สรุป 2 ภาค ชำแหละบาดแผลของหนังธอร์
ก่อนฉีกลุคใหม่สุดจ๊าบใน Thor: Ragnarok
อย่างที่เห็นกันไปในตัวอย่างภาพยนตร์ข้างบนว่า Thor: Ragnarok เป็นการฉีกลุคเดิม ๆ ในแบบที่เราเคยดูมาไปจนหมดสิ้น แต่ก็ใช่ว่าภาพยนตร์ภาคนี้จะไม่ย้อนไปเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในภาคก่อน แม้จะไม่มากมายแต่ก็ช่วยให้เราเข้าใจความเป็นมาเป็นไปของธอร์ในภาคนี้ได้มากยิ่งขึ้น วันนี้เราเลยอยากจะชวนทุกคนมาย้อนเวลากลับไปทบทวนเรื่องราวของเทพเจ้าสายฟ้า ในฉบับจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลกันอีกสักครั้ง เริ่มต้นที่...
1. THOR (2011)
ถ้าย้อนกลับไปดูตารางการปล่อยภาพยนตร์ของมาร์เวลแล้วนั้น ธอร์ คือฮีโร่คนที่ 3 ที่มาร์เวลตัดสินใจสร้างภาพยนตร์เดี่ยวออกมา ต่อจากปรากฎการณ์สุดฮิตอย่างไอออนแมน และการเปิดตัว The Incredible Hulk ที่แม้จะไม่ประสบความสำเร็จแต่ก็เป็นก้าวแรกในการเปิดตัวครอสโอเวอร์กันของเหล่าฮีโร่ที่กระตุ้นให้แฟน ๆ หันมาสนใจ
Thor ในภาคแรกนั้นเป็นหนังเดี่ยวที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับหนังเรื่องไหน แม้จะมีฉากลับ ๆ ซ่อนอยู่เพื่อให้เชื่อมโยงไปก็ตาม เรื่องราวว่าด้วยการพิสูจน์ความเป็นเทพและฮีโร่ของธอร์ ที่ต้องเผชิญหน้ากับการแย่งชิงบัลลังก์ของน้องชายสุดร้ายกาจ โลกิ ด้วยบุคลิกสุดอวดดีและขี้เก๊ก อาจจะทำให้แฟน ๆ ไม่ได้รู้สึกเอาใจช่วยเขามากเท่าไรนัก กลับกลายเป็นโลกิผู้มีมิติในอารมณ์มากกว่าที่ได้คะแนนนิยมไปจากแฟน ๆ ทำให้ในแง่ของเรื่องราวธอร์ภาคแรกทำได้เพียงเปิดตัวให้รู้ว่าเขามีตัวตนเท่านั้น
2. Thor: The Dark World (2013)
กลับมาในภาคที่ 2 นี้ ธอร์ได้เปิดตัวสู่โลกในฐานะฮีโร่ รวมทีมอเวนเจอร์ ที่ช่วยปกป้องโลกจากการรุกราน เขาเข้ามาเกี่ยวข้องเพราะโลกิ น้องชายสุดแสบเป็นผู้นำการบุกโลก ต่อเนื่องมาในภาคนี้ที่เพิ่มดีกรีความดราม่าของทั้งการชิงบัลลังก์แอสการ์ด พ่วงมาด้วยความรักที่เหมือนจะต้องห้ามของธอร์และเจน ฟอสเตอร์ แถมการบุกของเหล่าดาร์คเอลฟ์ที่หลายคนแซวหนัก ๆ ว่าเป็นแก๊งค์เทเลทับบี้
บาดแผลใหญ่หลวงของภาคนี้ก็คือการจับเอาความจริงจังและความตลกขบขันมาจับใส่ได้ไม่ถูกที่ถูกทางมากนัก แถมด้วยฉากต่อสู้ที่ไม่ได้รู้สึกว้าวอะไร นอกจากธอร์ถือค้อนไล่ทุบพร้อมสายฟ้าไปเรื่อย ๆ อีกทั้งบทบาทของมาเลคิธ วายร้ายดาร์คเอลฟ์ที่ในฉบับการ์ตูนมีสีสันและบทบาทอันโดดเด่น แต่พอถูกจับมาอยู่ในภาพยนตร์กลับจืดจางจนเราแทบจะจำเขาไม่ได้ และก็กลายเป็นอีกครั้งที่โลกิ แย่งซีนธอร์จนหมดสิ้นหลังจากช่วงท้ายของภาพยนตร์ไปแล้ว
จากภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องเราได้ดูกันมานั้น เห็นได้ชัดเลยว่า ธอร์ เทพเจ้าสายฟ้าที่มีความสามารถแข็งแกร่งเป็นอันดับต้น ๆ ของทีมอเวนเจอร์ส กลับทำได้เพียงแค่เติมเต็มเรื่องราวให้สมบูรณ์ เป็นเหมือนตัวประกอบที่ไม่ได้โดดเด่นมากนัก อีกทั้งกระแสและรายได้ของทั้งสองภาคก็ไม่ได้โดดเด่นสูสีกับเรื่องอื่น ๆ ทำให้นี่อาจจะกลายเป็นแรงผลักดันให้ทางมาร์เวลกล้าที่จะฉีกลุคเดิม ๆ ทิ้ง เสี่ยงปรับใหม่กลายเป็น Thor: Ragnarok ที่เรากำลังจะได้ดูกัน
สัญญาณการเลือกเส้นทางที่แตกต่างนี้ดูจะเป็นไปในทิศทางที่สวยงาม เพราะในภาคที่ 3 ธอร์เปิดตัวในโรงภาพยนตร์รอบโลก ยกเว้นตลาดใหญ่อย่างอเมริกา, จีน, ญี่ปุ่น, แม็กซิโก และไทย ก็สามารถทำรายได้ผ่านหลัก 100 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ด้วยทุนสร้าง 180 ล้านเหรียญ เป็นการเปิดตัวที่งดงาม ประกอบกับเสียงวิจารณ์ที่การันตีความสดถึง 95% จากเว็บมะเขือเน่าก็ชวนให้เราสามารถตั้งความหวังกับหนังเรื่องนี้ได้ไม่น้อย
แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เราอยากให้ทุกคนเตรียมตัวก่อนไปดูภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือ ลดความคาดหวังต่าง ๆ นา ๆ ลง ทำใจสบาย ๆ เปิดใจรับสิ่งใหม่ ๆ และเข้าไปสัมผัสกับความบันเทิงเพียว ๆ เราจะไม่โกหกว่านี่คือหนังสุดเพอร์เฟกต์ เพราะมันก็ยังคงมีบาดแผลอยู่ไม่น้อย แต่เรากล้ายืนยันเลยว่า Thor: Ragnarok คือหนังธอร์ที่บันเทิงที่สุดในทั้ง 3 ภาค!
Thor: Ragnarok
ฉายแล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์