HIGHLIGHT CONTENT

รวมตำนานอาถรรพ์ของ Pirates of the Caribbean ที่ร่ำลือว่ามีอยู่จริงในมหาสมุทร

  • 512,633
  • 05 พฤษภาคม 2020

 

โดย Aye, MS. You

 

 

 

 

จุดดำ

ใน Pirates of the Caribbean: Dead Man’s Chest นั้น แจ๊ค สแปร์โร่ว ถูกตีตรา “จุดดำ” หรือ Black Spot โดยเดวี่ โจนส์ เพื่อให้สัตว์เลี้ยงหลายหนวดอย่างคราเค่น ตามล่าเขาจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ซึ่งสัญลักษณ์นี้ได้รับอิทธิพลมาจากนิยายเรื่อง Treasure Island ของโรเบิร์ต ลูอิส สตีเวนสัน โดยในนิยายนั้น จุดดำเป็นสัญลักษณ์เตือนที่บ่งบอกถึงความหายนะที่กำลังจะมาเยือน โดยมักใช้เพื่อเป็นการบอกกัปตันว่าตัวเขากำลังจะถูกปลดจากตำแหน่งในไม่ช้า ซึ่งในนิยายนั้นจุดดำจะอยู่บนกระดาษ ไม่ใช่มือแบบในหนังนั่นเอง

 

 

มาดามชิง

เป็นชื่อของโจรสลัดที่มีอยู่จริงในช่วงปี 1805 โดยเธอถือเป็นโจรสลัดหญิงจีนที่แข็งแกร่งและสวยที่สุดในน่านน้ำ มาดามชิงก้าวเข้าสู่วงการโจรสลัดจากการรับช่วงต่อของสามีที่เสียชีวิตไป โดยเธอเป็นกัปตันและต้องควบคุมเรือกว่า 1,500 ลำ และลูกเรือกว่า 180,000 คน เธอได้เผชิญหน้ากับเหล่าจักรวรรดิทรงอำนาจมากมาย อาทิ อังกฤษ, โปรตุเกส และราชวงศ์จิ๋นของจีน โดยเธอเป็นโจรสลัดแห่งน่านน้ำจีนที่ชื่อดังและน่าเกรงขามที่สุดในยุคนั้นทีเดียว

สำหรับในเวอร์ชั่นหนังนั้น มาดามชิง ปรากฏตัวในฐานะสุดยอดโจรสลัด ณ สภาโจรสลัด โดยเธอเป็นหนึ่งใน 8 คนที่มีเหรียญเงินแปดเรียลนั่นเอง

 

 

เดวี่ โจนส์

ตามตำนานหรือคำร่ำลือของเหล่าผู้มีชีวิตกับท้องทะเลนั้น คำว่า “เดวี่ โจนส์” เป็นศัพท์ที่ไว้ใช้พูดถึง ปีศาจ หรือ ภูติผีแห่งท้องทะเล และมักถูกใช้เพื่อข่มขู่หรือทำให้เหล่าคนทะเลเกิดความหวาดกลัว เพราะคำนี้เกี่ยวโยงกับความตายเท่านั้น และไม่ใช่การตายที่ดีด้วย อีกคำหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับคำนี้ก็คือ Davy Jones’ Locker ซึ่งมีนัยหมายถึง ก้นบึ้งมหาสมุทร และนั่นคือสถานที่สุดท้ายบนโลกที่เหล่าคนทะเลมักจบชีวิตที่นั่นนั่นเอง

สำหรับใน Pirates of the Caribbean: The Dead Man’s Chest นั้น ทำให้ เดวี่ โจนส์ เป็นวายร้ายหลักของเรื่อง พร้อมกับสร้างปูมหลังผูกปมก่อนที่เขาจะกลายมาเป็น เดวี่ โจนส์ กัปตันเรือสุดโหดแห่งไฟลอิ้ง ดัชแมน ซึ่งสามารถขึ้นบกได้ 1 ครั้งในทุก ๆ 10 ปีนั่นเอง

 

 

เรือไฟลอิ้ง ดัชแมน

นี่คือเรือผีในตำนานที่ไม่เคยได้ขึ้นฝั่งด้วยเหตุผลประหลาดบางอย่าง เมื่อลองย้อนกลับไปหาต้นกำเนิดของมัน พบว่าเรือไฟลอิ้ง ดัชแมนนั้นถูกควบคุมภายใต้กัปตันเรือชาวดัตช์ที่ชื่อว่า Bernard Fokke ซึ่งกัปตันเรือคนนี้ชอบทำลายสถิติความเร็วในการแล่นเรือของตัวเอง ทำให้หลายคนเล่าต่อกันว่าเขาต้องทำสัญญากับปีศาจแน่เลยถึงได้แล่นเรือเร็วขนาดนั้น และเมื่อเขากำลังแล่นเรือผ่านแหลมกู๊ดโฮป พายุก็โหมกระหน่ำ แต่เขาก็ยังยืนยันที่จะแล่นฝ่าเข้าไป และเรือไฟลอิ้ง ดัชแมนก็หายไปตลอดกาล ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกมากว่าแล้วใครรอดมาเล่าเรื่องเหล่านี้กัน?

ในหนังนั้น เรือไฟลอิ้งดัชแมนมี เดวี่ โจนส์ เป็นกัปตันเรือ โดยเขาต้องล่องเรือที่โดนสาปไปจนกว่าโลกจะอวสาน พร้อมกับคอยตอบรับความปรารถนาของเหล่าลูกเรือที่ใกล้สิ้นชีวิต โดยให้พวกเขาเลือกว่าจะตายหรือจะมีชีวิตรอด ซึ่งต้องอยู่เป็นทาสบนเรือไปอีก 100 ปี ทำให้เรือนี้เป็นที่เลื่องลือในเรื่องของคำสาปอันน่าสะพรึง และถือเป็นลางมรณะนั่นเอง  

 

 

คาลิปโซ่

ตามตำนานเทพเจ้ากรีกนั้น คาลิปโซ่ เป็นภูติแห่งท้องทะเลและเป็นพระธิดาของแอตลาส เทพผู้ต้องแบกโลกเอาไว้ เธอยังเป็นเทพเจ้าแห่งความเงียบ ตามตำนานเล่าว่า เธอมักจะคอยขัดขวางไม่ให้มนุษย์ทำภารกิจสำเร็จ และบางครั้งเธอก็เป็นที่รุ้จักในนามของเทพเจ้าแห่งการหลอกลวง เพราะเธอชอบแปลงกายตัวเองเป็นหญิงสาวงาม และหลอกล่อเหล่าลูกเรือให้หลงกลด้วย สำหรับในหนังนั้น คาลิปโซ่ คือเทพที่ถูกขังอยู่ในร่างของ เทียดาลม่า โดยมีบทบาทสำคัญใน At World’s End อย่างมาก เพราะเป็นจุดพลิกเกมระหว่างกองทัพของ เดวี่ โจนส์ และกองทัพของ วิล เทอร์เนอร์ นั่นเอง

 

 

กัปตันแบล็คเบียร์ด

หรือ เอ็ดเวิร์ด ทีช ผู้มีฉายา “ไอ้เคราดำ” เป็นโจรสลัดที่มีชื่อเสียงที่มีอยู่ในจริงในหน้าประวัติศาสตร์ เขาเคยออกปล้นบริเวณทะเลแคริบเบียนและชายฝั่งตะวันออกของอาณานิคมอเมริกัน แถมมหาสมุทรแอตแลนติก โดยเขาเป็นกัปตันเรือบนเรื่อง Queen Anne’s Revenge สาเหตุที่เขาได้ฉายาว่าไอ้เคราดำ มาจากลักษณะการไว้หนวดเคราที่ทำให้เขาดูน่ากลัว พร้อมกับพฤติกรรมประหลาดๆ ที่เอาไว้ขู่ศัตรู โดยในหนังนั้นได้ เอียน แม็คเชน มารับบทเป็นเคราดำใน On Stranger Tides นั่นเอง

 

 

คราเค่น

ปลาหมึกยักษ์สุดโหดที่เป็นสัตว์เลี้ยงของ เดวี่ โจนส์ และคอยไล่ล่า แจ๊ค สแปร์โร่ว นั้นเป็นสัตว์ในตำนานของบรรดานักเดินเรือ โดยคำว่า “คราเค่น” นั้นเป็นศัพท์ที่มาจากชาวนอร์วีเจียน สื่อถึงสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ที่มักดึงและสูบเรือเดินทะเลให้จมลงก้นมหาสมุทรในคราเดียว ขนาดของมันมีการบันทึกไว้ว่าอาจยาวได้มากถึง 300 ฟุตทีเดียว

 

 

แสงวาบสีเขียว

ยังจำแสงวาบสีเขียวที่เกิดขึ้นที่ขอบฟ้าตอนที่กำลังจะไปตามหาแจ๊คในอีกโลกใน At World’s End ได้มั้ย? แสงวาบสีเขียวในความเป็นจริงนั้น เป็นเหตุการณ์ทางธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน โดยมักจะเกิดที่บริเวณขอบฟ้าและในตอนที่ท้องฟ้าโปร่งที่สุด ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเหนือพื้นน้ำ และบางครั้งก็ปรากฏเหนือพื้นดินด้วย เคยมีนักเดินเรือชาวสก็อตแลนด์อ้างว่า ใครก็ตามที่ได้มองเห็นแสงวาบสีเขียวมรกตนี้ คนนั้นจะได้รับพลังที่สามารถล่วงรู้ถึงจิตวิญญาณของผู้คนที่เขาพบเจอได้

 

 
 
 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง