HIGHLIGHT CONTENT

สุสานที่เต็มไปด้วยปริศนา..เผยการสร้างโลกสุดลึกลับใน Tomb Raider

  • 10,070
  • 07 มี.ค. 2018

                                                                                           

สุสานที่เต็มไปด้วยปริศนา..เผยการสร้างโลกสุดลึกลับใน Tomb Raider

“ถ้าโวเกลเปิดสุสานนั้น คำสาปของฮิมิโกะจะถูกปลดปล่อยออกมาสู่โลก!”

 

นอกจากฉากที่ถ่ายทำตามส่วนต่างๆ ในลอนดอน อันได้แก่ ย่านแฮคนีย์และชอร์ดิตช์ รวมถึงบริเวณด้านนอกของวิลตันเฮาส์ บ้านชนบทแบบอังกฤษที่วิลตัน ใกล้เมืองซอลส์เบรีในวิลต์เชียร์ ซึ่งใช้เป็นฉากภายนอกคฤหาสน์ตระกูลครอฟต์ การถ่ายทำหลักของ “Tomb Raider” ปักหลักอยู่ภายในและใกล้เมืองเคปทาวน์ แอฟริกาใต้

 

                “ผมสนใจหนังแบบที่รอร์และเกรแฮมต้องการทำออกมาครับ” นักออกแบบงานสร้าง แกรี ฟรีแมนกล่าว “เป็นความท้าทายอันน่าตื่นเต้นที่ได้เดินทางจากวัฒนธรรมที่ค่อนข้างฮิปปี้ในย่านศิลปะของลอนดอน ไปยังท่าเรือที่คึกคักในฮ่องกง ไปจนถึงเกาะที่ไม่ได้รับการสำรวจในญี่ปุ่นซึ่งมีบรรยากาศลึกลับคล้ายยุคดึกดำบรรพ์ นอกจากนี้ ยังมีเฮลิคอปเตอร์รุ่น NH90 อันล้ำยุค เรืออวนลากที่มีลำเรือเป็นเหล็ก และเครื่องบินทิ้งระเบิดยุคสงครามโลกครั้งที่สองซึ่งหงายท้องลงไปในน้ำตก ทั้งหมดในหนังเรื่องเดียว เรียกได้ว่ามีความหลากหลายทีเดียวครับ”

 

                ทั้งหมดนี้ รวมถึงการสร้างสุสานแห่งแรกที่ตัวละครอันโด่งดังอย่างลารา ครอฟต์จะได้บุกเข้าไปในหนังเรื่องนี้ ได้ช่วยให้ฟรีแมนและทีมงานได้รับโอกาสในการสร้างสรรค์มากมาย

 

 

                ฉากท่าเรือฮ่องกงนั้นถ่ายทำกันที่เฮาท์เบย์ เมืองชาวประมงอันมีเสน่ห์ซึ่งอยู่หากจากเคปทาวน์ไป 20 นาที อูธักกล่าวว่า “เราตกแต่งสถานที่ด้วยทางเดินลอยน้ำ ร้านอาหารลอยน้ำ และตัวประกอบมากมาย เรามีกล้องที่ลอยไปมาโดยแขวนไว้กับลวดสลิง และการถ่ายทำฉากนั้นก็สนุกดีครับ”

 

                อูธักพูดถึงกล้องสไปเดอร์แคมของผู้กำกับภาพจอร์จ ริชมอนด์ ซึ่งเขานำมาด้วยจากสหราชอาณาจักร กล้องตัวนี้ช่วยให้ทีมงานสามารถกำหนดจุดการวางกล้องได้คล้ายกับกล้องเคเบิล แต่สามารถถ่ายทำในทิศทางใดก็ได้ในแบบสามมิติ รวมถึงการถ่ายทำหลายช็อตที่ระยะความสูงต่างๆ กันจากด้านบน ทำให้ใช้งานได้หลากหลายกว่าการใช้เครน ช่างไฟของริชมอนด์ยังสามารถควบคุมความสว่าง ทิศทาง และอุณหภูมิสีในการจัดแสงจากแท็บเล็ตได้อีกด้วย ทำให้การปรับแสงซึ่งปกติเป็นเรื่องยากลำบากนั้นสามารถทำได้ในเวลาไม่กี่นาที

 

                แดเนียล วู นักแสดงซึ่งกลับไปอยู่ที่ฮ่องกงเป็นบางช่วงนั้นกล่าวว่า เขาทึ่งเมื่อได้เห็นท่าเรือของฟรีแมน “เราพักอยู่ห่างจากหมูบ้านชาวประมงนี้ออกไปราวสิบนาที พอเรามาถึงฉากนี้ รายละเอียดทุกอย่างโดยเฉพาะของประกอบฉาก ตั้งแต่ตะเกียบไปจนถึงโปสเตอร์ที่ติดภายในร้านทำให้ผมนึกว่าตัวเองอยู่บ้านเลยครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวประกอบ 300 คนที่เดินไปมาพูดภาษาจีนกัน แม้กระทั่งอากาศร้อนของฤดูร้อนในเคปทาวน์ก็ยังให้ความรู้สึกเหมือนอากาศร้อนในฮ่องกง ทุกอย่างน่าประทับใจและสมจริงสมจังมาก”

 

 

                ลาราใช้เวลาอยู่ในฮ่องกงไม่นานนัก เธอไปที่นั่นเพียงเพื่อหาตัวลู เรน และได้พบเขาอยู่บนเรือที่ชื่อ เอ็นดัวร์แรนซ์ ฟรีแมนทำการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดเพื่อออกแบบเรือลำนี้โดยรู้ดีว่าเรือลำนี้มีหน้าที่อย่างไรในบทภาพยนตร์ “เราคิดกันว่าเรือประเภทไหนจะเหมาะกับพื้นที่แถบนี้ เหมาะกับตัวละครลู เรน และแน่นอนว่าตามทฤษฎีแล้วมันจะต้องเดินทางจากฮ่องกงถึงเกาะในญี่ปุ่นเป็นระยะทาง 500 ถึง 600 ไมล์ผ่านน่านน้ำที่มีคลื่นลมแรง ตอนแรกเราคิดว่าจะซื้อเรือหรือเช่าเรือมา แต่ช่วงนั้นเป็นฤดูจับปลาทูน่าในเคปทาวน์และไม่มีเรือให้เช่าเลย เราออกแบบเรือที่วางอยู่บนทุ่นลอย เพราะฉะนั้นมันจึงลอยได้เมื่ออยู่ในแท็งค์และโคลงเคลงไปมาเมื่อจอดอยู่ในอู่ มันจะไม่อยู่นิ่งๆ มันยังต้องไปวางอยู่บนแท่นหมุนแบบห้าแกนและรับน้ำเป็นตันๆ ในฉากที่เกิดเหตุวิกฤติด้วย”

 

                แท็งก์สำหรับเรือ เอ็นดัวแรนซ์ นั้นสร้างขึ้นที่สตูดิโอเคปทาวน์ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำฉากท่าเรือเพิ่มเติมในส่วนที่ต้องใช้บลูสกรีน เช่น ฉากการไล่ล่าของลาราที่ท่าเรือ ส่วนฉากอื่นๆ ที่ถ่ายทำที่นั่น ได้แก่ ฉากพายุรุนแรงบนชายหาดยามาไต และฉากลาราห้อยโหนจากปีกเครื่องบินทิ้งระเบิดของญี่ปุ่นเหนือน้ำตก ฉากที่สร้างขึ้นในสตูดิโอดังกล่าว ได้แก่ ห้องค็อกพิตของเครื่องบินทิ้งระเบิด ห้องใต้ดินของตระกูลครอฟต์ ห้องทำงานลับของริชาร์ด ครอฟต์ โลงหินในสุสาน และบ่อฝังศพ

 

 

                เมืองเล็กอันงดงามอย่างเมืองพาร์ลในเคปไวน์แลนด์สเป็นสถานที่อันเหมาะสมสำหรับฉากการไล่ล่าในป่าหลายฉาก ค่ายของโวเกล และทางเข้าสุสาน ความท้าทายประการสำคัญที่สุดในการถ่ายทำที่นั่นก็คือการขับรถนานหนึ่งชั่วโมงจากตัวเมืองผ่านถนนลูกรังฝุ่นคลุ้งที่คดเคี้ยวขรุขระไปยังจุดถ่ายทำทุกๆ วัน พาร์ลยังเป็นภูมิภาคที่มีอากาศร้อนที่สุดแห่งหนึ่งอีกด้วย ด้วยอุณหภูมิสูงถึง 113 องศาฟาเรนไฮต์ทั่วทั้งพื้นที่ ความร้อนเป็นประเด็นใหญ่ตลอดการถ่ายทำ พยาบาลประจำกองถ่ายจะต้องติดครีมกันแดดเอาไว้ตลอดเวลา

 

                “การถ่ายทำในพื้นที่ผลิตไวน์ของแอฟริกาใต้ฟังดูเป็นความคิดที่เข้าท่าจนกระทั่งเราพบว่าต้องไปอยู่ในเหมืองหินร้อนระอุที่มีแมงป่องอยู่ทุกที่” อูธักหัวเราะ โชคดีที่กองถ่ายจ้างนักจับงู (และแมงป่อง) มาเคลียร์พื้นที่ให้ปลอดภัย ถึงเขาจะช่วยเรื่องแดดไม่ได้ก็ตาม

 

                เมื่อมาถึงการถ่ายทำเกาะยามาไตซึ่งเป็นสถานที่สมมติในเรื่องและสุสานบนเกาะนั้น ฟรีแมนกล่าวว่าสิ่งสำคัญที่อูธักคำนึงถึงคือต้องให้ภาพออกมาสมจริงที่สุด “ทางเข้าสุสานเป็นเหมืองหินแกรนิตร้างที่เราบังเอิญไปพบ ซึ่งผมคิดว่าไม่ได้ใช้มานาน 80 ปีแล้ว สภาพพื้นที่ตรงนั้นดีมาก ดูน่าสนใจ แล้วก็ยังมีร่องรอยจากการขุดหินแกรนิตด้วย ทีนี้ถ้าคุณจะจินตนาการว่าเมื่อหลายพันปีก่อนมีคนสร้างเจดีย์อันใหญ่เอาไว้ใต้ดิน คุณก็คงต้องคิดว่า ‘แล้วพวกเขาเข้าไปได้ยังไง พวกเขาออกมาได้ยังไง ร่องรอยการขุดก็เลยกลายเป็นประโยชน์สำหรับเรา เราทำให้พื้นที่ดูรกชัฏด้วยการเพิ่มไม้เลื้อยและสุมทุมพุ่มไม้ให้ปกคลุมบริเวณนั้น แล้วมันก็ออกมาดูดี”

 

 

                ฉากภายในสุสานฮิมิโกะถ่ายทำกันที่สตูดิโอแอตแลนติกฟิล์มทางตะวันตกของเคปทาวน์ ฟรีแมนศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจเลือกแนวทางการออกแบบ “เรากำลังทำงานกับยุคที่น่าสนใจในสถาปัตยกรรมญี่ปุ่น” เขาระบุ ไม่ใช่ยุคของเจดีย์แบบคลาสสิกอย่างที่คุณเห็นในหนังซามูไร เราต้องการสร้างงานแบบโบราณที่ดูแปลกตา เพราะฉะนั้นเมื่อคุณเข้ามาภายในสุสาน คุณจะเหมือนอยู่อีกโลกหนึ่งเลย เราต้องการความลึกลับและไม่ฟุ้งเฟ้อ มีแต่ความเรียบง่าย เคร่งขรึม เป็นรูปทรงเรขาคณิตโดยไม่เน้นรายละเอียดพื้นผิว เราดูตัวอย่างจากสุสานแบบจีนซึ่งมีการบันทึกข้อมูลไว้ละเอียดกว่าและช่วยให้เราได้รูปแบบตั้งต้นมา จากนั้นเราก็นำรูปทรงสมมาตรตามแบบญี่ปุ่นมาใช้และเพิ่มความทันสมัยลงไปเล็กน้อย แทบจะคล้ายกับสถาปัตยกรรมแบบบรูทัลลิสต์ แต่เรียบกว่าและคมกว่า

 

                “ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับลักษณะของแสงและบรรยากาศที่สื่ออารมณ์เป็นสำคัญครับ” ฟรีแมนกล่าวต่อ “จอร์จจัดแสงได้สวยมากจนรูปปั้นนกน้ำญี่ปุ่นแบบแปลกๆ ซึ่งผมทำขึ้นมาและไม่น่าจะน่ากลัวเลยนั้นกลับออกมาดูน่าสะพรึงกลัว ช่วยเพิ่มความสยองซึ่งตัวละครทุกตัวสัมผัสได้เมื่อเข้าไปข้างใน”

 

                “แกรีกับฝ่ายศิลป์สร้างฉากที่น่าทึ่งให้หนังเรื่องนี้ ผมจำได้ตอนเดินเข้าฉากสุสานเป็นครั้งแรก ผมแทบจะหยุดหายใจเลย มันเต็มไปด้วยกับดัก ประตูลับ ปริศนา” อูธักกล่าว เขาพอใจอย่างยิ่งกับผลงานที่ฟรีแมน ริชมอนด์ และทีมงานมากความสามารถได้สร้างขึ้น

 

 

"ฉากนั้นน่าทึ่งจริงๆ ค่ะ” วิแคนเดอร์กล่าว “มีหลายครั้งที่ฉันเดินเข้าไปแล้วแทบจะต้องหยิกตัวเองว่าฝันไปรึเปล่า เพราะฉันเป็นแฟนหนังผจญภัยและไม่เคยคาดฝันว่าจะได้เดินเข้ามาในฉากที่สมจริงขนาดนี้ พื้นที่ภายในสุสานที่ทีมงานได้สร้างขึ้น โลงศพหิน...และทุกๆ อย่าง เด็กผู้หญิงตัวน้อยที่ยังอยู่ในตัวฉันตื่นเต้นดีใจมากค่ะ มันน่ามหัศจรรย์จริงๆ”

 

                นักแสดงหญิงรายนี้รักฉากนี้มาก เธอบอกให้เพื่อนๆ ที่มาเยี่ยมระหว่างการถ่ายทำพาลูกๆ มาด้วย “ฉันอยากมอบประสบการณ์นี้ให้เด็กๆ” เธอยิ้ม “ฉันอยากสัมผัสฉากนี้ผ่านมุมมองของเด็กๆ ด้วย เพราะรู้ดีว่าเด็กๆ จะต้องตื่นเต้นไม่แพ้ตัวฉันเองตอนเป็นเด็กเหมือนกัน”

 

                รายละเอียดอันมีเอกลักษณ์บางส่วนในหนังสร้างขึ้นโดยผู้จัดหาของประกอบฉาก พอล เพอร์ดี ซึ่งชิ้นสำคัญที่สุดคือกล่องปริศนาอันประณีตงดงามแบบญี่ปุ่นซึ่งลาราและพ่อของเธอใช้ และสุดท้ายมีส่วนสำคัญต่อเนื้อเรื่องบนเกาะ ทีมงานของเพอร์ดียังได้หาพลั่วเจาะแบบเดียวกับในเกมด้วยการตามหาผู้ผลิตดั้งเดิมซึ่งเหลือเพียงสามรายในโลกและให้ผู้ผลิตทำขึ้นมาใหม่ หลายชิ้นผลิตเพื่อให้ตรงตามความต้องการในฉาก โดยมีทั้งแบบจริง แบบแข็ง แบบนุ่ม และแบบ “ไม่มีหัว” ของประกอบฉากที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ กุญแจประจำตระกูลครอฟต์ สมุดบันทึกของริชาร์ด และแผนที่ใส่รหัสของยามาไต รวมถึงคันธนูและลูกธนูอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของลาราด้วย

 

 

                นักแต่งเพลง ทอม โฮลเคนบอร์ก หรือจังคี เอ็กซ์แอล ถ่ายทอดพลังและความหนักแน่นแบบเดียวกับในเกมส์ผ่านดนตรีประกอบหนังเรื่องนี้ โดยช่วยเสริมบรรยากาศความอันตรายและความน่าตื่นเต้นของแอ็คชั่น พร้อมกับขับเน้นเรื่องราวส่วนตัวและอารมณ์ภายในของลารา

 

"ก็เหมือนกับหนังผจญภัยคลาสสิกที่ฉันชอบ” วิแคนเดอร์กล่าว “หนังเรื่องนี้มีฉากใหญ่โต ประตูลับที่เปิดออกมาได้ และความลึกลับที่ซ่อนอยู่และผันแปรไปเรื่อยๆ ขณะที่คุณสัมผัสการผจญภัยอันน่าตื่นเต้น ขณะเดียวกันในการเดินทางเดียวกันนี้ ฉันก็ชอบความอยากรู้อยากเห็นของลารา รวมถึงความดื้อรั้น ความหลงใหลทุ่มเท และการที่เธอกล้าเปิดรับสิ่งใหม่ๆ และเชื่อในสิ่งมหัศจรรย์ ฉันหวังว่าผู้ชมจะได้รู้จักลารา ครอฟต์คนนี้ รับรู้การต่อสู้ดิ้นรนและความเจ็บปวดที่เธอได้พบไปพร้อมกับเธอ และคอยเอาใจช่วยเธอเช่นเดียวกันกับฉันค่ะ”

 

 

                คิงเห็นด้วยกับนักแสดงนำรายนี้โดยเสริมว่า “หนังเรื่องนี้เป็นหนังสำหรับผู้ชมทุกคนไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ผู้ชายหรือผู้หญิง เพราะมันพูดถึงสายใยอันเหนียวแน่นภายในครอบครัวซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของหนังที่ยิ่งใหญ่ อัดแน่นด้วยแอ็คชั่น และมีฮีโร่ผู้กล้าหาญ”

 

                “เมื่อลารา ครอฟต์เริ่มต้นการเดินทางครั้งนี้ เธอยังไม่พร้อมรับสิ่งที่เข้ามาหาเธอ” อูธักให้ความเห็น “เธอจะต้องรับมือกับความท้าทาย และหลังจากผ่านบททดสอบมากมาย เธอจะได้ค้นพบว่าเธอสามารถเป็น ทูม เรเดอร์ ผู้พร้อมรับการผจญภัยที่กำลังจะมาถึง  ผมคิดว่าผู้ชมจะเพลิดเพลินกับการได้เห็นลาราค้นหาว่าตัวเองเป็นใครและแท้จริงแล้วเป็นคนอย่างไรครับ”

 

 

 

Tomb Raider 8 มีนาคม ในโรงภาพยนตร์

 

ทูม เรเดอร์

  • 08 March 2018
  • Adventure / แอ็คชัน / ผจญภัย /
  • 119 นาที
15+

ข่าวที่เกี่ยวข้อง