วิเคราะห์กันฉากต่อฉาก! สานต่อตำนานแห่งจักรวาล เปิดโฉมแรก Star Wars: The Last Jedi
'กาลครั้งหนึ่ง ณ จักรวาลอันไกลโพ้น...'
หลังจากภาคที่แล้ว Star War: The Force Awakens สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับแฟน ๆ จนหายคิดถึงกันไปแล้ว เรียกได้ว่าขนนักแสดงเก่ากลับมาเพียบ เพื่อร่วมกับนักแสดงใหม่ในการสร้างเรื่องราวไตรภาคที่ 3 ในตระกูล Star Wars ในขณะที่หลายตัวละครโดดเด่นไม่ว่าจะเป็น เรย์ เด็กสาวปริศนาที่มีพลังแฝง หรือฟินน์ จอมทรยศจากสตรอมทรูปเปอร์ ก็มีตัวละครที่จากเราไปเช่นกัน
ความตื่นเต้นก็ถูกผลักให้พุ่งสู่จุดสูงสุดเมื่อตอนจบที่ปรากฏภาพของบุคคลที่เรารอคอยกันมานาน นั่นก็คือ ลุค สกายวอล์คเกอร์ กลับมาสานต่อเนื้อเรื่องเป็นอาจารย์ฝึกฝนการใช้พลังให้กับเรย์ ท้ายที่สุดแล้วเรย์จะกลายเป็นเจได หรือผู้รักษาสมดุลระหว่างแสงสว่างหรือความมืดคงต้องติดตามกันต่อไป โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วตัวอย่างแรกของ Star Wars: The Last Jedi ก็ได้มาอวดโฉมให้แฟน ๆ ได้ดูกันแล้ว หลายต่อหลายฉากน่าสนใจมากว่าเนื้อเรื่องในภาคนี้จะเดินต่อไปในทิศทางไหน ไปดูกันเลยว่าในตัวอย่างแรกนี้บอกอะไรกับเราบ้าง!
เปิดฉากมาที่เรย์ ที่ในภาคที่แล้วหลายคนต่างพากันตั้งคำถามและทฤษฎีต่างๆเกี่ยวกับความเป็นมาของเธอมากมาย มีข่าวลือว่าในภาคนี้ละที่จะมีข้อมูลเกี่ยวกับครอบครัวของเธอในอดีตด้วย
ฉากนี้โชว์ภาพมุมสูงของเกาะที่เรย์เดินทางไปพบกับ ลุค สกายวอล์คเกอร์ เพื่อคืนดาบไลท์เซเบอร์ให้กับเขา และในภาคนี้นี่จะเป็นสถานที่สำหรับฝึกฝนการเป็นเจไดของเรย์
ภาพที่แสดงให้เห็นว่าในภาคนี้เรย์ได้สามารถที่จะเริ่มใช้ ’พลัง’ ได้แล้ว
กลุ่มกบฎต่างพากันวางแผนเพื่อรับมือกับสงครามจากฝ่ายจักรวรรดิ คนที่หันหลังอยู่นี้จะใช้แม่ทัพเลอาหรือไม่ แล้วถ้าใช่เธอจะเป็นเช่นไรเมื่อในตอนนี้ ฮาน โซโลเสียชีวิตไปแล้วด้วยลูกของพวกเขาเอง เบน หรือ ไคโรเรน
หลังจากจบการต่อสู้กับเรย์ ไคโรเรนก็ได้รับบาดเจ็บหนักจากภาคที่แล้ว ในฉากนี้แสดงให้เห็นว่าเขาอาจจะทิ้งหน้ากากอันนี้ไป เพื่อหันหน้าเข้าสู่ด้านมืดอย่างเต็มตัวก็เป็นได้ ถ้าใครคุ้น ๆ ฉากนี้ก็เพราะมันเหมือนกับในตัวอย่างของภาคที่แล้วที่โชว์หน้ากากที่เสียหายของดาร์ธเวเดอร์ ทางทีมงานอาจจะพยายามสื่อก็ได้ว่าในภาคนี้เราอาจจะได้เห็นจุดเชื่อมโยงกันระหว่างทั้งสองตัวละครนี้
ภาพนี้เป็นภาพของสัญลักษณ์โบราณของเจได อาจจะบอกใบ้เป็นนัยว่าในภาคนี้จะพูดถึงประวัติความเป็นมาของเจไดมากขึ้นกว่าเดิม เพราะจาก Star War: Rogue One ก็ได้มีการพูดถึงวิหารของเจไดไปแล้ว แถมในภาคนี้มีข่าวมาว่าในช่วงที่ลุค สกายวอล์คเกอร์หายตัวไป อาจจะเป็นเพราะเขาไปค้นหาศาสนาโบราณของจักรวาล
เรย์ได้รับการฝึกฝนการเป็นเจได โดยมีอาจารย์คือลุค สกายวอล์คเกอร์ โดยที่เห็นแสงสีฟ้านั้นคือดาบไลท์เซเบอร์ของลุคเอง ในภาคนี้ลุคอาจจะหันหลังให้กับการต่อสู้แล้ว แต่อะไรคือสิ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจกลับมาสอนเรย์อีกครั้ง หลังจากผิดพลาดไปในการสอนเบน ลูกชายของฮาน โซโล จนไปเข้ากับด้านมืดกลายเป็นไคโรเรนในปัจจุบัน
กองทัพฝ่ายกบฎบุก(หรือป้องกัน?) การเข้าปะทะกันกับฝ่ายจักรวรรดิ ที่เห็นไกลลิบ ๆ นั่นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน มันคือรุ่นรบพิฆาตของฝ่ายจักรวรรดินั่นเอง
ในภาพนี้กองทัพฝ่ายกบฎถูกบุกเข้ามา คงหนีไม่พ้นฝีมือของฝ่ายจักรวรรดิอย่างแน่นอน โรงเก็บเครื่องบินระเบิดขนาดนี้ นักบินโพ จะทำอย่างไรกัน??
ไคโรเรนจะเข้าด้านมืดอย่างสมบูรณ์หรือไม่ในภาคนี้ เพราะจากข้อสังเกตที่น่าสนใจก็คือ ดาบไลท์เซเบอร์ที่เป็นตัวแสดงความเป็นเจไดหรือซิธผ่านสีของเลเซอร์ ของไคโรเรนดูไม่เสถียรเอาเสียเลย มันดูไม่สมบูรณ์ สำหรับเขาที่คิดว่าการสังหารพ่อของตัวเองอย่างฮาน โซโลจะทำให้เขาเข้าสู่ด้านมืดอย่างสมบูรณ์ แต่จากตัวอย่างนี้ดูเหมือนว่าเขาจะต้องฝึกอีกมากเลยทีเดียว และคนที่จะช่วยในตรงนี้ได้คงหนีไม่พ้น สโน๊ค หรือผู้บัญชาการสูงสุดของฝ่ายจักรวรรดิเป็นแน่
ไม่ต้องเดาก็น่าจะรู้กันเป็นอย่างดีกับหุ่นยนต์ที่แฟนสตาร์วอร์คุ้นเคยกันอย่าง R2D2 แต่ข้าง ๆ กันนั้นคือใครในชุดคลุมสีดำ แฟนเมืองนอกวิเคราะห์กันว่าเป็นลุค สกายวอล์คเกอร์ ที่ตามหาวิหารเจไดไปจนพบว่าตอนนี้มันได้ถูกเผาทำลายไปแล้ว หรือนี่จะเป็นจุดพลิกที่ทำให้เขาหมดศรัทธากับวิถีแห่งเจได?!
ท่ามกลางควันนั้นคือกองกำลังสตรอมทรูปเปอร์ ที่นำทีมโดยกัปตันพลาสม่า น่าจะเป็นฉากต่อเนื่องจากที่ระเบิดโรงจอดเครื่องบินของฝ่ายกบฎ กัปตันพลาสม่าจะกลับมาได้อย่างไรหลังจากที่ถูกจับโยนเข้าไปในช่องทิ้งขยะซะขนาดนั้น ภาคนี้ต้องมีคำตอบ!
ฉากสงครามในอวกาศระหว่างกองกำลังกบฎกับกองกำลังจักรวรรดิ ครั้งนี้อาจจะเป็นสงครามครั้งใหญ่กว่าครั้งไหนๆ!!
ปิดท้ายตัวอย่างนี้ด้วยฉากที่ทำเอาแฟนสตาร์วอร์ช็อคกันไปทั่วโลก กับการปรากฎตัวของลุค สกายวอล์คเกอร์ พร้อมกับประโยคที่บอกว่าเขาหมดศรัทธาแล้วกับเจได ‘...ถึงเวลาที่เป็นจุดจบของเจได’ แฟนต่างชาติพากันวิเคราะห์ว่านี่อาจจะเป็นประโยคที่ลุคพูดกับเรย์ตอนต้นเรื่อง ในจังหวะที่เรย์ขอให้เขาสอนการเป็นเจได หรือลุคอาจจะหมายถึงว่าเจไดมาถึงจุดจบแล้วจริง ๆ ก็ได้
เรียกได้ว่าหดหู่มากขึ้นอีกเป็นกอง พร้อมกับความเข้มข้นของมหากาพย์สงครามครั้งยิ่งใหญ่ในอวกาศ เราคงหาคำตอบอะไรในตอนนี้ไม่ได้มากจนกว่าจะถึงเวลาที่ Star Wars: The Last Jedi จะเข้าฉายในวันที่ 14 ธันวาคม
...May the force be with you…