รีวิว Minari ปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตให้เติบโต หวนคืนสู่รากเหง้าของครอบครัว

 

 

รีวิว Minari ปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตให้เติบโต

หวนคืนสู่รากเหง้าของครอบครัว

 

หากปีที่แล้ว Parasite ได้ก้าวขึ้นไปสร้างประวัติศาสตร์บทเวทีประกาศรางวัลออสการ์ ปีนี้ก็อาจจะเป็นคราวของ Minari ภาพยนตร์สัญชาติเกาหลีอีกหนึ่งเรื่อง หลังจากได้เข้าชิงในรางวัลออสการ์ถึง 6 สาขาด้วยกัน 3 ใน 6 คือรางวัลใหญ่ของเวที อย่าง สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม, สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม และสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม แต่เรื่องนี้มีความแตกต่างจาก Parasite อยู่พอสมควร ซึ่งจะยอดเยี่ยมอย่างไรนั้น วันนี้เราจะมารีวิวกัน

 

 

เรื่องราวของ Minari เริ่มต้นขึ้นที่ครอบครัว อี ครอบครัวเล็ก ๆ ประกอบไปด้วย เจคอบ ผู้เป็นพ่อและหัวหน้าครอบครัว, โมนิก้า คุณแม่, แอนน์ ลูกสาวคนโต และเดวิด ลูกชายคนเล็ก ทั้งหมดเป็นชาวเกาหลีที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานใหม่ในรัฐอาร์คันซอ รัฐทางตอนใต้ของประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยความหวังของเจคอบที่อยากจะทำฟาร์มปลูกผักเกาหลี เป็นเกษตรกรที่มีชีวิตที่ดี แต่จุดเริ่มต้นของพวกเขาไม่ง่าย เพราะทั้งพ่อและแม่ต่างก็ต้องไปทำงาน ทำให้ไม่มีเวลามาดูแลลูกทั้ง 2 คน จนต้องให้ คุณยายซุนจา เดินทางจากเกาหลีมาเพื่อดูแลเด็ก ๆ

 

การมาถึงของคุณยายซุนจานี่เองที่ทำให้ครอบครัวนี้ได้เรียนรู้สิ่งสำคัญในชีวิต ไปพร้อม ๆ กับการเผชิญหน้ากับบททดสอบที่เข้ามาท้าทายมากมาย เพื่อทดสอบความรัก และความสัมพันธ์ของครอบครัวว่าจะมั่นคง และก้าวข้ามผ่านมันไปได้หรือไม่

 

 

ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้หยิบเอาเรื่องราวจากบันทึกชีวิตครอบครัวของผู้กำกับ ลี ไอแซก ซุง มาร้อยเรียงใหม่กลายเป็นบทภาพยนตร์ เพราะฉะนั้นเราจะสามารถสัมผัสความสมจริงของบทสนทนา และเรื่องราวการดำเนินชีวิตของครอบครัวนี้ได้เป็นอย่างดี ยิ่งพอเป็นครอบครัวเอเชียด้วยแล้ว เราจะรู้สึกเหมือนได้เห็นภาพของครอบครัวตัวเองที่ต้องดิ้นรนผ่านช่วงเวลายากลำบาก พร้อมกันนั้นหนังก็นำเสนอความสวยงามของความสัมพันธ์ ผ่านคู่ยายซุนจา และหลานเดวิดออกมาได้อย่างน่ารักน่าหยิกจนเรายิ้มตามไปได้ตลอดทั้งเรื่อง

 

แม้ว่าในภาพยนตร์จะอุดมไปด้วยฉากอันแสนงดงามที่ชวนให้อบอุ่นหัวใจ แต่ก็มีจุดพลิกผันของเรื่องที่ทำให้เรารู้สึกสะเทือนใจ พร้อมเรียกน้ำตาของเราได้ไม่น้อย และความรู้สึกเหล่านั้นก็จะติดค้างเราไปตลอดทั้งเรื่อง จนเมื่อภาพยนตร์เดินทางมาถึงบทสรุป เนื้อเรื่องทั้งหมดได้ผ่านการตกตะกอนทางความคิด ความรู้สึกทุกอย่างได้ถูกประมวลผล ความท่วมถ้นของเนื้อหาและอารมณ์จะค่อย ๆ ถาโถมเข้ามาจนมันติดค้างอยู่ในใจเราไปเป็นเวลานานเลยทีเดียว

 

 

Minari ซ่อนสัญญะและประเด็นทางสังคมเอาไว้ตลอดทั้งเรื่อง ทั้งการที่ผู้ชายคิดว่าต้องเป็นผู้แบกรับภาระและความคาดหวังของครอบครัว สะท้อนการที่ผู้ชายกลายเป็นเหยื่อของประเด็น Toxic Masculinity, การหลงลืมรากเหง้าดั้งเดิมของตัวเอง, การดิ้นรนของครอบครัวผู้อพยพ ที่สะท้อนปัญหาการอพยพย้ายถิ่นฐาน เราจึงสามารถพูดได้เต็มปากว่า Minari คือภาพยนตร์ชั้นเยี่ยมคู่ควรที่จะเข้าชิงรางวัลออสการ์ในทุกสาขาอย่างไม่ต้องสงสัย ไปพิสูจน์กันได้แล้ว วันนี้ในโรงภาพยนตร์