รับวันสตรีสากล! เปิดโผ 15 อันดับหนังทำเงินที่กำกับโดยผู้หญิงแห่งฮอลลีวูด!!
เราคุ้นตากันดีกับภาพยนตร์เรื่องใหญ่ยักษ์ทุนหนา กวาดรายได้ไปมหาศาล ส่วนใหญ่ล้วนกำกับโดยผู้กำกับชายในวงการภาพยนตร์ ชวนให้ตั้งคำถามถึงโอกาสที่ผู้กำกับหญิงจะสามารถทำรายได้จากภาพยนตร์ได้มากน้อยเพียงใด และต่อเนื่องไปถึงสิทธิของผู้หญิงในวงการฮอลลีวูด ยิ่งผู้กำกับที่สามารถไปได้ไกลถึงรางวัลออสการ์นั้นมีเพียงแค่แคทเธอรีน บิกเกลโล จาก The Hurt Locker เท่านั้น แต่สำหรับภาพยนตร์ที่สามารถทำรายได้เกินทุนจนสามารถฟันกำไรขึ้นแท่นเป็นหนังทำเงินนั้นจะมีเรื่องอะไรบ้าง วันนี้เรารวบรวมมาให้แล้ว
15. Dr. Dolittle ปี 1998 กำกับโดย Betty Thomas ทำรายได้ในอเมริกาไปถึง $144 ล้าน
14. Pitch Perfect 2 ปี 2015 กำกับโดย Elizabeth Banks ทำรายได้ทั่วโลกไปกว่า $287 ล้าน
13. The Proposal ปี 2009 กำกับโดย Anne Fletcher ทำรายได้ทั่วโลกไปกว่า $317 ล้าน
12. Deep Impact ปี 1998 กำกับโดย Mimi Leder ทำรายได้ทั่วโลกไปกว่า $349 ล้าน
11. Shark Tale ปี 2004 กำกับโดย Vicky Jenson ทำรายได้ทั่วโลกไปถึง $367 ล้าน
10. What Women Want ปี 2000 กำกับโดย Nancy Meyers ทำรายได้ทั่วโลกไปกว่า $374 ล้าน
9. Twilight ปี 2008 กำกับโดย Catherine Hardwicke ทำรายได้ไปกว่า $393 ล้าน
8. Alvin and the Chipmunks: The Squeakquel ปี 2009 กำกับโดย Betty Thomas ทำรายได้ไปกว่า $443 ล้าน
7. Shrek ปี 2001 กำกับโดย Vicky Jenson ทำรายได้ทั่วโลกไปกว่า $484 ล้าน
6. Brave ปี 2012 กำกับโดย Brenda Chapman ทำรายได้ไปกว่า $540 ล้าน
5. Fifty Shades of Grey ปี 2015 กำกับโดย Sam Taylor-Johnson ทำรายได้ทั่วโลกไปถึง $571 ล้าน
4. Mamma Mia ปี 2008 กำกับโดย Phyllida Lloyd ทำรายได้ทั่วโลกไปกว่า $609 ล้าน
3. Kung Fu Panda 2 ปี 2011 กำกับโดย Jennifer Yuh Helson ทำรายได้ทั่วโลกไปกว่า $665 ล้าน
2. Wonder Woman ปี 2017 กำกับโดย Patty Jenkins ทำรายได้ทั่วโลกไปกว่า $821 ล้าน
1. Frozen ปี 2013 กำกับโดย Jennifer Lee ทำรายได้ทั่วโลกไปกว่า $1,276 ล้าน
และในปีนี้กับอีกหนึ่งภาพยนตร์ไซไฟแฟนตาซีสุดยิ่งใหญ่ที่กำกับโดยผู้กำกับหญิง ผู้เคยถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ Ava DuVernay ในภาพยนตร์สุดอลังการจากสตูดิโอวอลต์ ดิสนีย์ อย่าง A Wrinkle in Time ย่นเวลาทะลุมิติ จะยิ่งใหญ่และทำเงินไปได้มากแค่ไหน เตรียมพบกัน 15 มีนาคมนี้ที่ Major Cineplex
Source: Boxofficemojo, The Wrap