HIGHLIGHT CONTENT

10 ภาพยนตร์รักโรแมนติกคอมเมดี้ที่ตราตรึงใจคนดูของ 'ฮิวจ์ แกรนท์'!

  • 34,827
  • 02 ก.พ. 2015

10 ภาพยนตร์รักโรแมนติกคอมเมดี้ที่ตราตรึงใจคนดูของ 'ฮิวจ์ แกรนท์'!

 

 

1. Love Actually … ทุกหัวใจมีรัก

(เข้าฉายเมื่อ 4 ธันวาคม 2546)

ภาพยนตร์แนวรักโรแมนติกพูดถึงความรักในรูปแบบต่างๆของกลุ่มคนหลากหลายวิถีชีวิต ที่โยงมาเกี่ยวข้องกันในเทศกาลคริสต์มาส

แน่นอนว่าภาพของ ฮิวจ์ แกรนท์ ในบท เดวิด นายกรัฐมนตรีหนุ่มโสดอังกฤษยังคงตราตรึงติดตาติดใจคนดู โดยเฉพาะฉากที่เขาต้องปะทะคารมกับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา (รับบทโดย บิลลี บ็อบ ธอร์นทัน) เพื่อปกป้องเจ้าหน้าที่คนหนึ่งจากการถูกตอแย ซึ่งฉากนี้ ทำให้แฟนๆแทบสลบเพราะเสน่ห์อันเหลือร้ายของฮิวจ์เลย!

 

 

2. Notting Hill ... รักบานฉ่ำที่น็อตติ้งฮิลล์

(เข้าฉายเมื่อ 30 กรกฎาคม 2542)

เรื่องราวของ วิลเลียม แทคเกอร์ (ฮิวจ์ แกรนท์) เจ้าของร้านหนังสือหนุ่มพ่อม่าย ที่บังเอิญได้พบกับ แอนนา สก็อต (จูเลีย โรเบิร์ตส) ดาราระดับโลกในร้านของเขา เรื่องราวความสัมพันธ์ของคนสองคนที่แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน จะเป็นจริงได้หรือไม่ หรือเป็นเพียงฝันที่ลวงตาเมื่อตื่นขึ้นมาก็สลายไป?!

เจฟฟ์ มิลลาร์ จากหนังสือพิมพ์ Houston Chronicle ให้นิยามภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า “เป็นเรื่องของผู้ชายที่ทั้งซื่อบื้อทั้งน่ารักที่ยอดเยี่ยมที่สุด” เช่นเดียวกับ ชัค รูดอล์ฟ จากนิตยสาร Matinee พูดถึงการแสดงของฮิวจ์ว่า “เขาทำให้การโหยหาความรักเป็นเรื่องที่น่าค้นหา ทุกครั้งที่เขาออกมา เขาทำให้เราหัวเราะและเศร้าไปพร้อมๆกัน”

 

 

3. Four Wedding and a Funeral ... ไปงานแต่ง 4 ครั้ง หัวใจนั่งเฉยไม่ได้แล้ว

(เข้าฉายเมื่อปี 2537)

แม้ร่วมยินดีกับบ่าวสาวในงานวิวาห์หลายครั้ง หนุ่มเจ้าสำราญอย่าง ชาร์ลี (ฮิวจ์ แกรนท์) ก็ยังคงไม่เชื่อว่าเขาจะผูกมัดกับผู้หญิงคนไหนได้จนถึงขั้นแต่งงาน แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อเขาได้พบกับ แครี่ (แม๊คโดเวลล์) สาวอเมริกันเจ้าเสน่ห์ ที่ทำให้เขาตกหลุมรักอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก แม้ทั้งคู่จะเข้ากันได้ดีในช่วงเวลาที่พบกันเพียงไม่นาน แต่เขาก็ต้องผิดหวัง เมื่อรู้ว่างานแต่งงานครั้งหน้าที่เขาต้องไปคืองานของแครี่! ถึงเวลาแล้วที่ชาร์ลสต้องตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร เพื่อไม่ให้รักแท้ถูกพรากไปตลอดกาล

สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ แฟนคลับของฮิวจ์บางคนมองว่า เป็นเรื่องที่แจ้งเกิดให้กับเขาจนกลายเป็นดาราดัง บ้างก็มองว่าเขาทำให้หนังโรแมนติกคอมเมดี้สัญชาติอังกฤษเรื่องนี้มีชีวิตชีวาขึ้นมา ทางด้านนักวิจารณ์อย่าง วิดเจ็ทท์ วอลส์ ก็พูดถึงการแสดงของเขาว่า “ฮิวจ์แสดงได้ไร้เดียงสาน่ารักที่สุด” และแม้แต่ ท็อด แม๊คคาร์ธี่ จาก Variety Magazine ก็มองว่าความสำเร็จของหนังเรื่องนี้เกิดจากความตั้งใจของทีมงานที่รวมองค์ประกอบที่โดนใจคนดูเอาไว้ได้ อย่างไดอะล็อกสุดจิ๊ดประทับใจที่เขียนโดยมือเขียนบทชื่อดังอย่าง ริชาร์ด เคอร์ติส นั่นเอง

 

 

4. Bridget Jones’s Diary ... บริดเจ็ท โจนส์ ไดอารี่ บันทึกรักพลิกล็อค

(เข้าฉายเมื่อ 12 ต.ค. 2544)

บริดเจ็ท โจนส์ (เรอเน่ เซลวีเกอร์) สาวโสดวัย 30 เขียนไดอารี่บันทึกชีวิตรักและความตั้งใจที่จะเปลี่ยนชีวิตของตนเอง เพื่อที่เธอจะได้พบกับรักแท้ ซึ่งขณะนั้น เธอก็มีผู้ท้าชิงหัวใจของเธอถึง 2 คนแล้ว คือเจ้านายสุดเซ็กซี่ แดเนียล คลิฟเวอร์ (ฮิวจ์ แกรนท์) และเพื่อนเก่าแก่ของครอบครัว มาร์ค ดาร์ซี่ (โคลิน เฟิร์ธ) นั่นเอง  

ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากนิยายขายดีของ โดยได้นักแสดงมากฝีมือทั้ง 3 คนร่วมกันมอบชีวิตให้กับตัวละครได้ตรงตามหนังสือเป๊ะ! โดยเฉพาะ ฮิวจ์ แกรนท์ ที่ใช้ทักษะการแสดงของเขา ถ่ายทอดบทบาทของ “เดนียล คลีฟเวอร์” หนุ่มหล่อแบดบอยเสน่ห์เหลือร้าย ที่แฟนๆยอมจะพลีใจให้ 100%  

 

 

5. Bridget Jones: The Edge of Reason … บันทึกรักเล่มสองของบริดเจ็ท โจนส์

(เข้าฉายเมื่อ 16 ต.ค. 2547)

เรื่องราวภาคต่อของบริดเจ็ท โจนส์ (เรอเน่ เซลวีเกอร์) สาวโสดวัย 30 ที่ได้สุขสมหวังในชีวิตรักกับ มาร์ค ดาร์ซี่ (โคลิน เฟิร์ธ) แฟนทนายหนุ่มของเธอเสียที แต่อุปสรรคก็โผล่ขึ้นมาอีก เมื่อเพื่อนร่วมงานสาวคนใหม่ของมาร์คปรากฏตัว และแดเนียล คลีฟเวอร์ (ฮิวจ์ แกรนท์) อดีตเจ้านายหวานใจจอมเจ้าชู้ก็กลับมาทำให้เธอใจอ่อนจนได้ ความไม่แน่ใจในความรักของเธอครั้งนี้จะส่งผลต่อชีวิตรักระหว่างเธอกับมาร์คหรือไม่?!

หลายๆครั้งที่ภาพยนตร์ภาคต่อไม่สามารถก้าวข้ามมาตรฐานของภาคแรกได้  ซึ่งภาพยนตร์รักโรแมนติกเรื่อง Bridget Jones: The Edge of Reason ก็ประสบปัญหาเช่นเดียวกัน ถึงแม้เนื้อเรื่อจะไม่ได้รับคำชมที่ดีนักจากนักวิจารณ์ แต่สำหรับฝีมือการแสดงนั้นก็เกินความคาดหมายเลยทีเดียวโดยนักวิจารณ์จาก Atlanta Journal-Constitution ให้ความเห็นว่า ทีมนักแสดงมากฝีมือเหล่านี้ทำให้บทที่อ่อนดูน่าค้นหาขึ้นมาทันที

 

 

6. Sense and Sensibility… เหตุผลที่คนเรารักกัน

(เข้าฉายเมื่อ 13 ธันวาคม 2538)

เรื่องราวความรักของสองสาวพี่น้องที่มีมุมมองของความรักต่างกันอย่างสุดขั้ว แมริแอนน์ (เคต วินสเลต) น้องสาวผู้ไม่ลังเลที่จะวิ่งหาความรัก ถึงแม้จะต้องพบกับความเจ็บปวด ในขณะที่อิลินอร์ (เอ็มม่า ธอมป์สัน) พี่สาวผู้เคร่งครัดและยึดมั่นในการใช้ชีวิตด้วยเหตุผล ความแตกต่างนำทั้งคู่เผชิญประสบการณ์รักอันสับสน เมื่อฝ่ายชายที่ดูเหมือนว่าจะขอพวกเธอแต่งงาน กลับดูท่าไม่ใยดีพวกเธอ บทเรียนความรักที่ต่างเติมเต็มซึ่งกันและกัน นำไปสู่ความรักอันสุดประทับใจ

Sense and Sensibility ได้รับความนิยมมากจากทั้งแฟนคลับและแวดวงนักวิจารณ์ ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 7 สาขา ฮิวจ์ รับบทเป็น เอ็ดเวิร์ด เฟอร์ราส์ ในภาพยนตร์ที่สร้างจากนิยายคลาสสิกชื่อเดียวกันของ เจน ออสติน เรื่องนี้  ซึ่งบทบาทที่เขาได้รับนั้น แตกต่างจากภาพยนตร์เรื่องอื่นอย่างสิ้นเชิง โดยเปลี่ยนจากแบดบอยทรงเสน่ห์เป็นชายหนุ่มผู้อบอุ่นและอ่อนไหว

 

 

7. Two Weeks Notice … สะกิดหัวใจเราให้ลงเอย

(เข้าฉายเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ 2546)

เมื่ออภิมหาเศรษฐี จอร์ช เวด (ฮิวจ์ แกรนท์) มองหาหัวหน้าที่ปรึกษาคนใหม่ ที่จะเป็น “หน้าตา” อันทรงเสน่ห์ของเวด คอร์เปอเรชั่น ทำให้เขาได้พบกับ ลูซี่ เคลสัน (ซานดร้า บูลล็อก) ทนายความสาวอารมณ์ร้อนจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ผู้รักสิ่งแวดล้อม ลูซี่ตัดสินใจเข้าทำงานกับจอร์ชด้วยเหตุผลเดียว คือ หยุดยั้งบริษัทของจอร์ชจากการทำลายสิ่งแวดล้อมในชุมชน!

ภาพยนตร์เรื่องนี้จับเอานักแสดงขวัญใจชาวอเมริกันอย่าง ซานดร้า บูลล็อก และ แบดบอยขวัญใจชาวบริติชอย่าง ฮิวจ์ แกรนท์ มาประชันฝีมือกัน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับเสียงวิจารณ์มากนัก แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็สร้างความปลื้มปริ่มให้กับคนดูได้ เบ็ตตี้ โจ ทัคเกอร์ จาก ReelTalk ลงความเห็นว่า “ทุกบทสนทนาที่ฮิวจ์ส่งออกมาอย่างชาญฉลาด และความซุ่มซ่ามป้ำๆเป๋อๆของซานดร้าดึงดูดฉันมากๆ ฉันได้แต่หวังว่าพวกเขาจะกลับมาเล่นด้วยกันอีก”

 

 

8. Nine Months … รักน้องต้องป่องได้

(เข้าฉายเมื่อปี 2538)

แซม (ฮิวจ์ แกรนท์) ต้องเผชิญกับสิ่งที่เขาไม่เคยต้องการมาก่อน เมื่อหวานใจของเขากำลังจะมีลูก และเวลาเก้าเดือนก็ช่างรวดเร็วต่อการเตรียมพร้อมเป็นพ่อคน จนแซมมีความรู้สึกแทบสติแตก เรื่องราวแสนป่วนฉบับต่างๆจึงเกิดขึ้น!

ถึงแม้ภาพยนตร์เรื่องนี้จะได้รับการโหวตให้เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่แย่ที่สุดในอาชีพนักแสดงของฮิวจ์ แต่ทั้งฮิวจ์และจูลิแอนก็กลับได้รับเสียงชื่นชมถึงการแสดงอันยอดเยี่ยมของพวกเขา โดยในเรื่องนี้ยังได้ โรบิน วิลเลี่ยมส์ มาร่วมสร้างสีสันที่น่าติดตามด้วย

 

 

9. Music And Lyrics … สี่ห้องใจนี้ มีแต่เสียงเธอ

(เข้าฉายเมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2550)

อเล็กซ์ เฟลทเชอร์ (ฮิวจ์ แกรนท์) ราชาเพลงป๊อบตกยุครุ่น 80 ต้องมาเดินสายตามงานแฟร์และสวนสนุกเพื่อหาเงิน แต่แล้วเขาก็ได้โอกาสหวนคืนสู่วงการอีกครั้ง เมื่อเขาได้รับเชื้อเชิญจากราชีนีเพลงผู้โด่งดังให้แต่งเพลงให้ แต่ปัญหาอย่างเดียวคือ อเล็กซ์ไม่ได้แต่งเพลงมาหลายปีแล้ว! แล้วเขาจะทำอย่างไรให้เพลงฮิตนี้ออกมาเป็นรูปเป็นร่างได้?!

ถึงแม้จะดูไม่ใช่พระนางที่เคมีเข้ากัน แต่ ฮิวจ์ แกรนท์ และดรูว์ แบร์รี่มอร์ ก็สร้างความหวานล้นจอในภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ สตีเว่น ฮันเตอร์ จาก the Washington Post ให้ความเห็นว่า “ทั้งฮิวจ์และดรูว์เล่นได้ยอดมาก และตัวหนังเองก็สร้างมนตร์เสน่ห์แห่งเสียงเพลงได้อย่างมีชีวิตชีวา” ถึงแม้ทั้งอายุและบุคลิกของทั้งคู่จะแตกต่างกันมาก แต่ทั้งฮิวจ์ และดรูว์ ก็สามารถเอาชนะใจคนดูได้อยู่หมัดเลย

 

 

10. About a Boy … โสดแสบ แบบว่า…

(เข้าฉายเมื่อ 30 สิงหาคม 2545)

ถ้าคุณเกิดมาโดยที่ไม่ต้องทำอะไร ก็มีเงินใช้ไปตลอดชาติแล้ว คุณจะทำอะไร? วิล (ฮิวจ์ แกรนท์) ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เกิดมาเป็นเช่นนี้ โดยเขาได้รับเงินจากการเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เพลงที่ใช้ในวันคริสต์มาสที่พ่อของเขาแต่งเอาไว้ ทำให้เขาสามารถใช้ชีวิตตามที่ต้องการได้ จนกระทั่ง เขาได้พบกับ มาร์คัส (นิโคลัส ฮอลท์) เด็กที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าและแม่ของเขา ซึ่งทำให้ชีวิตของวิลต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล

ภาพยนตร์ดัดแปลงจากนิยายขายดีเรื่องที่สองของ นิค ฮอร์นบี เรื่องนี้ไม่ใช่แนวรักโรแมนติกธรรมดาทั่วไป แม้จะมีฉากตลกและฉากรักหวานซึ้ง แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้เน้นไปที่ความสัมพันธ์และการค้นหาเส้นทางชีวิตของตัวละครมากกว่า เจอาร์ โจนส์ จาก Chicago Reader กล่าวว่า “มีหนังไม่กี่เรื่องที่ใช้ประโยชน์จากเสน่ห์และอารมณ์ขันของฮิวจ์ แกรนท์ ได้อย่างคุ้มค่ามากกว่าภาพยนตร์ที่ทั้งตลกและเดินเรื่องกระชับเรื่องนี้” ซึ่งนักวิจารณ์อย่าง เอมมานูเอล เลวี่ ถึงกับบอกว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้คือบทที่ดีที่สุดของฮิวจ์เลย

 

 

และสำหรับหนังโรแมนติก คอมแมดี้ล่าสุดที่พระเอกคนนี้รับบทเด่นเช่นเคยอย่าง The Rewrite : เขียนยังไงให้คนรักกัน คราวนี้ 'ฮิวจ์ แกรนท์' รับบทเป็น 'คีธ ไมเคิลส์' นักเขียนบทภาพยนตร์ชื่อดังของฮอลลีวู้ด ถึงขนาดได้รางวัลออสการ์ แต่กลับต้องตกอับ ไร้เงิน ไร้งาน ไม่มีทรัพย์ใดๆทั้งสิ้น ทำให้เขาต้องตัดสินใจรับงานสอนนักเรียนคลาสหนึ่งในมหาวิทยาลัยเล็กๆ แต่ที่นั่น ทำให้เขาได้พบกับการเขียนบทที่ทำให้เขาต้องเปลี่ยนมุมมอง และชีวิตของเขาต่อจากนี้ไปตลอดกาล ... The Rewrite เข้าฉายบ้านเรา 5 ก.พ. 2558 แน่นอน!!