แทบจะดูไม่รู้เลย! บทวิเคราะห์โคตรลึก
Zootopiaไม่ใช่การ์ตูนใสๆ
แต่แฝงประเด็นชนชั้น รัฐ และการเหยียด
ที่มา สมาชิกเฟซบุ๊คคุณ Chuveath Dethdittharak
บนโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ข้อความบทวิเคราะห์ภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่อง Zootopia ของดิสนีย์ ซึ่งเขียนโดยสมาชิกเฟซบุ๊คคุณ Chuveath Dethdittharak ระบุว่า Zootopia เต็มไปด้วยประเด็นเสียดสีสังคม รัฐ ชนชั้น มาเฟีย การเมืองและระบบการศึกษา ความเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก
"Zootopia เป็นหนังเกี่ยวกับการก่ออาชญากรรมโดยรัฐด้วยวิธีการอุ้มหายคนที่รัฐแปะป้ายว่าเขาเป็นภัยต่อรัฐ พูดถึงกระบวนการยุติธรรมที่ล่าช้าไม่จริงจัง อุ้ยอ้าย และอำนาจนิยมตามเพศวิถีชายจนกลายเป็นความอยุติธรรม แต่กลายเป็นจนท.รัฐที่เชื่องช้า นี่เองที่ช่ำชองและเชี่ยวชาญในการหลบเลี่ยงข้อระเบียบของรัฐ
พูดเรื่องการ (การเหยียด ) ในฐานะกระบวนการหล่อหลอมIdentity ที่แท้จริงไม่ได้เกิดจาก DNAแต่มาจากการ Discriminate พูดถึงการสร้างฐานเสียงด้วยการใช้ความกลัวผ่านการสร้างศัตรูร่วมกันซึ่งเป็นคนส่วนน้อยเป็นวงจรการผลิตซ้ำRacism (การเหยียด )
ยังไม่รวมการแบ่งชั้นของโลกก่อนจากใจกลางCapitalที่มีหลากหลายชาติพันธุ์อย่างสหรัฐ หรือ ยุโรป ในcapital มีcapitalซ้อนไปอีกชั้นเป็นย่านเศรษฐกิจที่สะท้อนความเปราะบาง ในขณะที่มีการไล่ล่าผู้ร้ายปล้นอาวุธ แต่รับมือไม่ได้กับแตกตื่นและความเสียหายที่นี่เสียงดังกว่าที่อื่นๆ
ปริมณฑลชั้นที่ 1 ห้อมล้อมด้วยประเทศโลกที่สามเขตร้อนชื้นที่ยังคงเป็นพันธมิตรที่เป็นที่ตั้งของค่ายกักกันต่างๆ
ปริมณฑลชั้นที่ 2 ห้อมล้อมด้วยรัสเซียอันหนาวเหน็บที่ซึ่งเป็นแหล่งฟอกเงินและเป็นที่อยู่อาศัยของมาเฟียใหญ่
ปริมณฑลชั้นที่ 3 ห้อมล้อมด้วยทะเลทราบตะวันออกกลาง และมีการสุมไฟสงครามเป็นระยะเพื่อให้เกิดการแข่งขันกันเองภายใน
ปริมณฑลชั้นที่ 4 ประเทศโลกที่สามที่ไม่เป็นศัตรูกับ 2-3 ที่ใช้ที่ดินเพื่อเพาะปลูกส่งเข้าcapital แม้แต่ทรัพยากรที่ใช้เพื่อแปะป้ายผู้ที่รัฐเพ่งเล็งก็ถูกส่งมาทางนี้่
พูดถึงเด็กที่เกิดในชุมชนยุคเกษตรกรรมที่อยู่เป็นครอบครัวขนาดใหญ่ไร้การคุมประชากรและต้องปรับตัวในยุคดิจิตอล
ที่ความสัมพันธ์ของคนเปลี่ยนรูปไม่เหลือชุมชนในละแวกที่พักอาศัยแต่เกิดชุมชนลักษณะใหม่ที่ผูกพันกับวิธีในการสรรหาทรัพยากรที่อำนาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพียงความแข็งแกร่งทางกายภาพเท่านั้นสะท้อนระบบการศึกษาที่ผลิตคนมีอันจะกินรุ่นใหม่ให้ออกมาเป็นบล็อคเดียวกันคิดเหมือนกันพูดถึงมาเฟียรัสเซียที่สุดท้ายกลายเป็นชักใยโดยมาเฟียอิตาลีเฉยเลยซึ่งเป็นแก๊งที่รัฐเพ่งเล็งจะเล่นงานแต่สุดท้ายศาลเตี้ยอย่างมาเฟียกลายเป็นกลไกหนึ่งในการช่วยไขคดีการก่ออาชญากรรมโดยรัฐ
ยังไม่รวม nude scene ยาวๆที่สะท้อนการประกอบสร้างคุณค่าใหม่ของเสื้อผ้าอาภรณ์ในนามศีลธรรมการอธิบายโยคีและผู้มีวิถีปฏิบัติทางจิตวิญญานที่ปลดเปลื้องพันธะทางกายแหกแข้งแหกขาโชว์อร่างฉ่างท่าพิศดารถ้าคนแสดงจริงคงจะเป็นหนัง 18+ " (สมาชิกเฟซบุ๊คคุณ Chuveath Dethdittharak )
ที่มา สมาชิกเฟซบุ๊คคุณ Chuveath Dethdittharak