สำรวจเบื้องหลังความยอดเยี่ยมในการแสดงของ จอช ฮาร์ตเน็ต ใน Oppenheimer

สำรวจเบื้องหลังความยอดเยี่ยมในการแสดงของ จอช ฮาร์ตเน็ต ใน Oppenheimer

 

 

คริสโตเฟอร์ โนแลน สามารถที่จะรวบรวมยอดนักแสดงมาอยู่ในภาพยนตร์ของเขาได้เสมอ แต่สำหรับภาพยนตร์เรื่องล่าสุดอย่าง Oppenheimer (2023) หรือ ออพเพนไฮเมอร์ จะเหนือไปกว่าทุกครั้ง เพราะว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ จะประกอบไปด้วยทั้งนักแสดงมากประสบการณ์ในฮอลลีวูด, นักแสดงดีกรีรางวัลออสการ์, นักแสดงที่ไม่เป็นที่รู้จักมากเท่าไหร่นัก ไปจนถึงอดีตนักแสดงระดับท็อปของบ็อกซ์ออฟฟิศที่หายหน้าหายตาไปจากวงการนานนับสิบปี

ซึ่งนักแสดงคนดังกล่าวก็คือ จอช ฮาร์ตเน็ต นักแสดงนำในภาพยนตร์อย่าง Lucky Number Slevin (2006) หรือ สเลวิ่น มือใหม่หัดเก็บ และ Black Hawk Down (2001) หรือ ยุทธการฝ่ารหัสทมิฬ แต่พลังการแสดงของเขาเหมือนจะหดหายไปในช่วงหลัง อย่างไรก็ตาม ฮาร์ตเน็ต เป็นนักแสดงที่น่าสนใจและสามารถแสดงในบทบาทที่ซับซ้อนได้กว่าบทบาทที่เขาได้รับในช่วงต้นของอาชีพ และการแสดงของเขาใน ออพเพนไฮเมอร์ ก็ถือว่าเป็นก้าวแรกของการกลับมาของนักแสดงวัย 45 ปีที่ยอดเยี่ยม ในฐานะของหนึ่งในนักแสดงสมทบที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเรื่อง

 

 

โดยตัวละครของเขามีบทบาทมากในเส้นเรื่องของ เจ. โรเบิร์ต ออพเพนไฮเมอร์ ในช่วงที่เขากำลังทำการศึกษาวิจัยอยู่ในภาควิชาฟิสิกส์ของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ที่ซึ่งเขาเริ่มศึกษาเทคโนโลยีที่เป็นส่วนสำคัญของโครงการแมนแฮตตัน เรื่องราวที่เบิร์กลีย์เป็นส่วนสำคัญ ที่นอกเหนือไปจากจะปลดล็อคความอัจฉริยะในตัวของเขาแล้ว ก็ยังเป็นที่ที่เขาพบรักกับภรรยาคนที่สอง คิตตี้ ออพเพนไฮเมอร์ และเริ่มมีมิตรสหายรอบตัว อีกทั้งยังเป็ยช่วงเวลาที่เขาทำงานร่วมกับตัวละคร เออร์เนสต์ ลอว์เรนซ์ ของ ฮาร์ตเน็ต

เออร์เนสต์ ลอว์เรนซ์ เป็นบุคคคลที่มีอิทธิพลมากในชีวิตของ ออพเพนไฮเมอร์ ในขณะที่เขาไม่ได้เป็นบุคคลที่ ออพเพนไฮเมอร์ ชื่นชมอย่าง นิลส์ โปร์ และ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ แต่เขาก็เป็นชายประเภทที่ ออพเพนไฮเมอร์ ไม่สามารถเป็นได้ โดย ฮาร์ตเน็ต ถ่ายถอดความเป็น ลอว์เรนซ์ ออกมาได้อย่างครบถ้วน ทั้งในฐานะชายผู้มีความสำคัญ, ความเฉลียวฉลาด และระดับของสังคม ในขณะเดียวกันก็ยังมีชีวิตในฐานะของคนธรรมดาที่สามารถรับมือกับความเคร่งเครียดในชีวิตประจำวันได้ โดย ลอว์เรนซ์ ได้แนะนำให้ ออพเพนไฮเมอร์ ตามหาสมดุลในชีวิตและงานของเขาก็ได้ แต่มันก็ถือเป็นเรื่องยากสำหรับคนที่มีความเฉลียวฉลาดในระดับนี้ ทำให้เกิดความตึงเครียดบางอย่างระหว่างทั้งสองขึ้นมา

 

 

ในขณะที่ ลอว์เรนซ์ รู้สึกไม่พอใจในตัวของเพื่อนตนนี้ แต่เขาก็เห็นอกเห็นใจยอดนักฟิสิกส์เช่นเดียวกันด้วย ท้ายที่สุดแล้ว ด้วยการที่ ออพเพนไฮเมอร์ ไม่สามารถที่จะหยุดความคิดเกี่ยวกับเรื่องงานของเขาได้ ทำให้เขากลายมาเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์มากกว่า ลอว์เรนซ์ แต่เช่นเดียวกัร ก็ทำให้เขาไม่ได้มีความสุขกับความสำเร็จที่เขาได้รับมาเลย

จอช ฮาร์ตเน็ต ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกเหล่านี้ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมผ่านการแสดงของเขา โดยเฉพาะกับความรู้สึกหลายอย่างที่ ลอว์เรนซ์ มีต่อ ออพเพนไฮเมอร์ อย่างแรกเลยก็คือ เขาไม่ได้เกลียดชัง ออพเพนไฮเมอร์ เพราะว่าทั้งสองมีความคล้ายคลึงกันมากในเรื่องประสบการณ์การศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับนิวเคลียร์ ลอว์เรนซ์ ถือเป็นเพียงไม่กี่คนที่จะสามารถพูดคุยเกี่ยวกับองค์ความรู้ในระดับนี้กับ ออพเพนไฮเมอร์ ได้ แต่ยังไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันกับที่จะค้นพบผลการทดลองในขั้นตอนสุดท้ายได้

 

 

ตัวละครของ ฮาร์ตเน็ต ยังเป็นคนที่เปิดเผยความเข้าใจเกี่ยวกับการตัดสินใจของอันซับซ้อน ออพเพนไฮเมอร์ โดยเฉพาะในเรื่องของความสัมพันธ์ของเขากับ จีน แททล็อค ที่ในตอนแรกเหมือนจะเป็นเพียงแค่ความรักธรรมดา แต่ ลอว์เรนซ์ ได้เป็นคนออกมาอธิบายในภายหลังเกี่ยวกับอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เมื่อเข้าไปเกี่ยวข้องกับบุคคลที่อยู่ในขบวนการเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งเขากังวลว่ามันอาจจะทำให้ ออพเพนไฮเมอร์ ไม่สามารถเพ่งความสนใจไปที่งานศึกษาของเขาต่อไปได้

หวังว่า ออพเพนไฮเมอร์ จะเป็นส่วนสำคัญให้การกลับมาในครั้งนี้ของ จอช ฮาร์ตเน็ต ประสบความสำเร็จขึ้นมาได้ หลังจากที่เขาต้องรอคอยมานานกว่าจะได้ร่วมงานกับยอดผู้กำกับอย่าง คริสโตเฟอร์ โนแลน ที่สามารถนำเอาความสามารถในการแสดงระดับยอดเยี่ยมของเขาออกมาได้

Oppenheimer หรือ ออพเพนไฮเมอร์ กลับมาเข้าฉายในโรงภาพยนตร์อีกครั้งแล้ววันนี้

 

สำหรับแฟนหนังเมเจอร์ ห้ามพลาดกับบัตรดูหนังสุดคุ้ม M PASS ที่จะทำให้คุณคุ้มเต็มอิ่มกับการดูหนังตลอดทั้งปี เตรียมไปมันส์กับกองทัพหนังดังมากมาย สมัครง่ายๆเพียงแค่คลิก ที่นี่ 

ขอบคุณข้อมูลจาก Collider