มิเชลล์ วิลเลียมส์ กลับมาอีกครั้ง ในบท มิตซี่ เฟเบิลแมนส์ ที่มาจากแม่ของ สตีเวน สปีลเบิร์ก

 

 

มิเชลล์ วิลเลียมส์ กลับมาอีกครั้ง

ในบท มิตซี่ เฟเบิลแมนส์ ที่มาจากแม่ของ สตีเวน สปีลเบิร์ก

 

มิตซี่ แม่ของแซมมี่ คือนักดนตรีที่ประสบความสำเร็จ เธอมีความรักในศิลปะ แต่ต้องล้มเลิกโอกาสที่จะเป็นนักเปียโนที่เล่นตามคอนเสิร์ตเพื่อมาดูแลครอบครัว มิตซี่ ซึ่งอิงจากตัว ลีอาห์ แม่ของสปีลเบิร์ก เต็มไปด้วยความรักที่มีต่อลูกๆ ทั้งสี่คนของเธอ รวมไปถึงเบิร์ต สามีของเธอด้วย แต่ก็เหมือนผู้หญิงส่วนใหญ่ในรุ่นราวคราวเดียวกัน มิตซี่ต้องทิ้งหน้าที่การงาน ความทะเยอทะยาน และความปรารถนาส่วนตัวเพื่อให้เข้ากับความคาดหวังและบรรทัดฐานของสังคม และเพื่อมาดูแลคนอื่นๆ บุคลิกที่เป็นคนกล้าของมิตซี่ และจิตวิญญาณที่แปรปรวนของเธอ กำลังตึงเครียดอยู่ภายในกำแพงชีวิตแบบคนอเมริกันช่วงกลางศตวรรษที่เป็นไปตามขนบ และความถวิลหาบางสิ่งที่ให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวามากกว่า และการเป็นตัวเธออย่างเต็มเปี่ยม เธอต้องตัดสินใจด้วยความรู้สึกเศร้าและความปรารถนาลึกๆ ซึ่ง แซมมี่ รู้สึกได้ แต่ก็ยังไม่เข้าใจ ในฉากตึงเครียดฉากหนึ่ง มิตซี่ ให้เด็กๆ ขึ้นไปนั่งบนรถ และขับรถไล่ตามพายุทอร์นาโดที่กำลังฉีกทึ้งเมืองของพวกเขาในนิวเจอร์ซี่ สปีลเบิร์กบอกว่า ฉากนั้นคือการสดุดีแม่ของเขา และมุมมองของเธอที่มีต่อโลก “แม่ผมยอมอนุญาตให้ผมตามไล่ล่าทอร์นาโดมาตลอดชีวิตของผมเลยครับ” สปีลเบิร์กกล่าว

 

 

ขณะที่ มิตซี่ มีแม่ของสปีลเบิร์กเป็นต้นแบบรายแรก โทนี่ คุชเนอร์เองก็มองเห็นถึงความเกี่ยวพันระหว่างเธอกับ ซิลเวีย คุชเนอร์ แม่ของเขาเอง ซึ่งเป็นนักดนตรีอาชีพ เธอเป็นนักดนตรีที่เล่นเครื่องดนตรีบาสซูน ผู้เคยบันทึกเสียงกับสตาร์วินสกี้ และเคยเล่นกับนิวยอร์กซิตี้ โอเปร่า เธอเกษียณตัวเองจากดนตรีเพื่อมาเป็นคุณแม่เต็มเวลาให้กับโทนี่ และน้องสาวของเขา ตอนที่ครอบครัวย้ายจากนิวยอร์กซิตี้ไปอยู่ที่บ้านเกิดของพ่อของคุชเนอร์ที่ เลกชาร์ลส์, หลุยเซียน่า ตอนที่โทนี่อายุได้สองขวบ คุชเนอร์บอกว่า มิตซี่ คือตัวแทนของผู้หญิงมากมายในยุคนั้นที่ต้องเสียสละความฝันของพวกเธอ และต้องดิ้นรนเพื่อจะทำใจให้ยอมรับกับสภาพนี้ให้ได้ “เป็นผู้หญิงในรุ่นที่ไม่ใช่รุ่นแรกที่เราคิดว่าเป็นพวกเฟมินิสต์สมัยใหม่ครับ พวกเธอรู้ดีว่ากำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แต่มันยังไม่ได้เกิดขึ้นอย่างเต็มที่ ดังนั้น พวกเธอจึงติดอยู่ในความคาดหวังของยุคก่อนที่จะเกิดพวกเฟมินิสต์ครับ”  

สปีลเบิร์กกล่าวว่า เขาอยากทำงานกับ มิเชลล์ วิลเลียมส์ มาตั้งแต่ได้เห็นการแสดงของเธอในภาพยนตร์ดราม่าปี 2010 เรื่อง Blue Valentine ซึ่งทำให้เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์เป็นครั้งที่ 2 จากทั้งหมด 4 ครั้ง และชื่อของเธอก็คือชื่อแรกเสมอเมื่อมีการระดมมันสมองเกี่ยวกับตัวละคร มิตซี่ “มีบางอย่างเกี่ยวกับตัวเธอที่ดูคุ้นเคยอย่างมาก ไม่ใช่แค่เพราะเธอชอบตัดผมสั้นแบบปีเตอร์ แพนแบบเดียวกับทรงผมที่แม่ผมไว้เสมอนะครับ” สปีลเบิร์กกล่าว “เธอมีความรู้สึกที่ผมคุ้นเคย นั่นคือทั้งหมดที่ผมพูดได้ครับ ผมแค่มีความรู้สึกอยู่ภายใน และคิดว่า ‘ฉันหวังว่าเธอคงจะชอบบทภาพยนตร์เรื่องนี้นะ’” แล้วเธอก็ชอบจริงๆ แล้วก็อย่างที่มันเกิดขึ้น วิลเลียมส์ มีความเกี่ยวพันส่วนตัวกับแรงบันดาลใจในชีวิตจริงของมิตซี่ “แม่ของผมมีความชื่นชอบในตัวมิเชลล์ในหลายแบบด้วยกัน และท่านก็รักเธอจากหัวใจเลยครับ” สปีลเบิร์กกล่าว

 

 

วิลเลียมส์บอกว่าเธอรู้สึกเป็นอิสระที่จะใส่ชีวิตของเธอเองลงในตัว มิตซี่ และยังบอกอีกว่าการทำงานกับสปีลเบิร์กคือความร่วมมือในฝันเลยทีเดียว “มันให้ความรู้สึกว่าเราคือเด็กสองคนที่อยู่ในสนามเด็กเล่นค่ะ” วิลเลียมส์บอก “มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าอะไรก็เป็นไปได้ สตีเวนจะพูดว่า ‘ไปตรงนี้เลย!’ ฉันก็จะวิ่งไปทางนั้น จากนั้น ฉันก็จะพูดว่า ’ดูสิ่งที่ฉันเจอสิ!’ ทุกวันคือความสนุกค่ะ ฉันไม่เคยไปทำงานเช้าแบบนั้นเลยค่ะ”
 

 

 สำหรับแฟนหนังเมเจอร์ ห้ามพลาดกับบัตรดูหนังสุดคุ้ม M PASS ที่จะทำให้คุณคุ้มเต็มอิ่มกับการดูหนังตลอดทั้งปี เตรียมไปมันส์กับกองทัพหนังดังมากมาย สมัครง่ายๆเพียงแค่คลิก ที่นี่