รีวิว Music เยียวยาหัวใจด้วยบทเพลง งานศิลป์สีสันจัดจ้านจาก Sia

 

 

รีวิว Music เยียวยาหัวใจด้วยบทเพลง

งานศิลป์สีสันจัดจ้านจาก Sia

 

เราคุ้นเคยกับชื่อของ Sia หรือ Sia Furler จากการเป็นศิลปินนักร้องนักแต่งเพลง เจ้าของเพลงดังมากมายที่หลายคนคุ้นหูกันดีอย่าง Chandelier หรือ Cheap Thrills นั่นทำให้เมื่อเธอผันตัวมากำกับภาพยนตร์เรื่องแรกกับภาพยนตร์เรื่อง Music เราย่อมจับตามองอยู่แล้วว่ามันออกมาเป็นอย่างไร และจากการดูตัวอย่างแรกแล้ว เราก็ได้เห็นว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มีกลิ่นอายของการเป็นงานศิลปะที่สีสันจัดจ้าน ไปพร้อม ๆ กับเล่าเรื่องราวชีวิตของตัวละครในเรื่อง

 

 

Music เล่าเรื่องราวของ มิวสิค เด็กหญิงผู้ป่วยเป็นโรคออทิสติก เธอใช้ชีวิตตามตารางเวลาต่าง ๆ โดยอยู่ร่วมกับคุณยายที่เป็นคนวางตารางชีวิตของเธอเอาไว้ให้ และคอยติดต่อกับเพื่อนบ้านในละแวกบ้านให้คอยช่วยดูแลมิวสิค ซึ่ง มิวสิค นี้ก็รับบทโดย แมดดี้ ซิกเลอร์ นักแสดงนักเต้นคู่บุญของเซีย เรื่องราวดำเนินไปจนถึงวันหนึ่งที่คุณยายของเธอเกิดเสียชีวิตไปอย่างกระทันหัน ทำให้ ซู พี่สาวที่แทบจะไม่เคยได้คลุกคลีต้องกลับมาดูแล ซึ่งตัวของ ซู เองก็มีปัญหาชีวิตเกิดขึ้นอยู่เช่นกัน เธออยู่ในช่วงคุมความประพฤติจากการติดสุรา และการใช้สารเสพติด นี่จึงกลายเป็นเรื่องราวของ 2 พี่น้องที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน เรียนรู้ซึ่งกันและกัน เยียวยาซึ่งกันและกัน

 

การเล่าเรื่องของภาพยนตร์เรื่องนี้ให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังดูมิวสิควีดีโอยาว ๆ สักเรื่องหนึ่ง ที่ใส่เนื้อหาหนัก ๆ เข้ามา เล่าเรื่องไปเรื่อย ๆ แล้วแทรกเข้ามาด้วยบทเพลงกับวีดีโอประกอบที่ช่วยอธิบายภาพ และอารมณ์ของตัว มิวสิค ออกมาให้เห็นชัดเจนมากขึ้น ผ่านอวัจนภาษา ทั้งท่าเต้น สีหน้า สี และแสง ทำให้ในฉากเหล่านี้หนังไม่ได้สื่อสารข้อความออกมาตรง ๆ ต้องอาศัยการตีความอยู่พอสมควรเลยทีเดียว คล้าย ๆ กับการที่เราไปชมงานศิลป์สีสันจัดจ้านเลยทีเดียว

 

 

สิ่งที่น่าชื่นขมของภาพยนตร์เรื่องนี้เลยก็คือ ตัวเนื้อเรื่องของภาพยนตร์ และบทภาพยนตร์ ที่ได้ใส่ประเด็นทางสังคม และประเด็นของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มผู้ที่ป่วยเป็นโรคออทิสติก, การกลับคืนสู่สังคมของผู้ที่เคยถูกจำคุก, ผู้ป่วยโรคเอดส์, ปัญหาการใช้ความรุนแรงในครอบครัว หรือความไม่เข้าใจของครอบครัวในตัวตนของลูก ทั้งหมดล้วนเป็นประเด็นที่หนักหน่วงทั้งสิ้น แต่ทั้งหมดทั้งมวลหนังชักนำเราให้เผชิญหน้ากับมัน เยียวยาซึ่งกันและกัน และเริ่มจากการรักตัวเองให้เป็น เพื่อที่จะแบ่งปันความรักนี้ให้กับคนอื่น

 

สำหรับจุดด้อยของภาพยนตร์ อาจจะเป็นเพราะนี่คือภาพยนตร์เรื่องแรกที่ Sia กำกับ ทำให้เราเห็นบาดแผลของภาพยนตร์อยู่ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว ทั้งการกำกับภาพและทิศทางของเรื่อง การร้อยเรียงเรื่องราว อาจจะยังไม่สามารถดึงอารมณ์ความรู้สึกของเราไปได้จนสุดทางมากนัก หรือจะเป็นการตัดต่อภาพยนตร์ที่รู้สึกสะดุดไปบ้าง แต่เมื่อเข้าสู่พาร์ทของบทเพลงแล้ว ตัวเนื้อเพลงและท่าทางการเต้นในเพลงได้เข้ามาช่วยให้หนังเรื่องนี้น่าตื่นเต้นขึ้นพอสมควร

 

 

ทั้งหมดทั้งมวลแล้ว Music อาจจะไม่ใช่ภาพยนตร์ที่ทุกคนจะชื่นชอบ ต้องยอมรับจริง ๆ ว่านี่เป็นหนังที่ค่อนข้างต้องใช้การตีความพอสมควร หากต้องการจะเข้าใจในพาร์ทของการเต้นและบทเพลง แต่ถ้ามองแค่ในส่วนของเนื้อเรื่อง ที่หลักใหญ่ใจความคือเรื่องราวของความรัก การดูแลกัน นี่คือหนึ่งในภาพยนตร์ที่พร้อมจะมอบกำลังใจ และความอบอุ่นหัวใจให้เราได้เป็นอย่างดี ถ้าใครชื่นชอบเพลงของ Sia อย่าพลาดกับภาพยนตร์เรื่อง Music ฉายแล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์