HIGHLIGHT CONTENT

บทวิจารณ์ภาพยนตร์ TAKEN 2

  • 10,646
  • 08 ต.ค. 2012

บทวิจารณ์ภาพยนตร์ TAKEN 2 โดย โอ๋ นิติเทพ www.facebook.com/okmovies

ปี 2009 ก่อนที่ภาคแรกจะฉาย Taken ยังคงเป็นเพียงหนังโนเนมสังกัดอิสระ มีแค่ผู้อำนวยการสร้าง Luc Besson และดารานำ Liam Neeson เท่านั้นที่ดัง ขนาดบ้านเรายังไม่มีตัวแทนจำหน่าย ไม่มีการวางโปรแกรมฉาย ไม่มีโปสเตอร์แปะหน้าโรง ค่ายเจบิกส์ผลิตออกมาเป็นหนังแผ่นแต่แรก (ในแผ่นไตเติ้ลเป็นภาษาฝรั่งเศส ไม่แน่ใจว่าภาคแรกเป็นหนังฝรั่งเศสหรือแค่ว่าค่ายวีดิโอบ้านเราใช้ต้นฉบับจากฝรั่งเศส) ตอนนั้นแทบไม่มีใครในเมืองไทยรู้ว่าหนังเรื่องนี้จะมีดีแค่ไหน ต่อเมื่อหนังเข้าที่อเมริกาแล้วนั่นแหละ แปลกใจไปตามๆ กัน ว่าทำไมหนังนอกสายตาอย่าง Taken ซึ่งมีทุนสร้างแค่ 45 ล้าน สัญชาติผู้สร้างและถ่ายทำที่ฝรั่งเศส แถมพระเอกแก่หงำเหงือก กลับทำรายได้ไปถึง 145 ล้าน ทำให้ Taken กลายเป็นหนังแอ็คชั่นที่ขึ้นอันดับหนึ่งและทำเงินร้อยล้านที่อเมริกาเรื่องแรกในประวัติศาสตร์ที่ไม่ผ่านการฉายโรงในประเทศไทย วันนี้ Taken 2 กลับมาด้วยการตีตรายี่ห้อ 20th Century Fox กลายเป็นหนังอเมริกันเต็มตัวโดยใช้ผู้สร้างเดิม และผู้กำกับมือใหม่ที่เพิ่งผ่านงานมาแค่เรื่องเดียวแถมเจ๊งอีกต่างหาก TAKEN 2 เป็นการกลับมาของพระเอกแอ็คชั่นที่แก่เกือบจะที่สุดด้วยวัย 60 ในปีนี้ (Harrison Ford ในอินเดียน่าโจนส์ภาค 4 แก่กว่าด้วยอายุ 66 ในปีที่ฉาย และตัวพ่ออินดี้เอง Sean Connerry ใน Entrapment ก็อายุถึง 69 แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้เล่นแอ็คชั่นมากเท่านี้) Liam Neeson ต้องรับบทไล่ล่าผู้ร้ายที่ลักพาตัวสมาชิกในครอบครัวด้วยทักษะสูงลิบลิ่วเช่นเดิม พระเอกชาวไอริชคนนี้แสดงหนังมากว่า 30 ปี โดดเด่นจากบท Darkman ในปี 90 ก่อนที่จะประสบความสำเร็จสูงสุดในการรับบทออสการ์ ชินด์เลอร์ใน SCHINDLER’S LIST หนังของสตีเว่น สปีลเบอร์ก ปี 93 ถึงขั้นเข้าชิงออสการ์ (แต่เสียให้กับ Tom Hanks จาก Philadelphia) จากนั้นชีวิตรุ่งมากกับการรับบทสมทบที่สำคัญมากในแต่ละเรื่อง ซึ่งดูเหมือนเลียมจะจองไว้แต่บทแนวพ่อแก่อย่างเดียว เช่นปรมาจารย์เจได ใน Star Wars (เรื่องเดียวกับปู่ฟอร์ด แต่คนละไตรภาค) เจ้าสำนักใน Batman เทพเจ้าใน Crash และ Wrath of The Titans นายพลใน Battleship (นับแถมสิงโตในไตรภาคนาร์เนียอีกเรื่องก็ได้) น่าแปลกที่คนที่รับแต่บทเหนือพระเอกไปแล้วแทบทุกเรื่องอย่างเขา จะมีใครมองเห็นแววดึงกลับมาให้รับบทนำ ซ้ำยังเป็นหนังแอ็คชั่น และอายุในภาคแรกของเลียมนั้นก็ปาไปถึง 57 ถึงเลียมจะเคยมีหนังแอ็คชั่นมาบ้าง แต่ตามประวัติก็ไม่พบว่ามีเรื่องใดที่ต้องทุ่มเทมากขนาดนี้ ยิ่งภาคนี้ฉลอง 60 พอดี ยังต้องเหนื่อยไม่เลิก หากยังคงสร้างต่อ หรือมีเรื่องอื่นดึงตัวไปเป็นพระเอกบู๊อีกเรื่อยๆ สถิติน่าจะแซงแฮริสัน ฟอร์ด และปู่ฌอน คอนเนอรี่ได้ง่ายๆ สำหรับ Taken ภาคนี้ ผู้สร้าง ลุค เบซอง เหมือนขายของเก่ากิน ไม่มีอะไรแปลกใหม่เลย เดินเรื่องอืด จืดชืด เลียม นีสันก็แก่ตัวไปมาก (วัยแซยิดแล้ว) พล็อตเรื่องเบา ขอบเขตของเนื้อหาเล็กมาก เหมือนเป็นแค่โปรเจ็คท์เก็บสตางค์เฉพาะค่าทิปโดยไม่มีอาหารจานหลักไว้บริการ การลงทุนเทียบจากความวินาศและสถานที่ในเรื่องแล้ว น่าจะน้อยกว่าภาคแรกได้ถึงครึ่งหนึ่ง แต่สำหรับใครที่ยังไม่เคยดูภาคแรก หนังก็ยังสนุกที่ความโหด และความฉลาดสมบูรณ์แบบของพระเอก ถึงแม้จะโอเวอร์ไร้เหตุผลยิ่งกว่าภาคแรก และความโหดลดลงไป แต่ด้วยตามเนื้อเรื่องก็สมควรเพราะคนร้ายอ่อนแอเกิน เป็นเพียงตาแก่อาฆาตที่มีลูกน้องอยู่ไม่กี่คน ต่างจากภาคหนึ่งที่มีประเด็นเนื้อหาความต้องการชัดเจน และคนร้ายทำงานกันเป็นขบวนการมีขั้นตอน เป็นเรื่องใหญ่ระดับรัฐบาลกับอาชญากรข้ามชาติ แต่ถ้าหากไม่ได้ชมภาคแรก น่าจะดูภาคนี้ได้สนุกโดยที่ไม่ต้องมีอะไรเปรียบเทียบให้ขัดใจ ต้องขอบอกว่า Taken 2 มีความมันสะใจ ใช้ได้เลยทีเดียว เข้าไปดูก่อนแล้วค่อยหาแผ่นภาคแรกมาดูจะดีกว่าครับ แต่ถ้าดูภาคแรกเป็นแผ่นก่อนที่จะดูภาคสองในโรงอาจจะบ่นว่า ภาคแรกดีกว่ายี่สิบเท่า ภาคเสองดูแล้วเสียดายตังค์ก็เป็นได้ ในโรงใช้ชื่อภาษาไทย คนคมล่าไม่ยั้ง ดีกว่าชื่อในแผ่น สู้ไม่รู้จักตาย มาก คือเรื่องเดียวกันแต่คนละภาค เวลาซื้ออาจดูยากเพราะชื่อไม่เหมือนกัน อาร์ตเวิร์คแตกต่างกันพอสมควรด้วย ของภาค 1 ดูเหมือนหนังแผ่นเกรดบีไม่มีราคา แต่ขอโทษเถอะ สนุกสุดๆ บางสำนักของเมืองนอกยกให้ Taken เป็นหนังลักพาตัวและล้างแค้นเอาคืนที่ดีที่สุด ลองพิสูจน์กันดูครับ ไม่แน่ ถ้าภาคนี้ทำเงินร้อยล้านอีก ซึ่งไม่ใช่เรื่องยาก อาจมีภาค 3 เพราะญาติของผู้ร้ายยังอยู่ ขาดก็แต่พระเอกที่ทั้งลูกและเมียต่างก็โดนลักพาตัวไปคนละภาคแล้ว ครั้งหน้าคงต้องลักพาตัวเองเสียแล้วกระมัง อ้อ ถึงเรื่องนี้ผู้ร้ายจะเป็นแขกแต่หนังไม่ได้มีเจตนาลบหลู่เชื้อชาติหรือศาสนาใดๆ นะครับ ชมเพื่อความบันเทิงกันเถิด อย่าคิดเยอะ