How To Train Your Dragon 3
เล่าเหตุการณ์หลังจากฮิคคัพขึ้นเป็นหัวหน้าเผ่าเบิร์ค เขาพาเขี้ยวกุดและเพื่อนผองออกช่วยเหลือมังกรที่ถูกกลุ่มนักล่ามังกรจับขังไว้แล้วนำกลับมายังดินแดนของเบิร์ค แต่ปัญหาอยู่ที่เกาะของเบิร์คมีพื้นที่ไม่เพียงพอ ฮิคคัพจึงต้องออกตามหาดินแดนลับแลในตำนานที่พ่อของเขาเคยเล่าให้ฟัง ในขณะเดียวกันเหล่านักล่ามังกรก็กลายเป็นภัยที่คุกคามมาอย่างติดๆและเขี้ยวกุดกำลังจะมีความรักครั้งใหม่ด้วย
สำหรับภาคนี้การเดินเรื่องของ How To Train Your Dragon เป็นไปอย่างครบรส เรื่องราวของการผจญภัยที่สนุกสนาน มุกตลกที่สอดแทรกตลอดทั้งเรื่อง ฉากแอ็คชั่นต่อสู้ ความโรแมนติกและประเด็นของการพิสูจน์ตัวเอง ซึ่งทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นอีกแอนิเมชั่นที่มีคุณค่าต่อคนดู ส่วนที่หนังทำออกมาได้ดีคือการทำให้คนดูเติบโตไปกับตัวละคร การสิ้นสุดเรื่องราวของ How To Train Your Dragon 3 ให้บทเรียนสอนใจเราหลายๆอย่าง การเชื่อมันในตัวเอง,การจากลาเพื่อความสุขของคนที่เรารักและการบอกต่อความเป็นตัวตนของเราให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้รับรู้
Toy Story 4
บอกเล่าเรื่องราวตอนต้นด้วยการขมวดเหตุการณ์ทั้ง 3 ภาคแรก สรุปให้เราดูในตอน 5 นาทีแรก ตั้งแต่วู้ดดี้และเหล่าของเล่นอยู่กับ แอนดี้ ตั้งแต่ช่วงเด็ก จนถึงช่วงเข้ามหาวิทยาลัยและเขาได้ส่งต่อเหล่าของเล่นให้ ด.ญ.บอนนี่ ที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยครั้งใหม่ บ้านหลังใหม่ เพื่อนของเล่นเก่า+ใหม่ และ เด็กคนใหม่ ที่นี่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง...และแน่นอนสำหรับ วู้ดดี้ การเปลี่ยนแปลงก็มาถึงเขาเช่นเดียวกัน จากของเล่นตัวโปรด กลายเป็นของเล่นตกอับฝุ่นเกาะ จนกระทั่งวันหนึ่ง บอนนี่ ได้สร้างของเล่นจากขยะและตั้งชื่อให้มันว่า “ฟอร์คกี้” จากขยะกลายเป็นของเล่นชิ้นโปรด และพาเหล่าของเล่นออกผจญภัยสู่สถานที่อันแปลกใหม่ รวมถึงการกลับมาของ “โบ” ตุ๊กตาเซรามิคสาวเลี้ยงแกะ คู่รักของวู้ดดี้ที่หายตัวไปในภาค 3 ก็กลับมาในภาคนี้พร้อมกับเฉลยว่าเธอหายไปไหนมาและมีชีวิตอย่างไรบ้าง?
ใครที่เติบโตมากับแอนิเมชั่นชุดนี้จะต้องยิ้มกับมันตั้งแต่เปิดเรื่องเลย ตัวละครเก่าๆกลับมาครบเซ็ต เติมความสนุกไปกับตัวละครใหม่ๆที่มาเปิดตัวในภาคนี้ เพิ่มอรรถรสของแอ็คชั่น สยองขวัญ โรแมนติก ได้อย่างลงตัว แม้จะเป็นเรื่องผจญภัย แต่ พิกซาร์ ก็ไม่ลืมที่จะสอดแทรกประเด็นดีๆไว้ให้คนดูได้เรียนรู้ โดยได้หยิบประเด็นที่ว่า “ทุกๆวันมีเด็กทำของเล่นหาย..และของเล่นหลายตัวก็หลงทาง” รวมถึงประเด็นเรื่องการยึดติด การปล่อยวาง การเสียสละเพื่อเติมเต็มความฝันให้กับคนอื่นและเปิดใจยอมรับสู่สิ่งใหม่ๆ
Weathering With You
เริ่มต้นขึ้นในช่วงฤดูร้อนของมหานครโตเกียว แต่แทนที่มันจะร้อนกลับเต็มไปด้วยฝนที่กระหน่ำลงมาในหลายพื้นที่ โฮดากะ เด็กหนุ่มวัย 16 ปี ที่ตัดสินใจหนีออกจากบ้านที่เป็นเกาะอันห่างไกล มุ่งหน้ามาหางานทำในโตเกียว เขาต้องเผชิญกับอีกด้านของโตเกียว จากที่คิดว่ามันสวยงาม กลับพบว่าเมืองนี้ไม่เป็นมิตรอย่างที่คิด เขาถูกปฏิเสธเข้าทำงาน และเงินติดตัวก็ร่อยหรอทุกที โชคดีที่เขาได้พบกับชายคนหนึ่งที่ช่วยให้เขาได้มีงานทำและมีที่พัก ในขณะเดียวกันโฮดากะก็ได้พบกับฮินะ และพบว่าเธอมีความสามารถสุดมหัศจรรย์ในการไล่ฝน เขาทั้งสองจึงใช้ความสามารถนั้นทำเป็นธุรกิจไล่ฝน โดยที่หารู้ไม่ว่าสิ่งที่กำลังทำกันนั้นกำลังนำพาหายนะมาสู่โลกและคนทั้งสอง ซึ่งมันร้ายแรงพอที่จะเปลี่ยนโลกนี้ไปตลอดกาล
Weathering With Youมีลายเส้นและจังหวะการเล่าเรื่อง คล้าย Your Name อาจจะเป็นเพราะสไตล์ของมาโกโตะ ชินไค วางให้มันมีเอกลักษณ์แบบนั้น ยิ่งได้ RADWIMPS วง J-Rock สุดฮอตมาร่วมสร้างสรรค์เพลงและดนตรีประกอบภาพยนตร์อีกครั้งทำให้บรรยากาศแบบYour Name ลอยมาตามสายฝนเลยทีเดียว
Frozen 2
สานต่อจากเหตุการณ์ในภาคแรกหลังจากที่ราชินีเอลซ่าครองบัลลังก์อาณาจักรแอเรนเดลด้วยความสงบสุขแต่แล้ววันหนึ่งเธอกลับได้ยินเสียงเรียกประหลาดที่นำไปสู่การปลดปล่อยพลังปริศนาแห่งป่าต้องมนตร์ ส่งผลกระทบให้แอเรนเดลต้องเจอกับภัยพิบัติจากดิน น้ำ ลม ไฟ เพื่อยุติภัยพิบัตินี้ เอลซ่า อันนา โอลาฟ สเฟน คริสตอฟ ได้เดินทางเข้าไปในป่าต้องมนตร์เพื่อไขปริศนาหาสาเหตุที่เกิดขึ้นจนนำไปสู่การเผยความลับบางอย่างที่เคยถูกปกปิดในอดีต
เนื้อเรื่องของ Frozen 2 เติบโตขึ้นมากกว่าเดิม โอลาฟจากที่เป็นเพียงตุ๊กตาหิมะใสซื่อภาคนี้เขากลับมีคำคมแบบผู้ใหญ่ให้เราได้คิดตาม ส่วนอันนาและคริสตอฟก็อยู่ในช่วงพัฒนาความสัมพันธ์ และเอลซ่าก็ค้นพบว่าส่วนลึกภายในจิตใจของเธอร่ำร้องหาบางสิ่ง ทุกตัวละครเริ่มมีความผู้ใหญ่ นั่นทำให้มันสอดรับกับช่วงวัยของคนดูที่เป็นเด็กในช่วง 6 ปีที่แล้วและตอนนี้เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว กลายเป็นแอนิเมชั่นที่คนทุกช่วงวัยสัมผัสได้
นาจา