Oppenheimer ขึ้นแท่นสิบอันดับแรกของหนังเรทอาร์ที่ทำรายได้สูงที่สุดตลอดกาล

Oppenheimer ขึ้นแท่นสิบอันดับแรกของหนังเรทอาร์ที่ทำรายได้สูงที่สุดตลอดกาล

 

 

ความสำเร็จของภาพยนตร์ Oppenheimer หรือ ออพเพนไฮเมอร์ เป็นข้อพิสูจน์สำคัญว่า คริสโตเฟอร์ โนแลน เป็นผู้กำกับที่มีพลังในการดึงดูดผู้ชมมายังโรงภาพยนตร์ในแบบที่ไม่เหมือนใครจริง ๆ เพราะก็คงไม่มีใครคิดว่าภาพยนตร์กึ่งสารคดีความยาวสามชั่วโมง ที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับบิดาแห่งระเบิดปรมาณู จะทำรายได้ในระดับเดียวกันกับภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ได้ แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ ออพเพนไฮเมอร์ ได้ทำมาตลอดการเข้าฉายราวสามสัปดาห์ของมัน

และในตอนนี้ หลังจากที่ทำรายได้ผ่านหลัก $550 ล้านเหรียญไปเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็สร้างชื่อให้ตนเองอีกครั้ง กับการก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในภาพยนตร์เรทอาร์ที่ทำรายได้มากที่สุดตลอดกาลในสิบอันดับแรก ทั้งในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก โดยในตอนนี้ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำรายได้ในสหรัฐอเมริกาไปทั้งหมด $238 ล้านเหรียญ และอีก $340 ล้านเหรียญจากบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลก ทำให้ตัวเลขรายได้รวมทั้งหมดอยู่ที่ $578 ล้านเหรียญ ทำให้มันกลายมาเป็นภาพยนตร์ที่ทำงานมากที่สุดเป็นอันดับห้าของ คริสโตเฟอร์ โนแลน ตามหลัง The Dark Knight Rises (2012) หรือ แบทแมน อัศวินรัตติกาลผงาด, The Dark Knight (2008) หรือ แบทแมน อัศวินรัตติกาล, Inception (2010) หรือ จิตพิฆาตโลก และ Interstellar (2014) หรือ อินเตอร์สเตลลาร์ ทะยานดาวกู้โลก

 

 

และเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่งจะแซงหน้า Beverly Hills Cop (1984) หรือ โปลิศจับตำรวจ ขึ้นเป็นไปสิบอันดับแรกของภาพยนตร์เรทอาร์ที่ทำรายได้สูงที่สุดตลอดกาลในอเมริกา ตามหลัง Hangover Part II หรือ เดอะ แฮงค์โอเวอร์ ภาค 2 ที่ทำรายได้ไป $254 ล้านเหรียญ, The Hangover (2009) หรือ เมายกแก๊ง แฮงค์ยกก๊วน ที่ทำรายได้ไป $277 ล้านเหรียญ, The Matrix Reloaded (2003) หรือ เดอะ เมทริกซ์ รีโหลดเดด สงครามมนุษย์เหนือโลก, Deadpool 2 (2018) หรือ เดดพูล 2 ที่ทำรายได้ไป $363 ล้านเหรียญ, It (2017) หรือ อิท โผล่จากนรก ที่ทำรายได้ไป $328 ล้านเหรียญ, American Sniper (2014) หรือ สไนเปอร์มือพระกาฬ แห่งประวัติศาสตร์อเมริกา ที่ทำรายได้ไป $350 ล้านเหรียญ, Deadpool (2016) หรือ เดดพูล และ The Passion of the Christ (2004) ที่ทำรายได้ไป $370 ล้านเหรียญ ซึ่งถ้าหากกระแสของภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ตกลงไปอย่างฮวบฮาบ ก็คาดว่ามันจะขึ้นไปแตะถึงห้าอันดับแรกได้อย่างไม่ยากเย็น

 

 

ส่วนในระดับโลก ออพเพนไฮเมอร์ แซงหน้า Fifty Shades of Grey (2015) หรือ ฟิฟตี้ เชดส์ ออฟ เกรย์ ที่ทำรายได้ไป $570 ล้านเหรียญ ขึ้นไปเป็นภาพยนตร์อันดับที่สิบ ตามหลัง The Hangover Part II ที่ทำรายได้ทั่วโลกไป $586 ล้านเหรียญ, Logan (2017) หรือ โลแกน เดอะ วูล์ฟเวอรีน ที่ทำรายได้ทั่วโลกไป $614 ล้านเหรียญ, The Passion of the Christ ที่ทำรายได้ทั่วโลกไป $622 ล้านเหรียญ, Detective Chinatown 3 (2021) หรือ แก๊งม่วนป่วนโตเกียว 3 ที่ทำรายได้ทั่วโลกไป $699 ล้านเหรียญ, อิท โผล่จากนรก ที่ทำรายได้ทั่วโลกไป $701 ล้านเหรียญ, เดอะ เมทริกซ์ รีโหลดเดด สงครามมนุษย์เหนือโลก ที่ทำรายได้ทั่วโลกไป $738 ล้านเหรียญ, เดดพูล ที่ทำรายได้ทั่วโลกไป $781 ล้านเหรียญ, Deadpool 2 (2018) หรือ เดดพูล 2 ที่ทำรายได้ทั่วโลกไป $786 ล้านเหรียญ และ Joker (2019) หรือ โจ๊กเกอร์ ที่ทำรายได้ทั่วโลกไป $1,066 ล้านเหรียญ

Oppenheimer หรือ ออพเพนไฮเมอร์ เข้าฉายในโรงภาพยนตร์แล้ววันนี้

 

สำหรับแฟนหนังเมเจอร์ ห้ามพลาดกับบัตรดูหนังสุดคุ้ม M PASS ที่จะทำให้คุณคุ้มเต็มอิ่มกับการดูหนังตลอดทั้งปี เตรียมไปมันส์กับกองทัพหนังดังมากมาย สมัครง่ายๆเพียงแค่คลิก ที่นี่ 

ขอบคุณข้อมูลจาก Collider