สิ่งก่อสร้างทั้งหมดทำให้มุสเชียตติและทีมงานมีโอกาสถ่ายทอดเรือ่งราวผ่านกล้องได้อย่างเต็มที่ แล้วนำมาเพิ่มขนาดหรือความยิ่งใหญ่ภายหลัง โดยจะใช้การถ่ายทอดจริงก่อนให้ได้มากที่สุด หลังจากนั้นจะใช้วิชวชเอ็ฟเฟ็กต์สำหรับสิ่งที่เกินกว่าจะสร้างขึ้นมาได้
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือฉากที่มีเจสสิก้า แชสเทน เมื่อตัวละครของเธอต้องเผชิญหน้ากับความกลัวที่ฝังลึกตั้งแต่เด็ก ในเรื่อง “IT” บีเวอร์ลีเห็นช่องที่อยู่ในห้องน้ำโรงเรียน เธอเคยถูกพวกที่ทำตัวเจ๋งกลั่นแกล้งและเยาะเย้ยเธอ ตอนนี้เพนนีไวส์จะพาเธอย้อนไปยังจุดนั้นและเป็นฉากที่ดูหลอนมากขึ้น
เพื่อเป็นการเลี่ยงเทคนิคดิจิตัล กองถ่ายต้องใช้ “เลือด” มากถึง 5,000 แกลลอน (โดยใช้ส่วนผสมระหว่างเมธิลเซลลูโลสกับสีแดง) ที่ได้จากบริษัทผลิตเอ็ฟเฟ็กต์ในแคลิฟอร์เนียในโตรอนโต มีการทดลองหลายครั้งเพื่อความแน่ใจว่านักแสดงหญิงจะไม่ถูกย้อมสีกลายเป็นสีชมพู เพื่อให้ได้เอ็ฟเฟ็กต์เลือดท่วมตัวอย่างที่มุสเชียตติต้องการ จึงต้องมีการผลิตระบบท่อที่มีความกว้างขึ้นมา 10 ท่อ และต้องระบายเลือดได้ 2 ตันครึ่ง เมื่อถึงเวลาถ่ายทำจริงระบบนั้นใช้งานได้ดี และเชสเทนต้องมีการถ่ายทำแยก 2 ครั้ง ทั้งตกลงไปในนั้นและว่ายลงไปอีกครั้งเธอต้องนับถึง 5 ก่อนค่อยถ่ายทำฉากสำรองเอาไว้
“มันน่าขยะแขยงมากค่ะ” นักแสดงยอมรับพร้อมหัวเราะ “มันเข้าไปในตา หู จมูก เราต้องถ่ายทำกันทั้งคืน แอนดี้พูดตอนนั้นว่า ‘มันดูดีมากเลย ผมมีความสุขจัง’ ส่วนฉันตอบ ‘โอเค คุณรู้แล้วว่าตัวเองมีความสุขขนาดไหน!’ จนช่วงท้ายของการถ่ายทำฉันเข้าไปกอดแอนดี้กับบาร์บาราแน่นมาก พวกเขาเอารูปนั้นส่งมาให้ฉันด้วย กลายเป็นทุกคนเต็มไปด้วยเลือดนี่ แต่พวกเราก็มีความสุขกันมากค่ะ”