เตรียมพบกับ โหด/เห็น/หมี หนังไล่เชือดที่เตรียมตัวจะมาเชือดรายได้

เตรียมพบกับ โหด/เห็น/หมี หนังไล่เชือดที่เตรียมตัวจะมาเชือดรายได้

ในบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลกในอีกไม่กี่วันต่อจากนี้

 

 

เมื่อสองปีก่อน ผู้กำกับ รีส เฟรค-วอเตอร์ฟีลด์ เป็นผู้ควบคุมงานสร้างของภาพยนตร์สยองขวัญทุนตํ่าอย่าง Dinosaur Hotel (2021) และ Firenado (2023) พร้อมกับทำงานในธุรกิจจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ทว่าในตอนนี้ เขากลายมาเป็นผู้คุมหัวเรือในภาพยนตร์ที่คาดว่าจะเป็นภาพยนตร์ที่ทำกำไรต่อสัดส่วนทุนสร้างมากที่สุดในบ็อกซ์ออฟฟิศรอบสิบปีหลัง

ในสัปดาห์หน้า Winnie the Pooh: Blood and Honey หรือ วินนี่ เดอะ พูห์: โหด/เห็น/หมี ที่เป็นผมงานการกำกับครั้งแรกของเขา กำลัวจะได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์กว่า 1,500 โรง ในสหรัฐอเมริกา และอีกกว่า 1,300 โรง ในละตินอเมริกา รวมไปถึงในประเทศอื่น ๆ ทั้งใน แคนาดา, สหราชอาณาจักร, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย ซึ่งจากการที่ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายที่ เม็กซิโก เป็นที่แรกในโลกเมื่อช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา มันทำรายได้ไปได้ถึง $700,000 เหรียญ เป็นอันดับสี่ในบ็อกซ์ออฟฟิศที่นั่น สูสีกับ M3GAN และ Avatar: The Way of Water 

แม้ว่ารายได้ของภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ ที่แข่งขันด้วยอาจจะตกลงไป เนื่องจากเข้าฉายมานานกว่าเป็นเดือน ๆ แล้วก็ตาม แต่เจ้าหมูพูห์จอมโหดใช้ทุนสร้างตำ่กว่าหุ่นสยอง เมเกน ที่มีทุนสร้าง $12 ล้านเหรียญ ถึงหนึ่งร้อยเท่าตัว

“ผมรู้อยู่แล้วว่ามันมีความเป็นไปได้ที่มันหนังมันจะประสบความสำเร็จ” เฟรค-วอเตอร์ฟีลด์ บอกกับ Variety

“แต่ผมคงโกหก ถ้าจะบอกว่าผมคาดเดาไว้ก่อนแล้ว ว่ามันจะโด่งดังถึงขนาดนี้” โดยบริษัท Jagged Edge และ ITN Films ที่เป็นสองผู้ออกทุนสร้างให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้ปฏิเสธที่จะออกมาให้ตัวเลขอย่างเป็นทางการของทุนสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่คาดเดากันว่าจะไม่สูงไปกว่า $100,000 เหรียญ

การเปิดเผยภาพแรกของ Winnie the Pooh: Blood and Honey ในเดือนพฤษภาคมของปีที่ผ่านมา สร้างกระแสในโลกอินเตอร์เน็ตที่ถกเถียงกันว่า เจ้าพูห์ เป็นหมีนักฆ่าหรือว่านักฆ่าในหน้ากากหมีกันแน่ โดยตามที่ เฟรค-วอเตอร์ฟีลด์ ที่เป็นหนึ่งในคนเขียนบท เปิดเผยว่า เจ้าพูห์ เป็นสื่งมีชีวิตครึ่งคนครึ่งหมี

“เขาเป็นส่วนผสมระหว่างเลือดเนื้อและอวัยวะของมนุษย์ แต่ก็มีขนนุ่มฟูอยู่ภายในตัวเขา”

“สำหรับผมแล้ว อารมณ์โดยรวมของภาพยนตร์ก็แค่มีความสนุกและแอบเสียดสีอีกนิดหน่อย” 

“คุณจะหัวเราะให้กับมันแน่ ๆ ” เขาพูด

ที่จริงแล้ว เจ้าพูห์ ควรจะมีขนาดตัวที่ใกล้เคียงกับเจ้าหุ่นสยอง เมแกน จากการที่ถูกวางแผนไว้ในช่วงแรก แต่ทว่าด้วยงบประมาณที่จำกัดสุด ๆ ทำให้ไม่สามารถใช้คอมพิวเตอร์กราฟฟิกในการทำเช่นนั้นได้ เจ้าพูห์ จึงออกมามีหน้าตาในแบบเดียวกับตัวร้ายในภาพยนตร์สยองขวัญที่ผู้ชมคุ้นตากัน

ด้วยการที่พยายามจะใช้เทคนิคพิเศษให้น้อยมากที่สุดนี้ หนึ่งในพรอบที่มีราคาแพงมากที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้คือ หน้ากากของ เจ้าพูห์ ที่ซื้อมาจากร้านค้าออนไลน์ในราคา $650 เหรียญ (ประมาณ 21,824 บาท) ในขณะที่ถุงมือของเจ้าหมีคลั่งที่เป็นถุงมือสำหรับใช้ล้างจาน มีราคาแค่ $1.20 เหรียญ (ประมาณ 40 บาท)

“มันเหมาะพอดีกับเฉดสีของหน้ากากเลย” เฟรค-วอเตอร์ฟีลด์ พูด พร้อมกับบอกว่าการทำให้เจ้าตัวร้ายนี้ออกมามีขนนุ่มฟู แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะว่าเฉพาะในส่วยของแขนเพียงอย่างเดียว ก็อาจจะใช้งบเพิ่มขึ้นอีกนับแสนเหรียญ

และด้วยงบประมาณที่จำกัดเขี่ยนี้ กองถ่ายภาพยนตร์เรื่องนี้ ไม่ได้ออกไปถ่ายทำในสถานที่ที่วางแผนกันเอาไว้ตั้งแต่แรกด้วยซํ้า ซึ่งก็หมายความว่า หลาย ๆ ฉากต้องด้นสดเอาระหว่างทำการถ่ายทำ

“ด้วยงบประมาณแบบนี้ คุณเลยทำการว่างแผนและเตรียมตัวเยอะ ๆ ไม่ได้ โดยส่วนมากแล้วมันก็สามารถออกไปลุยถ่ายได้เลย และหลังจากนั้นคุณก็แค่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า และปรับเปลี่ยนสิ่งต่าง ๆ เอา” 

แต่ว่าด้วยงบประมาณที่สุดแสนจะตำ่นี้ ก็หมายความว่าถ้า โหด/เห็น/หมี ประสบความสำเร็จในบ็อกซ์ออฟฟิศอย่างที่พวกเขาหวัง ภาพยนตร์เรื่องนี้จะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์ที่ทำกำไรมากที่สุดในโลก โดยพวกเขาคาดหวังว่าจะสามารถเอาชนะ Paranormal Activity (2007) ที่มีทุนสร้างประมาณ $15,000 เหรียญ แต่ว่าทำรายได้ทั่วโลกไปถึง $193 ล้านเหรียญ หรืออย่างน้อยก็สามารถเทียบชั้นกับภาพยนตร์สยองขวัญทุนตำ่อีกเรื่องอย่าง Terrifier 2 (2022) ที่ทำรายได้ราว $10 ล้านเหรียญ จากทุนสร้างประมาณ $250,000 เหรียญ

Winnie the Pooh: Blood & Honey หรือ วินนี่ เดอะ พูห์: โหด/เห็น/หมี มีกำหนดเข้าฉายในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่จะถึงนี้

 

สำหรับแฟนหนังเมเจอร์ ห้ามพลาดกับบัตรดูหนังสุดคุ้ม M PASS ที่จะทำให้คุณคุ้มเต็มอิ่มกับการดูหนังตลอดทั้งปี เตรียมไปมันส์กับกองทัพหนังดังมากมาย สมัครง่ายๆเพียงแค่คลิก ที่นี่ 

ขอบคุณข้อมูลจาก Variety