REVIEW : Attack on Titan Part 1 ปฐมบทแห่งการหลั่งเลือด!

Attack on Titan Part 1
ปฐมบทแห่งการหลั่งเลือด!
BY FEEDMYBRAIN

 

คงต้องบอกก่อนว่า ส่วนตัวแล้วไม่เคยอ่าน Attack on Titan ฉบับมังงะหรือดูการ์ตูนมาก่อนทั้งสิ้น ทำให้เหตุผลที่เลือกดูหนังเรื่องนี้มาจากตัวอย่างภาพยนตร์ล้วนๆ ซึ่งสิ่งที่ดึงดูดใจในแวบแรกก็คือ เหล่าไททัน ที่เป็นสัตว์ประหลาดหน้าตาเหมือนมนุษย์แต่เป็นมนุษย์ชั้นใน (กล้ามเนื้อเส้นเอ็นมาเต็ม) พร้อมกับกลิ่นอายของโลกดิสโทเปียที่มี “กำแพง” ตระหง่านสูงชันขังมนุษย์เอาไว้ เรื่องราวของ “การคงอยู่” ของมนุษยชาติ และฉากบู๊พร้อมบรรยากาศของหนังแฟนตาซีแบบญี่ปุ่น ทำให้เราเลือกที่จะชม Attack on Titan Part 1 – ผ่าพิภพไททัน โดยที่ลองไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันก่อนเลย!

 

 

และผลปรากฏว่า ...  Attack on Titan Part 1 ทำให้เราสนุกไปกับการดูฉากปะทะระหว่างมนุษย์และไททันมาก ทั้งในแบบที่มีวิทยายุทธ์หรือแบบที่มนุษย์ถูกไล่ล่า ซึ่งมันให้ทั้งความสะอิดสะเอียน เลือดพุ่งกระฉูด โหดกันเห็นๆ และเป็นภาพที่ไม่น่าดูซักนิด แต่ว่ามันสนุกนะ สนุกตรงที่การเอาตัวเองลุ้นไปกับชะตาชีวิตของตัวละครทั้งชาวบ้าน (ที่วิ่งหนีกันอย่างบ้าคลั่ง) และเหล่าตัวละครหลักที่ไร้พิษสง ลุ้นไปกับ “ความไม่รู้” ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นข้างหน้า ลุ้นว่าคราวนี้ไททันจะมาจับอิท่าไหน?! Attack on Titan ทำให้เราเหมือนเอาชีวิตไปแขวนไว้บนเส้นดายบางๆ แบบเดียวกันกับที่ตัวละครก็กำลังเผชิญ ซึ่งจุดนี้คงต้องยกความดีความชอบให้กับงานด้านภาพที่จัดเต็มฉาก “การฆ่ากัน” ได้อย่างครีเอท (อย่างฉากบ้านกลางเมือง หรือฉากจับมนุษย์หย่อนเข้าปาก) ที่ทำให้คนดูสัมผัสได้ถึง “ความสยอง” ของการตายที่เกิดจากเหล่าไททันได้ดีทีเดียว!

 

cr. quantumotaku

 

Attack on Titan Part 1 หรือ ผ่าพิภพไททัน เป็นผลงานการกำกับของ ชินจิ ฮิกูชิ จาก The Floating Castle (500 ประจัญบาน) โดยผกก.นั้นหยิบเอาวัตถุดิบเด็ดๆจากมังงะและแอนิเมชั่นมาบรรเลง “บทเพลงของไททันและมนุษย์ชาติ” ให้เราได้เพลินตาเพลินหู กระหึ่มกันตลอด 1 ชม.ครึ่ง แม้จะมีการดัดแปลงไทม์ไลน์และปูมหลังบางอย่าง (อย่างตัวละคร กัปตันชิกิชิมะที่คาดว่าน่าจะเป็น รีไวล์ แอคเคอร์แมน ในมังงะ) ให้เข้ากับความเป็นหนังมากขึ้น ตัดฉากอธิบายที่ยืดเยื้อแล้วใส่ฉากแอคชั่นพร้อมข้อมูลแทน แต่อรรถรสของการหนีเอาตัวรอด, การปะทะสุดมันส์ หรือความระทึกใจของเครื่องเคลื่อนย้าย 3 มิติก็ยังอยู่ครบ แถมพอได้เห็นเป็นแบบ Live-Action นั้นยิ่งได้อรรถรสของการสู้กันมากขึ้นด้วย (โดยเฉพาะเสียงเฉาะของใบมีด หรือเสียงของอุปกรณ์เคลื่อนย้ายที่ให้อรรถรสสุดๆ)

 

-เอเรน เยเกอร์ รับบทโดย ฮามุระ มิอุระ-

-ฮานส์ รับบทโดย ซาโตมิ อิชิฮาระ-
cr. movieweb.com

 

สำหรับการแสดงนั้น ต้องบอกว่า Attack on Titan ใช้เทคนิคการแสดงแบบการ์ตูนญี่ปุ่นมาก คือ เล่นใหญ่ ถ่ายทอดอารมณ์ชัดและเยอะ ซึ่งจะต่างจากการแสดงแบบภาพยนตร์ทั่วไปที่เน้นความสมจริง (ดูเป็นมนุษย์ปกติ) บางคนอาจจะรู้สึกแปลกตา แต่ด้วยโทนเรื่องที่ทั้งบีบคั้นทางอารมณ์แต่ก็ต้องยืนหยัดสู้กับสัตว์ประหลาด (ที่แฟนตาซีจ๋ามาก) ทำให้ต้องมีจุดกลางที่ไม่ทำให้การแสดงมันไม่ดราม่าจนเกินไปจนไม่ใช่มังงะ แต่ก็ต้องทำให้คนเชื่อในความรู้สึกที่บรรดาตัวละครรู้สึกด้วยนั่นเอง จนรู้สึกว่าบางครั้ง การแสดงแบบนี้ก็กลายเป็นลายเซ็นอย่างหนึ่งของหนังญี่ปุ่นบางแนวอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะ ฮานส์ (รับบทโดย ซาโตมิ อิชิฮาระ) ที่หลุดออกมาจากมังงะเต็มๆ!

 

 

อีกสิ่งหนึ่งที่ชอบเป็นพิเศษ คือความจิตทางหน้าตาของไททัน ที่ดูวิปริตและดูไม่เหลือความเป็นมนุษย์อย่างสิ้นเชิง ซึ่งมันกลายเป็นความหรรษาอย่างมากในการชม (ไททันบางตัวหน้ามันก็จิตพอๆกับในมังงะทีเดียว) นอกจากนั้น การออกแบบภาพและการกำกับภาพของ Attack on Titan นั้นน่าสนใจมากทีเดียว เพราะอาศัยทั้งช็อตที่สร้างความสนุกให้กับการล่าไททัน และอาศัยการจัดแสงและสีของภาพ คลุมโทนทั้งในฉากของความสงบสุขและฉากของเมืองไร้ความหวังที่ดำมืดได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย รวมไปถึงเครื่องแต่งกายที่ถอดแบบมาจากมังงะเปี๊ยบ (เก็บรายละเอียดได้ดีทีเดียว!)

 

 

แม้ว่าการลำดับเรื่องและซีจีบางส่วนอาจจะไม่ราบรื่นนัก แต่ด้วยฉากการต่อสู้ต่างๆตลอดทั้งเรื่องที่ถือเป็นไฮไลท์เด็ดของหนัง (และมังงะ) เรื่องนี้ก็สามารถชูโรง ชูอารมณ์ให้เรายังสนุกกับเนื้อเรื่องได้อยู่ไม่น้อย จนทำให้พอดูจบแล้วเล่นเอาคนที่ไม่เคยดู ต้องกลับไปหามังงะมาอ่าน และเชื่อว่าคนที่เป็นแฟนมังงะอยู่แล้ว จะต้องฟินกับฉากเด็ดเหล่านั้นที่ Attack on Titan เก็บมาเป็นลูกเล่นแน่นอน! เตรียมชมภาคต่อ Attack on Titan Part 2 ได้ใน 1 ต.ค. นี้

Attack on Titan Part 1 – ผ่าพิภพไททัน ฉายแล้ววันนี้ในระบบ Digital, Imax Digital 2D และ 4DX
เช็ครอบและจองตั๋วได้เลยที่นี่
http://www.majorcineplex.com/movie/attack-on-titan-part-1