิดพล็อตโฮลซึ่งไม่ลงรอยกับภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ ในเฟรนไชส์เลย ทั้งในเรื่องของช่วงเวลาที่มีการมาเยือนโลกของเหล่าทรานส์ฟอร์เมอร์สภายหลังการพังทลายของดาวไซเบอร์ตรอน และเนื่องจากเหตุการณ์ใน Transformers: Rise of the Beasts เกิดขึ้นในปี 1994 นั่นก็หมายความว่ามันอาจจะเป็นการรื้อและสร้างเรื่องราวของจักรวาลใหม่ทั้งหมด และภาพยนตร์ไตรภาคของ Michael Bay ที่ฉากหลังตั้งอยู่ในยุค ‘00s จนถึง ‘10s จะกลายเป็นอีกไทม์ไลน์หนึ่งไป

Transformers: Rise of the Beasts มีกำหนดเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในวันที่ 8 มิถุนายน 2023

สำหรับแฟนหนังเมเจอร์ ห้ามพลาดกับบัตรดูหนังสุดคุ้ม M PASS ที่จะทำให้คุณคุ้มเต็มอิ่มกับการดูหนังตลอดทั้งปี เตรียมไปมันส์กับกองทัพหนังดังมากมาย สมัครง่ายๆเพียงแค่คลิก ที่นี่ 

ขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์ Screenrant