HIGHLIGHT CONTENT

Review : Dark places ทุกคดีฆาตกรรมต้องมีคนโกหก ?

  • 6,410
  • 05 ส.ค. 2015

Review : Dark places  ทุกคดีฆาตกรรมต้องมีคนโกหก ?

 

 

หลายคนคงเคยสัมผัสกับหนังสืบสวนคดีฆาตกรรมกันมาไม่มากก็น้อยซึ่งพล๊อตเรื่องส่วนใหญ่คือการตามหาคำตอบจากร่องรอยที่คนตายทิ้งไว้ให้อย่างเป็นปริศนา บางคดีไขปมจากคำให้การของพยานในที่เกิดเหตุ หรือแม้กระทั่งจากคำสารภาพของฆาตกรผู้ลงมือก่อเหตุเอง....แต่ข้อสงสัยมีอยู่ว่าแล้วเราจะเชื่อได้อย่างไรว่าปริศนาและคำสารภาพเหล่านั้น ไม่ใช่เรื่องโกหก 

" ทุกคดีฆาตกรรมต้องมีคนโกหกและคนที่จะตอบคำถามได้คือคนตายเท่านั้นหรือ? "

 

Dark places  เป็นภาพยนตร์สืบสวนฆาตกรรม สร้างจากนวนิยายขายดีของ  Gillian Flynn ผู้แต่ง Gone Girl ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ไปแล้ว โดยเป็นเรื่องราวของ ลิบบี้ เดย์ เด็กหญิงผู้รอดชีวิตจากคดีฆาตกรรมยกครัวที่มี แม่และพี่สาว ถูกคนร้ายฆ่าตาย ซึ่งลิบบี้ เป็นพยานที่ให้การว่า พี่ชายของเขาเป็นคนลงมือก่อเหตุเพื่อบูชาลัทธิซาตาน หลังจากเหตุการณ์นั้นต่อมา 25 ปี ชมรม The Kill Club ผู้รักการรื้อคดีฆาตกรรมได้ทำการสอบสวนเรื่องนี้อีกครั้ง โดยว่าจ้างลิบบี้ให้ร่วมมือด้วย จนกระทั่งนำไปสู่ปริศนาและอีกหลายบุคคลเข้ามาโยงใยกับเหตุการณ์นี้   

 

 

 Dark places ใช้วิธีการเล่าเรื่องตัดสลับปัจจุบันกับอดีตที่นำไปสู่การฆาตกรรม ค่อยๆดำเนินเรื่องอย่างราบเรียบและเก็บทุกเม็ดที่หนังสือเล่าออกมา จังหวะการนำเสนอของ Dark places ไม่ได้ชวนตื่นเต้น ระทึกเหมือนหนังสืบสวนเรื่องอื่นๆ แต่หนังสร้างอารมณ์คนดูด้วยการเหมือนเชือกถูกขมวดปมอย่างแน่นหนาในตอนต้น และตามเส้นเรื่องก็ยังเล่าเรื่องปัญหาสถาบันครอบครัว พ่อที่ห่วยแตกทิ้งแม่ให้แบกรับภาระลูกอีก 4 คนกับไร่ที่เป็นมรดกตกทอดที่กำลังจะโดนยึด ลูกสาวชอบจุ้นจ้านสอดรู้สอดเห็นไปทุกเรื่อง ในขณะลูกชายกำลังก้าวสู่ช่วงวัยรุ่นหลงไปในทางที่ผิด มันจึงเหมือนเป็นการฉายภาพครอบครัวหนึ่งที่เต็มไปด้วยปัญหาและล่มสลายลงช้าๆ โดยมีเสียงปืนของการฆาตกรรมเป็นการปิดม่านของปัญหานี้ลง ความแตกต่างของ Dark places คือมันไม่ได้เน้นสร้างอารมณ์ชวนสงสัยทั้งเรื่องว่าใครเป็นฆาตกรเหมือนหนังสืบสวนเรื่องอื่นๆ แต่เน้นปมของปัญหาระหว่างทางก่อนจะไปสู่จุดเกิดเหตุมากกว่า 

 

Dark places  คือพื้นที่ดำมืดในใจที่เราทุกคนล้วนมีกันทั้งนั้น แต่จะปล่อยให้มันมืดต่อไปอย่างนั้นหรือ? "

 

 อีกประเด็นหนึ่งที่ Dark places  เล่าออกมาได้ดีเกี่ยวกับประเด็น 'การโกหก' ว่าแท้จริงแล้วใครกันแน่ไม่พูดความจริงและสาเหตุอะไรที่ทำให้พวกเขาเหล่านั้นต้องโกหกหรือยอมโกหก ซึ่งมีแต่คนพูดเท่านั้นที่รู้อยู่แก่ใจเก็บความลับไว้ รวมถึงประเด็นคิดเอง เออเอง ของคนในสังคม โดยปราศจากการหาคำตอบและหลักฐานที่แท้จริง การลงหลักปักใจเชื่อในสมมติฐานของตัวเองแบบไม่ลืมหูลืมตา 

โดยบทของลิบบี้ ได้ ชาร์ลิซ เธอรอน มาถ่ายทอดการแสดงถือว่าทำได้ออกมาอย่างยอดเยี่ยม เพราะตัวละครลิบบี้มีความซับซ้อนทางด้านอารมณ์และเก็บความลับบางอย่างไว้ในจิตใจตลอดตั้งแต่เด็กจนโต ความเจ็บปวดจากการเอาเรื่องการตายของครอบครัวมาเป็นจุดขายสร้างรายได้ให้กับตัวเองและพื้นที่ดำมืดภายในจิตใจ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นตัวละครที่พูดน้อยแต่ข้างในสัมผัสได้ถึงความอัดอั้นของอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความโกรธ ความกลัวและคำถามมากมายที่ตัวเธอเองตอบไม่ได้ โดยทุกอย่างผ่านฉายผ่านดวงตาของชาร์ลิซออกมาได้ชัดเจน

 


แค่มองผ่านดวงตาของ ชาร์ลิซ เธอรอน  ก็รับรู้ความอัดอั้น กดดัน อารมณ์ที่ซับซ้อนในใจของลิบบี้ เดย์ 

 

Dark places  ไม่ใช่เพียงหนังสืบสวนที่แบนราบที่แค่พาเราไปไขปริศนาหาฆาตกรที่แท้จริง แต่หนังยังมีความล้ำลึกไปด้วยบทภาพยนตร์ที่พาเราก้าวไปสู่จุดดำมืดในจิตใจของลิบบี้ เดย์ สภาพปัญหาต่างๆที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในครอบครัวและสังคมที่เราสามารถสัมผัสและจับต้องได้ Dark places   สร้างความแตกต่างจากหนังอื่นทั่วไปที่เน้นความซับซ้อนของคดีเพียงอย่างเดียวจนหลงลืมระหว่างทางที่พาเราเดินไปสู่เหตุการณ์นั้นๆ  ซึ่งมันเป็นส่วนสำคัญมากกว่าการไขคดีอีก สำหรับคอหนังสืบสวนเชิงฆาตกรรมแล้ว Dark places เป็นอีกหนึ่งผลงานที่คุณต้องห้ามพลาดเลยทีเดียว 

 

Dark places  พาคุณไปสืบสวนและสำรวจส่วนลึกในใจ สัมผัสกับรสชาติของหนังฆาตกรรมอีกรูปแบบที่คุณไม่ควรพลาด จองตั๋วและเช็ครอบฉาย ที่นี่ 

 

ฆ่าย้อน ซ้อนตาย

  • 06 August 2015
  • Adventure / ชีวิต / ระทึกขวัญ /
  • 113 นาที
15+