HIGHLIGHT CONTENT

กลั้นน้ำตาระหว่างถ่ายทำ! คุยหลังกองถ่ายของหนังที่จะทำให้น้ำตาท่วมโรง The Last 10 Years

  • 994
  • 24 พฤษภาคม 2022

 

 

คุยหลังกองถ่าย THE LAST 10 YEARS

ภาพยนตร์รักที่ผู้กำกับสั่งให้

นานะ โคมัตสึ   เคนทาโร่ ซาคากุจิ กลั้นน้ำตาระหว่างถ่ายทำ

 

 

THE LAST 10 YEARS สุดท้ายและตลอดไป ภาพยนตร์ไลฟ์แอคชั่น สร้างสถิติภาพยนตร์คนแสดง ทำรายได้สูงสุดในญี่ปุ่นของปีนี้ทะลุบ็อกซ์ออฟฟิศ 2.9 พันล้านเยน! ได้รับเสียงชื่นชมท่วมท้นโลกโซเชียล จนมีผู้ชมเดินทางมาดูซ้ำหลายต่อหลายครั้ง นี่คือบทสัมภาษณ์พิเศษ พูดคุยถึงเบื้องหลังฉากต่างๆ ประกอบด้วย นานะ โคมัตสึ, เคนทาโร่ ซาคากุจิ และผู้กำกับ มิจิฮิโตะ ฟูจิอิ มองย้อนกลับไปในการถ่ายทำตลอดระยะเวลาประมาณหนึ่งปี

 

 

Q :หลังจากใช้เวลาถ่ายทำภาพยนตร์ร่วมกัน ภาพลักษณ์ของกันและกันเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง?

ผู้กำกับฟูจิอิ:(ตอนที่เจอครั้งแรก)ซาคากุจิคุงเค้าย้อมผมทองอยู่ครับ ตอนนั้นผมยังคิดเลยว่าเขาเป็นคนหล่อเท่ห์แถมไม่พูดอะไรสักคำทำไมเท่ห์อะไรขนาดนี้

คุณซาคากุจิ:ใช่เหรอครับ

ผู้กำกับฟูจิอิ:(หัวเราะ)หลังจากนั้นเราก็มีเวลาพูดคุยกันจริงจัง ตอนนั้นก็คิดนะว่าเขาเป็นคนยังไงกันแน่ เขายังไม่ค่อยเผยตัวออกมา(หัวเราะ) ตอนนั้นเขาดูจริงจังมากเลยครับ

คุณซาคากุจิ:เป็นไปได้ครับ ผมติดนิสัยคิดถึงบรรยากาศรอบๆตัว พอเวลาแบบนี้ก็กลายเป็น “อ่อ ยินดีที่ได้รู้จักครับ...”

ผู้กำกับฟูจิอิ:หลังจากนั้นเขาก็เริ่มเปลี่ยนเป็นซาคากุจิคุงที่เอาแต่ยิงมุกตลก ส่วนตอนที่ได้เจอกับโคมัจจัง(ชื่อเล่นในกองถ่ายของ นานะ โคมัตสึ)ครั้งแรก จริงๆแล้วผมเกร็งมากเลย ก่อนหน้านี้เคยเชิญเธอมาเล่นหนังเรื่องหนึ่งเมื่อนานมาแล้วแต่สุดท้ายเรื่องนั้นก็ยุบโปรเจคไป ตอนนั้นผมเขียนจดหมายให้เธอด้วยครับ เธอไม่น่าจำเรื่องนี้ได้แน่ๆ แต่เธอยังเก็บมันไว้อยู่เลย ทำไมเป็นคนดีอย่างนี้?!

คุณโคมัตสึ:ไม่หรอกค่ะ!(ขำ)

ผู้กำกับฟูจิอิ:พอมีเรื่องแบบนี้ก็รู้สึกได้เลยว่าเราผูกดวงกันเอาไว้อยู่ โคมัจจังก็พูดบ่อยๆว่าเราเหมือนรุ่นพี่กับรุ่นน้องในชมรมกีฬาอะไรสักอย่างที่ต้องช่วยกันต่อสู้เพื่อให้ได้มา เป็นเหมือนเพื่อนรบอะไรแบบนั้นเลยครับ

 

 

Q :คุณโคมัตสึเข้ามาร่วมโปรเจกต์นี้ได้ยังไงลองเล่าให้ฟังหน่อย

คุณโคมัตสึ:ตอนที่ได้รับเชิญมาได้มีการพูดคุยกันค่ะ ตอนนั้นสายตาของผู้กำกับมุ่งมั่นมากเป็นคนที่ใส่ใจรายละเอียดทุกขั้นตอน ความมุ่งมั่นของเขาส่งมาถึงฉันจนเผลอซึ้งขึ้นมาเลยค่ะ ยังคิดว่าแย่แล้ว เขาจะรู้ไหมแต่ตอนนั้นใส่มาส์กอยู่น่าจะดูไม่ออก แต่สุดท้ายเขาก็ดูออกค่ะ(หัวเราะ) ผู้กำกับยังแซวอยู่เลยว่า “ตอนนั้น จะร้องไห้แล้วใช่รึเปล่า?” (หัวเราะ) ตั้งแต่ก่อนเริ่มงานแล้วเราสื่อสารเข้าใจกันได้ดีเหมือนรุ่นพี่รุ่นน้องในชมรม เป็นคนที่ทำให้ฉันฮึดสู้ขึ้นมาเลยค่ะ

คุณโคมัตสึ:ตอนที่เจอกับซาคากุจิคุงน่าจะเป็นตอนฟิตติ้งใช่รึเปล่านะ?

คุณซาคากุจิ:น่าจะใช่ พอเราฟิตติ้งกันเสร็จ เราก็กล่าวทักทายกันที่ห้องประชุมกับผู้กำกับ

คุณโคมัตสึ:ตอนนั้นเราต่าง “อ่อ หวัดดี..” กันอยู่เลย (หัวเราะ) เพราะอย่างนั้นไม่ถึงกับกังวลหรอกแต่คิดว่าจากนี้เราจะเริ่มถ่ายด้วยกันแล้ว จะรักษาระยะห่างระหว่างกันให้ดีขึ้นอย่างไรดี แต่เขาเป็นคนทำตัวสบายๆอยู่แล้ว ผ่านไปสักพักก็เริ่มมองเห็นด้านกวน ๆ ของเขา พอทำงานด้วยแล้วสบายใจดีค่ะ เดี๋ยวนี้เขาก็เอาแต่กวนฉันอย่างเดียวเลย(หัวเราะ) เป็นคนที่ชอบทำให้คนอื่นยิ้มแล้วทำให้บรรยากาศรอบตัวคึกคักขึ้น ทำงานด้วยแล้วสนุกดีค่ะ

 

 

Q :สำหรับคุณซาคากุจิเป็นบรรยากาศการทำงานที่ดีเลยใช่ไหม

คุณซาคากุจิ:มันดีมากเลยครับ!ผู้กำกับฟูจิอิสร้างบรรยากาศการทำงานให้เราสามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นเรื่องการแสดงบทบาทที่แตกต่างจากตัวเอง เพราะฉนั้นเลยสามารถเป็นตัวของตัวเองได้ครับ เวลาแสดงเลยไม่รู้สึกว่าขาดชิ้นส่วนอะไรไปหรือไม่สบายใจเลย ช่วงที่เราถ่ายทำกันเหมือนคาซึโตะกลายเป็นเพื่อนของผมกับผู้กำกับฟูจิอิไปเลย เพราะอย่างนั้นเราจึงไม่ได้ตัดสินว่า “เวลาแบบนี้คาซึโตะต้องคิดแบบนี้ต้องทำแบบนั้น” แต่ผมกับผู้กำกับวางภาพไว้ว่า “ถ้าเป็นคาซึโตะจะคิดว่ายังไงกันนะ” เราพูดคุยตกลงกันเพื่อวาดภาพของบทคาซึโตะ ผู้กำกับเขาคิดเรื่องคาซึโตะกับมัตซึริมากกว่าใครเลยครับ ไม่รู้ว่าผมเลือกคำพูดได้ถูกไหมแต่เขากลายเป็นเพื่อนคู่คิดที่สำคัญคนหนึ่งทำให้ตอนถ่ายทำไม่รู้สึกถึงความทุกข์ การโดนเสียดสี ความร้าวฉานแบบตอนที่เป็น ซาคากุจิ เคนทาโร่ เป็นตัวเองเวลาปกติเลยครับ

 

Q :คุณโคมัตสึคิดยังไงกับการแสดงตามคำสั่งให้กลั้นน้ำตาของผู้กำกับบ้าง?

คุณโคมัตสึ:ฉากนั้นเป็นการปล่อยอารมณ์ของคาซึโตะหลังจากมัตซึริสารภาพอาการเจ็บป่วยและเวลาที่เหลือของเธอ แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้นและเป็นฉากที่แสดงอารมณ์ได้ยาก พยายามควบคุมอารมณ์เอาไว้ให้ไม่หลุดตอนที่อ่านบทก็ยังนึกภาพไม่ออกว่าฉากนี้ว่าจะเป็นอย่างไรเลยค่ะ แต่ตอนที่เริ่มถ่าย แม้จะไม่เห็นออกจอแต่เราต้องลองบีบมือกันไว้ เป็นฉากที่ถ่ายแต่เช้าตรู่ แถมความกดดันในตอนนั้นทำให้เหนื่อยเลยค่ะ

ผู้กำกับฟูจิอิ:นั่นสิครับ! พอมานึกดูตอนนี้ น้ำตาจะไหลออกมาแล้วแต่ถูกห้ามว่าอย่าร้องเนี่ย เป็นผมคงบ่นแล้วว่า งั้นลองมาเล่นเองสิ ตอนนี้สำนึกผิดแล้วครับว่าขอร้องให้นักแสดงฝืนหลายอย่างเกินไป

คุณซาคากุจิ,คุณโคมัตสึ:(หัวเราะ)

 

 

Q :ในภาพยนตร์วันปิดกล้อง จริงๆ คุณโคมัตสึไม่ต้องมากองถ่าย แต่เธอก็มาร่วมทำงานเป็นทีมงานด้วย ถือเป็นบรรยากาศกิดกล้องที่ประทับใจมาก ลองเล่าให้เราฟังหน่อย?

ผู้กำกับฟูจิอิ:วันนั้นคุณโคมัตสึจะมาช่วยขนเก้าอี้ครับ พอเห็นคุณโคมัตสึทำงานสต๊าฟทุกคนก็ขยันทำงานขึ้น! ทั้งๆที่ถึงผมทำงานหนักไปก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรแท้ๆ (หัวเราะ) แต่ว่าตอนนั้นผมไม่ได้เป็นคนขอร้องเธอนะ แต่เหมือนเธอแสดงเป็น “มัตซึริที่มองเห็นสถานการณ์นั้น”

คุณโคมัตสึ:ตอนที่เห็นภาพสีหน้าของซาคากุจิคุงที่เห็นว่าข้างหน้ามีมัตสึริอยู่ผ่านมอนิเตอร์ขณะถ่ายทำ ฉันรู้สึกเลยว่าหนังเรื่องนี้มันยอดเยี่ยมไปเลยจริง ๆ ทำให้สัมผัสได้เลยว่า คาซึโตะก้าวไปข้างหน้าโดยโอบกอดเรื่องราของมัตสึริเอาไว้อยู่ เป็นฉากที่ดีฉากหนึ่งเลยค่ะ

คุณซาคากุจิ:ฉากนั้นเราถ่ายกันไว้หลายแบบเลยใช่ไหมครับ? สีหน้าตอนสุดท้ายมีทั้งแบบความรู้สึกพลั่งพรูออกมามากกว่านี้กับแบบสงบเรียบง่าย พอเห็นแบบนั้นก็แสดงสีหน้าอย่างที่ทุกคนเห็นไปโดยธรรมชาติ เป็นสีหน้าที่ถูกต้องสมเป็นคาซึโตะ เป็นฉากที่สวยงามมากครับ

 

 

Q :สุดท้ายนี้ให้ฝากถึงคนที่ตั้งใจจะไปดูหนังเรื่องนี้อีกรอบหน่อยค่ะ

ผู้กำกับฟูจิอิ:ใครที่จะไปดูอีกรอบอยากให้ลองสังเกตชื่อของทุกสิ่งรอบตัวมัตซึริจังดูครับ ดอกไม้ที่ประดับที่บ้านมัตซึริจังก็เปลี่ยนไปตามฤดูกาลแต่มันเต็มไปด้วยความรู้สึกและความปรารถนาของมัตซึริจัง ถ้าทุกคนสังเกตเห็นจะดีใจมากครับ

คุณซาคากุจิ:ดีใจที่พลังทีมเวิร์กที่สร้างผลงานชิ้นนี้ออกมาอย่างประณีตได้ออกมาสู่สายตาของทุกคน ผมคิดว่าผลงานชิ้นนี้จะคงหลงเหลือต่อไปอีกนานแสนนาน หลังจากดูภาพยนตร์เรื่องนี้จบหวังว่าทุกคนจะคิดถึงมัตซึริหรือคาซึโตะ คิดถึงครอบครัวและเพื่อนพ้อง ผมคิดว่าผลงานเรื่องนี้มันจะมีฉากหรือชั่ววินาทีที่ส่องแสงอยู่ในใจของทุกคน สำหรับใครมาดูแล้วก็อยากให้มาดูอีกรอบ แล้วอยากให้เล่าถึงความสวยงามของผลงานเรื่องนี้ไปถึงคนอื่นๆด้วยครับ

คุณโคมัตสึ:ผลงานนี้เป็นงานที่ฉันภูมิใจมากค่ะ ช่วงเวลาหนึ่งปีที่ค่อยเรียงร้อยเรื่องราว มีความทรงจำดีๆอยู่มากมาย ถ้าทุกคนรักผลงานชิ้นนี้ฉันจะดีใจมากๆค่ะ ถ้าจะรักภาพยนตร์เรื่องนี้ไปนานๆพวกเราคงมีความสุขน่าดู จะดีใจมากถ้าทุกคนมาดูกันอีกหลายๆครั้ง ขอบคุณมากค่ะ

 

 สำหรับแฟนหนังเมเจอร์ ห้ามพลาดกับบัตรดูหนังสุดคุ้ม M PASS ที่จะทำให้คุณคุ้มเต็มอิ่มกับการดูหนังตลอดทั้งปี เตรียมไปมันส์กับกองทัพหนังดังมากมาย สมัครง่ายๆเพียงแค่คลิก ที่นี่ 

สุดท้ายและตลอดไป

  • 02 June 2022
  • Adventure / ชีวิต /
  • 124 นาที
15+

ข่าวที่เกี่ยวข้อง