HIGHLIGHT CONTENT

บทสัมภาษณ์ "ตั๊ก บริบูรณ์ ในการสวมวิญญาณ กุมภกรรณ จาก ยักษ์"

  • 7,247
  • 11 ก.ย. 2012

บทสัมภาษณ์ ตั๊ก บริบูรณ์ จันทร์เรือง ผู้พากย์เสียง กุมภกรรณ ในภาพยนตร์แอนิเมชั่น เรื่อง “ยักษ์”

การโชว์พลังครั้งล่าสุดของ ตั๊ก บริบูรณ์ จันทร์เรือง ในการสวมวิญญาณ “กุมภกรรณ” ยักษ์ใหญ่ เพี้ยน แสบ ซ่า บทบาทสุดฮาที่จะขอมา “กุมหัวใจ” ทุกๆ คน

Q: ทำงานอยู่ในวงการบันเทิงมานาน ทำงานมาหลากหลายแขนง แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้พากย์เสียงภาพยนตร์แอนิเมชั่น และยังเป็นการร่วมงานกับพี่จิกประภาส ชลศรานนท์รู้สึกอย่างไรบ้าง T: ในเรื่องยักษ์ผมพากย์เสียงเป็น “กุมภกรรณ” หรือ “กุม” นะครับ สำหรับผมเองนะครับก็ก็รู้สึกเป็นเกียรติมากที่ผมได้มาร่วมงานกับพี่จิก ประภาส นะครับผม เพราะว่าเขาเป็นทั้งนักคิด นักเขียน ที่เก่งมากๆ คนหนึ่งครับ และก็รู้สึกภูมิใจมากที่ได้รับเลือกมา โดยผมผ่านเข้ารอบมาจากการแคสติ้งเหมือนกับการคัดตัวนักแสดงเลย ทางผู้ใหญ่เขาคงเห็นลักษะของเราเห็นว่าไอ้เจ้ากุมเนี้ยมันน่าจะเป็นตั๊ก บริบูรณ์ (หัวเราะ) เพราะว่าหนึ่งเลยนะครับมีความทะเล้น มีความเป็นโรคจิต เดี๋ยวเสียงสูงหรือเสียงต่ำคือมันเหมือนกับว่าสมองของมันเนี่ยไม่ค่อยจะเต็มนะ เอะอะอยากจะแหกปากก็แหกปาก จะขรึมก็ขรึม ที่สำคัญชอบพูดกับตัวเองด้วยครับ บ่นกับตัวเองตลอด งึมงำงึมงำ น่ารักครับ Q: ทราบมาว่าตัวละครตัวนี้เป็นอีกหนึ่งความสนุกของเรื่องราว อยากให้ช่วยแนะนำความน่าสนใจและเสน่ห์ของตัวละคร “กุมภกรรณ” สักนิด T: เป็นตัวละครที่ไม่ธรรมดาเลยครับ คือบอกได้เลยว่าเป็นตัวละครที่มีสีสันมากในหนังเรื่องนี้นะครับ เพราะว่าลักษณะของมันจะเป็นยักษ์ที่ตัวใหญ่สีแดงและก็มีขาที่พิการ เวลาจะพูดทีต้องคอยสูดน้ำลายเข้าปากด้วย เวลาที่มันพูดก็คือเสียงมันจะแหบๆ และตอนที่ผมมาพากย์เขาห้ามเลยนะห้ามดื่มน้ำ คือห้ามทุกอย่างเลยต้องการให้เสียงมันแหบๆ จริงๆ (หัวเราะ) อาชีพของมันก็คือจัดโชว์ปาหี่ขายของตามตลาด และก็จะเป็นคนที่บ้าทศกัณฐ์มาก คิดว่าซักวันหนึ่งทศกัณฐ์ต้องกลับมา ก็เลยขายของเก็บเงินเก็บทอง สะสมเงินและก็สะสมอาวุธเพื่อที่จะไปรับใช้ทศกัณฐ์ให้ได้ มีลูกน้องด้วยก็คือไอ้สนิม จะเป็นหุ่นกระป๋องที่น่ารักมาก เป็นผู้ช่วยของกุมขายของแต่ชอบทำงานเสียอยู่เรื่อย กุมมันจะมีปืนประจำกายที่เรียกว่าปืนโมกขศักดิ์ แต่ว่าปืนกระบอกนี้จะมีความพิเศษยังไงต้องไปติดตามครับ ในเรื่องนี้นะครับกุมจะมีของสะสมเยอะมาก แต่จะมีของอยู่อย่างหนึ่งที่กุมรักและก็หวงมากนั่นก็คือคือ นกสดายุ นกตัวนี้มันมีความพิเศษและมีความสำคัญกับเนื้อเรื่องด้วยต้องลองไปติดตามดูกันครับ นกเหล็กตัวนี้แสบมากๆ เลย เพราะว่ามันเป็นนกที่พูดเก่งมากและคนที่พากย์ก็เหมาะสมกันมากครับ ก็คือพี่เหมี่ยว ปวันรัตน์ นาคสุริยะ ครับเหมาะมากๆ เลยครับสีผิวดำเหมือนกันเลยครับ (หัวเราะ) Q: การพากย์แอนิเมชั่นเรื่องนี้มีความท้าทาย อย่างไรบ้าง T: ความท้าทายในการพากย์เรื่องนี้นะครับขอบอกไว้เลยว่าฮอลลีวู้ดสู้ไม่ได้ (หัวเราะ) หนังการ์ตูนหลายๆ เรื่องเขาต้องพากย์อยู่ในห้องคนเดียว แต่ของที่นี่อย่างฉากที่ผมต้องขึ้นไปขี่นกเหล็กสดายุ นกเหล็กมันต้องคอยบินซ้ายบินขวา แต่ผมพากย์อยู่ในห้อง เพื่อให้มันสมจริงทีมงาน เขาจะคอยยืนอยู่ข้างหลังผมจับตัวผมครับโยกซ้ายโยกขวา เห็นไหมครับ ฮอลลีวู้ดสู้เราไม่ได้หรอกครับ (หัวเราะ) และมันจะสมจริงมาก โยกเสร็จนะครับเขย่าด้วย ขึ้น-ลง เขายกตัวผมลอยเลยครับ คือเทคนิคในการพากย์ครั้งนี้เยอะเลยครับผม อีกฉากคือตอนที่มาขายปืน ที่อื่นไม่มีปืนมานะ ที่นี่มีพร้อมครับ มีปืนมาให้ผมเลย นี่เป็นปืนโมกขศักดิ์ ให้ผมหยิบปืนขึ้นมาเล็งเปรี้ยงๆ และก็พากย์ ขอบอกเลยว่ามันก็เหมือนว่าเรามาเล่นหนังจริงๆ และก็มันสามารถจะมองเห็นภาพได้ว่า ยักษ์ตัวนี้มันก็กำลังจะทำอะไรอยู่ และเราก็สวมบทเป็นยักษ์ตัวนั้น Q: ประสบการณ์ความรู้สึกที่ได้จากการมาพากย์หนังเรื่องนี้ T: ประสบการณ์ที่ได้จากการมาพากย์เรื่องยักษ์นะครับ โอ้โห ขอบอกได้เลยว่าได้เยอะมากๆ ปกติแล้วผมเองก็เป็นคนที่บ้าอยู่แล้ว แต่พอมาพากย์เรื่องนี้จบนะเชื่อไหมครับผมบ้าหนักกว่าเก่า (หัวเราะ) ผมต้องอยู่ในห้องคนเดียวและผมต้องคอยแสดงท่าทางต่างๆ บินกระพือปีก มุดดินด้วย หัวเราะอยู่คนเดียว ยิงปืนผมก็ยิงอยู่คนเดียว อยู่ในห้องคนเดียวเหมือนกับว่า ผมมาพากย์หนังอยู่ที่โรงพยาบาลศรีธัญญาครับผม (หัวเราะ) แต่มันก็ได้อรรถรสในการพากย์ เพราะว่าในการที่เราจะมาพากย์และก็ให้มันสมจริงสมจังก็ เราต้องเป็นตัวละครตัวนั้นด้วยครับ Q: ได้ยินมาว่าต้องมีการร้องเพลงมีฉากมิวสิคคัลด้วย T: ฉากมิวสิคัลยากครับ ขอบอกเลยนะว่าพากย์มันก็ยากอยู่แล้ว แต่ผมก็สามารถผ่านได้ แต่ที่มาหนักก็วันแรกเลยครับ ให้ผมร้องเพลงก่อนเลย เชื่อไหมครับสิบโมงครึ่งยันบ่ายสองยังไม่จบสามบรรทัดเลย (หัวเราะ) ฉากนี้จะเป็นฉากโชว์ปาหี่ขายของ ของกุมภกรรณ มันต้องร้องให้ตรงล็อคให้ตรงจังหวะให้ตรงเมโลดี้มันยากและมันต้องใช้พลังงานมากครับ Q: โดยส่วนตัวแล้วชื่นชอบภาพยนตร์แอนิเมชั่นมากน้อย แค่ไหนและคิดว่าแอนิเมชั่นมีความสนุก และส่งผลกับชีวิตเราอย่างไรบ้าง T: ผมเคยดูแอนิเมชั่นมานะครับก็ถือได้ว่าเยอะเลยตั้งแต่สมัยเรื่อง Antz (1998) ที่เป็นมด เป็นมดที่น่ารักมาก แต่พอมาดูแล้วผมคิดว่าแพ้หนังเรื่องยักษ์ ถ้าได้มาดูที่ตั๊ก บริบูรณ์พากย์ โอ้โหท่านผู้ชมต้องประทับใจไม่รู้ลืมเลยดีกว่า การันตีโดยตั๊ก บริบูรณ์ครับ (หัวเราะ) ถ้าถามว่าการ์ตูนแอนิเมชั่นให้อะไรกับเราบ้างนะครับ ผมขอบอกเลยว่ามีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมประทับใจมากๆ คือเรื่อง Up ปู่ซ่าบ้าพลัง ประทับใจในเรื่องราวของคุณปู่ซู่ซ่าส์ เป็นเรื่องของความสัมพันธ์ของปู่กับเด็กคือคุณปู่เนี่ยจะอยู่บ้านคนเดียวไม่มีใครเป็นเพื่อนเลย จนมาเจอกับไอ้เด็กคนนี้แล้วเรื่องก็ผูกเรื่องราวเกิดความรักและความเข้าใจซึ่งกันและกัน แอนิเมชั่นก็มีส่วนที่สอนคนครับ คือสอนให้ผมเป็นคนที่มีความรักกับทุกๆ คน ไม่ใช่ว่าเราจะมีโลกส่วนตัว เราเรียนรู้ที่จะรู้จักกับคนอื่นและก็เข้าใจคนอื่นๆ ด้วย ผมว่าหนังแอนิเมชั่นมักจะมีคำสอนอยู่ทุกๆ เรื่องครับ Q: รู้สึกอย่างไรที่หนังเรื่องนี้กำลังจะออกสู่สายตาทุกคน มีความคิดเห็นเกี่ยวกับแวดวงแอนิเมชั่นไทยอย่างไรบ้าง คิดว่าจะสามารถประสบความสำเร็จเหมือนกับหนังแอนิเมชั่นต่างประเทศไหม T: ดีใจที่เราได้มีส่วนร่วม ก็รู้สึกภูมิใจครับ แอนิเมชั่นไทยก็ไม่ด้อยไปกว่าต่างประเทศหรือฮอลลีวู้ด เราเองก็มีความสามารถ และผมเองก็มีความมั่นใจด้วยว่าจะเป็นหนังการ์ตูนที่น่ารักมาก มันจะเป็นเรื่องของยักษ์ มันเป็นเรื่องของความรักแบบมิตรภาพ สนุกมากๆ ครับผม มั่นใจเลยครับว่าคนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก ผมคิดว่าแอนิเมชั่นไทยจะประสบความสำเร็จได้ในอนาคต มั่นใจว่าทำได้ครับ เพราะว่าถ้าเกิดเราได้ริเริ่มทำแล้วและเราไม่หยุด ซักวันหนึ่งสำเร็จแน่ๆ แต่ถ้าเราได้แต่คิดและเราก็ไม่ได้ทำอันนี้แหละเราไปไม่ถึงฝันแน่ๆ เหมือนผมเหมือนกัน เมื่อเรามีฝันแล้ว ฝันให้ไกลไปให้ถึงสิ แล้วถ้าเรามีความพยายามต่อไปเรื่อยๆ ได้ มั่นใจว่าเราต้องสู้ฮอลลีวูดได้ เรื่องนี้เรื่องยักษ์เรื่องนี้ก็สู้ฮอลลีวูดได้นะ ต้องมาดูกัน เนื้อเรื่องสนุก แอนิเมชั่นเข้าขั้นเซียน สู้ได้ (หัวเราะ) Q: หากได้ยินคำว่า “ยักษ์” นึกถึงอะไร T: นึกถึงอะไร ขอถามเลยดีกว่ายักษ์อะไรตาเขียว ไม่รู้ใช่ไหมครับ ยักเงินเพื่อน เพื่อนต่อยตาเขียว (หัวเราะ) ไม่ใช่ครับ นึกถึงยักษ์นึกถึง ยักษ์วัดโพธิ์กับวัดแจ้งสิครับ ยักษ์วัดโพธิ์กับยักษ์วัดแจ้งที่เขามาตีกันที่ท่าเตียน ทุกคนถามว่าท่าเตียนมันเตียนได้เพราะอะไร ยักษ์มาตีกันหรือเปล่าอันนี้ผมก็ไม่รู้ เด็กๆ ผมเชื่อ แม่บอกว่าลูกๆ หนูตั๊กๆ หนูรู้ไหมท่าเตียน มันเตียนได้เพราะอะไร ผมตอบเขาก็คงมาทำถนน ไม่ใช่นะลูกยักษ์มาตีกัน ทุกวันนี้ผมก็รู้แล้วว่าแม่หลอกผม (หัวเราะ) Q: ในเรื่องนี้มีประเด็นหลักอยู่ที่มิตรภาพระหว่างหุ่นยนต์ทั้งสอง ที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครและต้องทำอะไรในชีวิต หากอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเลือกระหว่าง หน้าที่ กับมิตรภาพจะเลือกอย่างไหน T: ผมเลือกมิตรภาพก่อน ถ้าเกิดเหตุการณ์วันหนึ่งผมต้องมาเป็นตำรวจ และเพื่อนผมต้องมาเป็นโจร ถามผมว่าผมจะยิงเพื่อนไหม ผมไม่ยิงแต่ผมจะกล่าวเขา ตักเตือนเขา เฮ้ย เพื่อน ทำไมทำแบบนี้ ผมไม่ยิงเพื่อนผม แต่ผมจะจับเขาเข้าคุก คือทุกอย่างมิตรภาพก็ยังอยู่ มิตรภาพก็ยังอยู่ใช่ไหมครับ หน้าที่ก็ยังอยู่ สองคำนี้มันไปด้วยกันได้ อยู่ที่ว่าคุณจะเดินทางไปทางไหน อยู่ที่ว่าเราเลือกที่จะตัดสินไปทางไหน มิตรภาพหรือว่าหน้าที่ คุณกลับไปคิดเป็นการบ้านเอง จากศัตรูจะมาเป็นเพื่อนได้ไหม Q: คิดว่าคนเราที่เคยเป็น “ศัตรู” กันมาก่อนจะสามารถเปลี่ยนมาเป็น “มิตร” กันได้ไหม T: ผมคิดว่าคนเราเป็นเพื่อนกันได้เสมอครับ อยู่ที่ว่าเรานั้นคิดยังอย่างไร จะเดินไปทางไหน จะเดินทางจะเป็นคนดีหรือว่าคนไม่ดี ง่ายๆ ครับผมอยู่ที่ตัวของคุณเอง