HIGHLIGHT CONTENT

REVIEW : Crimson Peak พันธนาการสีเลือด

  • 12,301
  • 15 ต.ค. 2015

Crimson Peak
พันธนาการสีเลือด
BY FEEDMYBRAIN

 

รีวิวย่อย: Crimson Peak คือหนังรักสไตล์โกธิคที่ดาร์คและแสนเศร้า อุดมไปด้วยการนำเสนอที่พิถีพิถันและประณีต พร้อมด้วยความงามอันวิจิตรของโปรดักชั่นดีไซน์และการแสดงที่ทำเอาขนลุก เย็นเฉียบไปทั้งตัวของ เจสสิก้า แชสเทน

 

 

“ ความรักทำให้เราทุกคนต่างกลายเป็นอสูร ”

 

Crimson Peak ... ปราสาทสีเลือด ผลงานภาพยนตร์สยองขวัญ-แฟนตาซีเรื่องล่าสุดของผู้กำกับที่มีจินตนาการล้ำเลิศอย่าง กิลเลอร์โม่ เดลโทโร่ ถือเป็นภาพยนตร์ที่ “ถูกจริต” ของเรามากถึงมากที่สุดในปีนี้ เพราะนอกจากจะเปี่ยมไปด้วยศิลปะสไตล์โกธิคที่ถูกนำมาเป็นฉากหลังของเรื่องได้อย่างมีความหมายลึกซึ้ง และสวยงามวิจิตรแล้ว การสร้างสรรค์ทั้งตัวละครและบทพูดของตัวละครนั้นช่างสวยงามและเปี่ยมไปด้วยความเป็น “มนุษย์” ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของความสัมพันธ์ได้อย่างเจ็บปวดและน่าประทับใจมาก ผ่านการเล่าเรื่องด้วยสัญญะและสีสันที่โดดเด่นชวนให้เพลิดเพลินไปกับการชมหายนะของตัวละคร ซึ่งการชม Crimson Peak นั้นเปรียบได้ราวกับการเสพงานศิลปะชิ้นหนึ่งที่เบื้องหน้าฉาบด้วยความสวยงามที่ต้องตาและต้องใจ แต่ภายในกลับแฝงด้วยเรื่องราวที่ทุกข์ทรมาน และความเจ็บปวดอันแสนสาหัส

 

 

กิลเลอร์โม่ เดลโทโร่ ผู้กำกับเลือกเอายุควิคตอเรียนมาเป็นฉากหลังของเรื่อง โดยใส่ประเด็นของความไม่ลงรอยกันระหว่างผู้ที่ชื่นชอบศิลปะแบบคลาสสิคและผู้ที่ชอบศิลปะสไตล์โกธิค ลงไปในหนังโดยใช้ “ความรัก” เป็นตัวถ่ายทอดความคิดของตัวละคร ซึ่งเป็นการต่อสู้กันระหว่าง “คนที่มองไปยังอนาคต” และ “คนที่ยังยึดติดกับอดีต” โดยอาศัยศิลปะโกธิคที่โดดเด่นในช่วงเวลานั้นมาเป็นฉากหลังหลักของเรื่องที่ช่วยขับความน่าสะพรึง และเป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนถึงพลังอันกล้าแกร่งและความรุนแรง ซึ่งฉากหลังที่ว่าก็คือ อัลเลอร์เดล ฮอลล์ (Allerdale Hall) นั่นเอง

Crimson Peak จึงไม่ใช่หนังรักสยองขวัญแฟนตาซีธรรมดาทั่วไป หากแต่เป็นหนังที่เต็มไปด้วยการปะทะกันทางความคิดที่แต่ละฝ่ายต่างมีเหตุผลในสิ่งที่ตนกระทำและให้ความสำคัญต่างกัน และไม่มีการตัดสินชี้ขาดว่าสิ่งใดถูกหรือผิดทั้งนั้น เพราะมันขึ้นอยู่กับสิ่งที่ตัวละครเคยประสบและถูกปลูกฝังมานั่นเอง กิลเลอร์โม่ เดลโทโร่ สามารถถ่ายทอดประเด็นทางสังคมที่ร่วมสมัยเช่นนี้ออกมาได้อย่างน่าติดตามและน่าสะพรึงด้วยบรรยากาศของความวังเวงและความไม่น่าไว้วางใจตลอดทั้งเรื่อง เขาทำให้ทั้งผู้ชมและตัวละครหลักไร้ที่พึ่ง ค่อยๆเผชิญกับความจริงอันน่ากลัวของ “ความรัก” ด้วยตนเอง และท้ายที่สุดก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของตัวละครเหล่านั้นเองแล้วว่าจะเลือกมีชีวิตอยู่กับอดีต หรือปัจจุบัน

 

 

“ คฤหาสน์เก่าแก่เยี่ยงนี้ สักวันหนึ่ง ... มันจะมีชีวิต ”

 

นอกจากประเด็นที่ลึกซึ้งแล้ว การนำเสนอของ Crimson Peak นั้นยังพิถีพิถันและประณีตเอามากๆ ตั้งแต่การออกแบบงานสร้างที่ทั้งอลังการและเต็มไปด้วยรายละเอียดที่คอยเป็นสัญญะบอกเตือนผู้ชมอยู่เนืองๆ โดยเฉพาะแนวคิดของ อัลเลอร์เดล ฮอลล์ ที่ กิลเลอร์โม่ เดลโทโร่ นั้นสร้างให้คฤหาสน์หลังนั้นดูมีชีวิต และกลายเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่ยืนตระหง่านอยู่บนภูสีเลือดเฝ้าดูความเป็นไปและความทรงจำอันขมขื่นภายใต้กาลเวลาที่ผ่านไป ราวกับว่ามันกำลังดูดซับ หายใจเอาวิญญาณของคนภายในบ้านเข้าไปอย่างช้าๆ รวมไปถึงสัญญะเรื่องผีของ เดลโทโร่ ที่เปรียบผีเป็นเหมือนอดีตและความทรงจำของบรรดาตัวละครก็น่าสนใจเอามากๆด้วย และสาเหตุที่สิ่งของบางอย่างมันมีชีวิตได้นั้น ก็เพราะ “มนุษย์” นี่แหละเป็นคนที่ทำให้มันมีชีวิตนั่นเอง

การออกแบบงานสร้างของ Crimson Peak นั้นโดดเด่นด้านการใช้สีอย่างมาก ทั้งในส่วนของสถาปัตยกรรม และการออกแบบเสื้อผ้าย้อนยุคที่สะท้อนถึงคาแรกเตอร์ของตัวละครได้อย่างชัดเจน ทำให้ผู้ชมได้เข้าใจถึงบุคลิก ลักษณะนิสัยของตัวละคร แถมยังส่งพลังให้กับตัวละครได้สำแดงการแสดงอันสุดยอดออกมาด้วย เรียกได้ว่าทุกฉากและทุกช็อตใน Crimson Peak นั้นถูกคิดมาอย่างดีมาก และเต็มไปด้วย “ความงานอันวิจิตร” ที่ควรค่าแก่การรับชมเป็นอย่างยิ่ง เราสามารถพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่า Crimson Peak คือหนังที่ควรได้เข้าชิงออสการ์ สาขาออกแบบงานสร้างยอดเยี่ยมในปีหน้าเป็นที่สุด!

 

 

- ทอม ฮิดเดิลสตัน ทำให้ เซอร์โธมัส ชาร์ป
ดูมีพลังอย่างน่าประหลาด แต่บางครั้งก็เปราะบางอย่างเหลือเชื่อ –

 

อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ Crimson Peak สามารถบรรลุการถ่ายทอดเรื่องราวได้อย่างสมบูรณ์ก็คือ เหล่านักแสดงนำ ที่เปี่ยมด้วยพลังงานอันน่าทึ่งและกักเก็บอยู่ภายใน ค่อยๆทวีความรุนแรงจนกระทั่งระเบิดพลังกันออกมาในที่สุด การสร้างตัวละครของ เดลโทโร่ ในเรื่องนั้น มีมิติและมีเส้นทางของการเติบโตอย่างเด่นชัด ทำให้นักแสดงมีพื้นที่ในปล่อยของมากทีเดียว อาทิ มีอา วาชิคอฟสกา นักแสดงนำรุ่นน้องของเรื่องกับบทบาท อีดิธ คุชชิ่ง นักเขียนสาวหัวก้าวหน้าผู้เข้มแข็ง มีอา สามารถถ่ายทอดความเป็นนักเขียนผู้เปี่ยมด้วยจินตนาการและโลกสวยในตอนแรกได้อย่างสดใส แต่เมื่อโชคชะตาชีวิตของเธอไม่ได้เป็นเช่นนั้น เราก็จะเห็นเธอค่อยๆเพิ่มความแข็งกร้าว และเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เป็นหญิงสาวที่แข็งแกร่งได้อย่างชัดเจนด้วย

 หรือจะเป็นการแสดงของ ทอม ฮิดเดิลสตัน ที่เรื่องนี้ต้องบอกว่า เสน่ห์และความลึกลับของเขานั้นช่างขึ้นจอและน่าดูมาก โดยเฉพาะการใช้ “สายตา” ที่ ทอม ฮิดเดิลสตัน สามารถถ่ายทอดอารมณ์และความรุนแรงออกมาได้หลายระดับต่างกันภายในตาเพียงคู่เดียวด้วย ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัวในบทบาท เซอร์โธมัส ชาร์ป นั้น เขาทำให้คนดูรู้สึกว่า บางครั้งผู้ชายคนนี้ก็ดูมีพลังอย่างน่าประหลาด แต่บางครั้งก็ดูอ่อนแอและเปราะบางอย่างเหลือเชื่อด้วย

 

 

- เจสสิก้า แชสเทน สามารถทำให้ฉากสุดธรรมดา
กลายเป็นฉากที่น่าสะพรึงจนขนหัวลุกด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย และการพูดอันเยือกเย็น –

 

และนักแสดงนำอีกคนที่ขอยกย่องเป็นที่สุดก็คือ เจสสิก้า แชสเทน กับบทบาท เลดี้ ลูซิลล์ ชาร์ป ผู้ลึกลับที่เธอนั้นสามารถทรานสฟอร์มคาแรกเตอร์ของเธอได้อย่างน่าประทับใจ สยอง และน่าเศร้าที่สุด ทุกครั้งที่เธอปรากฏตัวขึ้นมา เธอมีพลังมหาศาลที่ช่วยสะกดสายตาคนดูให้จ้องไปที่เธอ และดำดิ่งไปกับตัวละครของเธอ ซึ่งการแสดงที่น่าจดจำใน Crimson Peak ของเธอนั้น ขอยกให้กับฉากการป้อนโจ๊ก ที่เธอเล่นได้สยองจนขนหัวลุก และน่ากลัวเป็นที่สุด ขอบอกเลยว่า ในชีวิตนี้ไม่เคยคิดว่าจะเห็นใครป้อนโจ๊กได้เยือกเย็นขนาดนั้นอีกแล้ว และอีกฉากหนึ่งคือ ฉากต้มมักกะโรนี ที่ปังมาก มาพร้อมทั้งพลังอันรุนแรง อารมณ์และความสยองที่ยากจะปฏิเสธจริงๆ

นอกจากนี้ Crimson Peak ยังได้นักแสดงฝีมือเยี่ยมอีกหลายคนอย่าง ชาร์ลี ฮันนั่ม กับบทบาท ดร. อลัน แมคไมเคิล เพื่อนสมัยเด็กของ อีดิธ ซึ่ง ชาร์ลี เล่นได้อย่างแข็งแรง และมีพลังคุกรุ่นซุกซ่อนอยู่ในตัวด้วย แม้พล็อตเรื่องของหนังนั้นจะเดาได้ไม่ยาก ทว่าด้วยพลังของนักแสดงทั้งหมดและการใช้ดนตรีประกอบการถ่ายทอดนั้น สามารถตรึงใจคนดูและทำให้คนดูเข้าไปอยู่ใน อัลเลอร์เดล ฮอลล์ ร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดสยองได้อย่างสุดตัว

 

Crimson Peak … ปราสาทสีเลือด เป็นหนังรักสยองขวัญที่มีผีเป็นองค์ประกอบของเรื่อง มันไม่ได้มาแบบตุ้งแช่ แต่มันมาแบบหลอน เยือกเย็น และไม่น่าไว้ใจ ประกอบกับบรรยากาศอันวังเวงของคฤหาสน์ขนาดใหญ่ และบรรดาตัวละครที่พร้อมสำแดงพลังอันน่าสะพรึงที่ซ่อนอยู่ภายใน ภายใต้การนำเสนอแบบหนังผียุค 80 ที่ยังคงความคลาสสิคและเปี่ยมด้วยเสน่ห์เสมอ

♦ เช็ครอบแล้วจองตั๋วได้เลยที่นี่
http://www.majorcineplex.com/movie/crimson-peak

 

ปราสาทสีเลือด

  • 15 October 2015
  • Adventure / สยองขวัญ /
  • 119 นาที
15+