โคตรลึก!! การทำงานของอัญมณีแต่ละเม็ด ทำให้ครึ่งจักรวาลหายไปได้ไง?

 

ไม่ต้องครบ! แค่ 3 ชิ้นนี้ก็ดีดนิ้วล้างจักรวาลได้ แผนแรกก่อนถูกปรับใน Infinity War

 

 

                หนึ่งในฉากที่จะถูกโจษจันไปชั่วกาลนานคงต้องมีฉากการดีดนิ้วล้างจักรวาล ของ ธานอส จาก Avengers: Infinity War ติดอันดับอยู่ด้วยอย่างแน่นอน อย่างที่เราทราบกันว่าในภาพยนตร์เรื่องนี้ มหาไททันผู้มีความคิดสุดโต่งได้ออกเดินทางทั่วจักรวาล เพื่อรวบรวมอัญมณีทั้ง 6 ที่มีพลังพิเศษแตกต่างกัน เพื่อใช้พวกมันในการลบสิ่งมีชีวิตทั่วทั้งจักรวาลลงไปครึ่งหนึ่ง อัญมณีแต่ละชิ้นจะมีความสามารถแตกต่างกันไป ทั้งการเปลี่ยนแปลงความจริง, ควบคุมจิตใจ, เคลื่อนย้ายได้ทุกมิติ, พลังมหาศาล, ควบคุมวิญญาณ หรือกระทั่งเดินทางท่องกาลเวลา และในตอนจบเราก็ได้เห็นว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนของธานอส เขาได้ดีดนิ้วล้างจักรวาลจนทุกสิ่งสูญสลาย แต่จริง ๆ แล้วการทำงานของอัญมณีที่ใช้มันเคยถูกคิดให้ซับซ้อนกว่าที่เราได้ดูกันไป

 

                Dan Deleeuw หัวหน้างานวิชวลเอฟเฟ็กต์ของภาพยนตร์เรื่อง Avengers: Infinity War ได้ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ Screen Rant เกี่ยวกับแผนแรกที่มาร์เวลต้องการให้เขาออกแบบการดีดนิ้วล้างจักรวาลของธานอสให้มันดูมีอะไร สมเหตุสมผล แล้วก็สร้างความสะเทือนอารมณ์ให้กับผู้ชม โดยเขากล่าวไว้ว่า “ตอนนี้มันสมเหตุสมผลแล้วที่อัญมณีทั้ง 6 ถูกใช้ร่วมกัน แล้วอัญมณีมันใช้ร่วมกันได้ยังไง? โซลสโตนถูกใช้เพื่อเข้าไปและสลายวิญญาณของพวกเขา พาวเวอร์สโตนใช้สลายร่างกาย และสเปซสโตนถูกใช้เพื่อทำให้มันกลายเป็นผง ในช่วงทดสอบครั้งแรกมันเป็นการรวมชิ้นส่วนที่แตกต่างกัน และทำให้มันออกมาสวยงาม แต่มันดูจะมากไป ใช่ไหม? ถ้ามันมีส่วนของโซลสโตนมากไป มันจะดูเหมือนพวกเขาถูกเผาผลาญในตอนที่ถูกทำให้สลาย เพราะงั้นไอเดียนี้เลยถูกปัดออกไปและเรากลับมาทำให้มันไม่ยุ่งยากแทน”

 

 

                ถือเป็นการตัดสินใจที่ดี เพราะหากสุดท้ายเปิดเผยว่าแท้จริงแล้วธานอส ใช้อัญมณีแค่ 3 ชิ้นก็สามารถสลายร่างสิ่งมีชีวิตทั้งจักรวาลได้แล้ว เรื่องราวก่อนต่อสู้ การสูญเสียในภาพยนตร์คงจะไร้เหตุผลไปเลย และการใช้พลังระดับทั่วจักรวาลขนาดนี้ก็เหมาะสมแล้วที่จะใช้พวกมันทั้งหมด และสิ่งที่พวกเขาทำ ที่ค่อย ๆ ให้เหล่าฮีโร่ที่ทุกคนรักสลายไปเป็นฝุ่นผงต่อหน้าต่อตา แทนที่จะถูกเผาผลาญแล้วสลายไป มันอาจจะไม่ได้สร้างความโหดร้าย แต่มันสร้างความสะเทือนทางอารมณ์ได้เป็นอย่างดี

 

Source: Screen Rant