HIGHLIGHT CONTENT

ข้อมูลภาพยนตร์ The Silent War – 701

  • 5,966
  • 13 พฤษภาคม 2013

The Silent War – 701 รหัสลับคนคม

ประเภท Drama/ Crime/ Thriller
กำหนดฉาย 6 มิถุนายน 2013
บริษัทจัดจำหน่าย โมโนฟิล์ม
อำนวยการสร้าง หลี่ เก๊า สิง (จอมใจบัลลังก์เลือด, ต้นฉบับ ยิปมัน อาจารย์บรู๊ซ ลี)
กำกับ/ เขียนบท อลัน มัค (สองคน สองคม, Initial D: ดริฟท์ติ้ง ซิ่งสายฟ้า) ฟีลิกซ์ ฉ่อง (Overheard, Overheard2)
นำแสดง เหลียงเฉาเหว่ย (In The Mood For Love, สองคน สองคม) โจว ซวิ่น (Perhaps Love, โปเยโปโลเย ศึกรักหน้ากากทอง)
รหัสมอร์ส (Morse code) คือวิธีการส่งข้อมูลด้วยการใช้รูปแบบสัญลักษณ์สั้นและยาวที่กำหนดขึ้นเป็นมาตรฐานไว้แล้ว ซึ่งมักจะแทนด้วยเครื่องหมายจุด (.) และ เครื่องหมายขีด (-) ผสมกันเป็นความหมายของตัวหนังสือ ตัวเลข และเครื่องหมายพิเศษต่างๆ

เรื่องย่อ

ในปี 1950ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนได้สถาปนาขึ้นมาใหม่ กลุ่มต่อต้านหรือการปฏิวัติพร้อมจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ การจลาจลเองก็อาจจะเกิดขึ้นได้พร้อมกัน ทันใดนั้นจึงเกิดการต่อตั้งหน่วยราชการลับ “701” ขึ้นมาเพื่อตรวจสอบ ตีความ แปลความ และดำเนินการถอดรหัสข้อมูลข่าวสารต่างๆ ทางช่องโทรเลขและวิทยุ โดยเฉพาะกับพรรคก๊กมินตั๋งจากจีนไต้หวัน แต่อยู่มาวันหนึ่งช่องทางการติดต่อของทหารฝ่ายศัตรูกว่า 120 ช่องได้หายและปิดตัวลงไปอย่างไรร่องรอย และเมื่อช่องเหล่านั้นเปิดตัวกลับมาก็กลายเป็นข่าวทั่วๆไป ซึ่งปราศจากข้อมูลหน่วยข่าวที่กลุ่ม “701”ได้คอยเฝ้าติดตาม สิ่งนี้จึงก่อให้เกิดภยันตรายต่อเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต้องประสบอยู่ในภาวะความเสี่ยงทันที ภายหลัง ฉางเสว่หนิง(Chang Xuening) หญิงสาวที่ทำงานให้กับกลุ่ม “701” จึงจำเป็นที่ต้องไปตามหาบุคคลที่มาความสามารถทางโสตประสาทมากพอที่จะสามารถตามสืบดักฟังคลื่นวิทยุและคลื่นโทรเลขให้กลับมาอีกครั้ง ฉางเสว่หนิงได้ไปพบกับ เหอปิง (He Bing) เขาเป็นนักซ่อมเปียโนที่มีทักษะการฟังเป็นเลิศ แต่เขาก็ต้องแลกกับการที่เขาเป็นคนตาบอดมาแต่กำเนิด เมื่อเหอปิง ได้เข้ามาทำงานวันแรก เขาสามารถดักฟังคลื่นวิทยุของฝ่ายศัตรูได้เกือบทั้งหมด ด้วยความสามารถที่โดดเด่นของเขาจึงทำให้ฝ่ายศัตรูจำเป็นต้องวางแผนกลยุทธ์ใหม่และการต่อสู้ผ่านการดักฟังและเล่ห์เหลี่ยมของทั้งสองฝ่ายจึงเกิดขึ้น

เกี่ยวกับภาพยนตร์

ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างมาจากนิยายชื่อดังที่ชื่อว่า “Plot Against” ประพันธ์โดย Mai Jia เรื่องนี้เป็นหนังสือยอดฮิตติดอันดับในปี 2005 เหตุผลที่ Alan Mak และ Felix Chong หันปลายปากกามาจับที่ตัวเรื่องนี้คงหนีไม่พ้นพลอตเรื่องที่ตื่นเต้นและน่าค้นหาของสิ่งที่ตัวเองต้องทำนั่นคือการลุ้นระทึก ของการสื่อสารผ่านทางรหัสมอสและโทรเลข ความสามารถในการเล่าเรื่องแนวนี้ได้เป็นที่ประจักษ์ต่อผู้คนแล้วในเรื่อง Infernal Affair ซึ่งผู้กำกับทั้งสองคนนี้เป็นหัวหอกหลักในการเขียนบทของเรื่องนั้นอีกด้วย ไม่เป็นเรื่องแปลกที่ ทั้งคู่อยากจะจับงานแนวเดิมที่สร้างชื่อให้ตนเองอีกครั้ง เรื่องราวแม้จะเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นแต่องค์ประกอบโดยรวมของประวัติศาสตร์ยังคงเหมือนเดิม สำหรับคนที่ติดตามประวัติศาสตร์ชาติจีน เรื่องนี้น่าจะเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ว่าด้วยเรื่องการเมืองและประวัติศาสตร์ที่น่าติดตาม เพราะมีการกล่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาลและการปฏิวัติของฝ่ายพรรคก๊กมินตั๋งของฝั่งไต้หวัน ความรุนแรง และความตรึงเครียดของประวัติศาสตร์ชาติจีนอาจจะทำให้คนที่ศึกษาในเรื่องนี้อยู่แล้วเกิดความสนใจและร่วมค้นหาไปกับเรื่องนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก นอกจากความโดดเด่นในด้านการสื่อสารที่ใช้รหัสมอสเป็นสื่อกลางที่แสดงถึงหนังที่เน้นความลุ้นระทึกแล้วยังมีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับความรักอีกด้วย นับว่าเป็นเรื่องใหม่ที่สองนักเขียนที่เน้นหนังอย่างแก็งอันธพาลและมาเฟียจะมาจับเรื่องความรักสามเศร้าในเรื่องนี้ด้วย ในช่วงองค์ที่สองของหนัง Alan Mak เลือกที่จะจับเรื่องความรักควบคู่ไปกับความตื่นเต้นของหนัง ในเรื่อง ฉางเสว่หนิง และเหอปิงต่างฝ่ายต่างมีแอบมีใจให้กันแต่ด้วยความที่ทั้งคู่มีอาชีพการงานที่ต้องใกล้เคียงกัน ความรักของทั้งคู่ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ นับว่าเป็นความกล้าที่ผู้กำกับหยิบยกเรื่องราวที่ตนไม่ถนัดมาเล่า แต่ผลลัพธ์ที่ออกมากลับทำให้ทั้งคู่เป็นที่จับตามองว่ามีความสามารถหลากหลายในการเขียนบทและกำกับ

รายละเอียดงานการสร้างและลักษณะตัวละคร

ด้วยเรื่องราวที่เกิดขึ้นในยุคสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนขึ้นมาในปี 1950 ทีมโปรดักชั่นดีไซน์จึงต้องทำการบ้านอย่างหนักในการศึกษาว่าคนในยุคนั้นการแต่งกายเป็นอย่างไร ซึ่งสิ่งที่พวกเขาค้นพบคือการแต่งตัวที่ดูเป็นหน่วยราชการที่รัฐบาลกำหนดขึ้น การแต่งตัวที่ต้องใส่สูทให้ดูเป็นทางการ แต่ต่างกันไปตามตัวละคร ในภาพยนตร์เน้นไปที่สีเขียวเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นภาพหรือการแต่งตัวของตัวละครหลักๆ ล้วนเน้นไปที่สีเขียว ซึ่งในประเทศจีนความหมายของสี มุ่งความหมายตรงไปสู่ “ความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น” “ความเจริญงอกงาม ความรุ่งเรือง” อีกทั้งยังหมายความถึงสีที่แทนธรรมชาติเพื่อการบำบัดความเครียด ฝ่ายโปรดักชั่นเลือกที่ใช้สีนี้เป็นสื่อความหมายโดยนัย ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงการปกครองที่มุ่งหวังจะไปในทางที่ดีขึ้น ตรงกันกับเนื้อเรื่องที่ของต่อสู้ระหว่างรัฐบาลกับการฝ่ายตรงกันข้ามนั้นคือฝ่าย จีนไต้หวั่นของพรรคก๊กมินตั๋ง องค์ประกอบของภาพยนตร์สิ่งที่ต้องไปควบคู่กันนอกจากเนื้อเรื่องที่น่าติดตาม มุมกล้อง ภาพและการตัดต่อคือจุดเด่น แต่ที่ขาดไม่ได้อีกอย่างหนึ่งคือเรื่องของเสียง ยิ่งภาพยนตร์เรื่อง The Silent War นั้นเป็นหนังที่มีเทคนิคการเล่าเรื่องโดยใช้เสียงเป็นหลัก จึงจำเป็นที่จะต้องใช้ทีมงานที่เก่งเรื่องของการบันทึกเสียงและผสมเสียงที่เชี่ยวชาญแล้วก็เป็นความตั้งใจของทีมงานที่เลือกทีมงานที่มีประสบการณ์มาก และด้วยความบังเอิญนั้นทีมงานที่ว่านั้นเป็นคนไทยอีกด้วย คุณไตรเทพ วงศ์ไพบูลย์ และณพวัฒน์ ลิขิตวงศ์ ผู้ซึ่งมีประสบการณ์ทั้งหนังไทยและเทศ (ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ, แฝด, Soldier เป็นต้น) ความโดดเด่นส่งผลให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ เมื่อ The silent war ได้รับรางวัลบันทึกเสียงยอดเยี่ยมจากเวที Asia-Pacific Film Festival

ประวัติผู้กำกับ

อลัน มัค (Alan Mak) เป็นผู้กำกับที่เริ่มเข้าวงการภาพยนตร์ตั้งแต่ปี 1991 หนังเรื่องแรกๆ ที่เค้ากำกับยังไม่ได้เป็นที่นิยมมากเท่าไหร่แต่ การงานของเขาเริ่มพุ่งพรวดเมื่อเขาได้มาร่วมงานและได้รู้จักกับ Felix Chong ในปี 2002 ทั้งเขาและ ฟีลิกซ์ ฉ่อง ได้ร่วมกันเขียนบทหนังเรื่อง Infernal Affair (สองคน สองคม) โดย อลัน นั้นได้เป็นผู้ร่วมกำกับในเรื่องนี้พร้อมกับ Andrew Lau (Initial D, ฟงอวิ๋น ขี่พายุทะลุฟ้า) ถึงแม้ว่าคนไทยจะคุ้นเคยกับผลงานกำกับของฝ่ายหลังมากกว่า แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความสำเร็จของหนังไตรภาคอย่าง “สองคนสองคม” ก็เป็นผลงานที่มาจาก อลัน มัค ภายหลังหนังชุดนี้ประสบความสำเร็จทั้งเงินทองและรางวัล จนกระทั่งลามไปถึงฝั่งตะวันตกเมื่อฮอลลีวู้ดตัดสินใจซื้อหนังเรื่อง Infernal Affair ไปรีเมคในชื่อว่า The Departed ด้วยความที่โครงเรื่องแข็งแรงอยู่แล้วบวกกับความสามารถในการกำกับของ มาร์ติน สกอเซซี ทำให้เขาได้รับรางวัลออสการ์ในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมอีกด้วย แต่อลัน ก็ไม่ได้หยุดกระแสความแรงของเขาเพียงเท่านั้น เขาเริ่มหันมาจับงานที่ทำให้บ็อกออฟฟิศของฮ่องกงสะเทือนอีกครั้ง ด้วยการที่เขาหันไปจับนักแสดงมากความสามารถอย่าง เจย์ โจว (Jay Chou) ให้มาเล่นหนังอย่าง “Initial D : ดริฟท์ติ้ง ซิ่งสายฟ้า” ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้รับกระแสทั้งในไทยและฮ่องกงไม่น้อยไปกว่า Infernal Affair เลย นักเขียน/ ผู้กำกับ ทั้งสามคน อลัน มัค, ฟีลิกซ์ ฉ่อง และ แอนดรู เหลา ยังคงทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่องเพื่อผลิตหนังที่ดีและสามารถจับกระแสคนดูได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง “Confession of pain: คู่เดือด เฉือน คม”, “Overheard พลิกภารกิจสั่งตาย” ฟีลิกซ์ ฉ่อง (Felix Chong) เริ่มการทำงานเป็นคนทำ Copywriter ให้กับช่องโทรทัศน์ในฮ่องกงก่อน แต่แล้วด้วยจิตวิญญาณ การเป็นนักเขียนก็ทำให้เขามาพบกับ อลัน มัค เขาถูกชักชวนให้มาร่วมเขียนบทเรื่องแรกที่เขาเขียนด้วยกันเป็นหนังรัก แต่เข้าฉายทางช่องทีวีเล็กๆ ไม่ได้โด่งดัง แต่หลังจากนั้นอีกแค่หนึ่งปี เขาก็เริ่มเขียนบทหนังเรื่อง Infernal Affair (สองคน สองคม) ร่วมกับ อลัน มัค อีกครั้ง คราวนี้เป็นหนังที่เกี่ยวข้องกับหนังแก็งค์อันธพาล และกลุ่มมาเฟีย จนในที่สุดทำให้ ฟีลิกซ์เขาเริ่มค้นพบแนวทางที่เขาถนัดนั่นคือแนวหนังดราม่า ทริลเลอร์ และการทำงานที่จริงจังของเขาจึงเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่นั้นมา

ประวัติผู้อำนวยการสร้าง

หลี่ เก๊า สิง(Kuo Hsing Li) - เริ่มการทำงานเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับหนังฮ่องกงมาตั้งแต่ปี 1997 เขาเริ่มจากการทำหนังเล็กๆจนมากระทั่งเขาเริ่มหันไปจับหนังแนวประวัติศาสตร์ (Period) ในเรื่อง จอมใจบัลลังก์เลือด (An Empress and the Warriors) ที่ได้ Donnie Yen มาร่วมแสดง ทำให้เขาได้เริ่มเป็นที่รู้จักในวงการภาพยนตร์ฮ่องกงอย่างกว้างขวาง จากนั้นเขาก็รุดหน้าไปทำโปรดิวซ์ให้กับหนังยิปมัน “The Legend Is Born: Ip Man ต้นฉบับ ยิปมัน อาจารย์บรู๊ซ ลี” และ ยิปมันในฉบับของ หว่อง กา ไว ในเรื่อง “The Grandmaster” ความชัดเจนของโปรดิวเซอร์คนนี้คือการจับหนังที่เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ของชาติจีนได้เป็นอย่างดี

ประวัตินักแสดง

เหลียงเฉาเหว่ย

หนึ่งในดาราที่ชาวจีนและชาวไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี เขาเริ่มการแสดงเป็นดาราตลกในทีวีตั้งแต่ปี 1982 แต่เขาก็ไม่ได้หยุดตัวเองเท่านั้น เขาเริ่มผันตัวเองไปเล่นภาพยนตร์ เขาเคยร่วมงานกับ จอห์น วู ในเรื่อง “Bullet in the head “ (กอดคอกันไว้อย่าให้ใครเจาะกระโหลก) หรือ Hard Boiled (ทะลักจุดแตก) ที่เล่นประกบคู่โจ เหวิน ฟะ แต่เขาเป็นที่รู้จักกันของคอหนังฮ่องกงอย่างมากคือตอนที่เริ่มเล่นหนังให้กับ หว่อง กา ไว ตั้งแต่หนังเรื่อง Chungking Express, Happy together และมาโดดเด่นมากที่สุดเมื่อเขาได้รับรางวัลจากเทศกาลหนังเมืองคานห์ ในเรื่อง “In The Mood For Love” (ห้วงรักอารมณ์เสน่หา) รวมไปถึงหนังของยอดผู้กับมือทองของจีนอย่าง จาง อี้ โมว จากเรื่อง “Hero” เขาเล่นภาพยนตร์แอคชั่น ดราม่าอีกหลายเรื่องจนมาถึงการร่วมงานกันครั้งแรกระหว่าง เหลียงเฉาเหว่ยและ Alan Mak ในเรื่อง Infernal Affair ตัวคาแรกเตอร์ของ เหลียงเฉาเหว่ย นั้นมีเสน่ห์และความเท่อยู่ในตัว ไม่แปลกที่คนจำนวนไม่น้อยติดตามผลงานของเขาอย่างต่อเนื่อง ในเรื่อง The silent war เขารับบทเป็น เหอปิง (He ping) หนุ่มตาบอดที่มีความสามารถพิเศษในการฟัง เขาสามารถฟังเสียงที่คนทั่วไปฟังไม่ได้ เขามีอาชีพเป็นคนปรับเสียงเปียโน จนกระทั่งฉางเสว่หนิงมาเจอตัวเขาและขอให้เขาไปทำงานร่วมกันกับกลุ่ม “701”ด้วยความที่เขาเป็นคนที่สุขุมเยือกเย็น บทที่ได้รับนี่จึงเป็นบทที่เหมาะสมกับเขามากที่สุดคนหนึ่ง นี่เป็นหนังเรื่องที่ 4 ที่เขาเล่นเป็นคนตาบอด แต่เรื่อง The silent war นี้เป็นเรื่องแรกที่เขามีความสามารถพิเศษทางการได้ยิน เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่าเนื่องจากเค้าเป็นคนที่จริงจังมากเวลาทำงาน เขามักจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในการศึกษาตัวละครและศึกษาว่าตัวละครต้องมีความสามารถอะไรบ้างดังนั้นผู้กำกับจึงจ้างนักแปลรหัสมอสมืออาชีพมาสอนเขาด้วย

โจว ซวิ่น

นักแสดงและนักร้องหญิงชาวจีน ได้รับการขนานนามให้เป็น "สี่นักแสดงหญิงรุ่นเยาว์แห่งจีน" ต้นปี 2000 ซึ่งประกอบไปด้วย โจว ซวิ่น, เจ้า เวย, จาง จื่ออี๋ และสวี่ จิงเล่ย ปัจจุบันทั้งสี่คนมีงานการแสดงชุกชุม โดยในส่วนของ จาง จื่ออี๋ นั้นดังไปไกลถึงฮอลลีวู้ด ส่วน โจวซวิ่นนั้นเริ่มการแสดงตั้งแต่ปี 1996 และเป็นที่รู้จักกับผู้คนมากมายตั้งแต่เล่นละครโทรทัศน์เรื่อง มังกรหยก ในปี 2003 จากนั้นเธอก็กลับมาเล่นภาพยนตร์อีกครั้งในหนังของ ปีเตอร์ ชาน ในเรื่อง Perhaps Love ซึ่งเป็นภาพยนตร์เพลงเรื่องแรกของฮ่องกงและเป็นเรื่องแรกของเอเชียเลยทีเดียว จากนั้นคนไทยก็จะคุ้นเธอจะเรื่อง พลิก ตำนาน โปเยโปโลเย และ โปเยโปโลเย ศึกรักหน้ากากทอง (Painted Skin, Painted Skin: The resurrection) ในเรื่อง The Silent war เธอรับบทเป็นฉางเสว่หนิง (Chang Xuening) หนึ่งในกลุ่ม “701” เธอมีหน้าที่ต้องไปตามหาคนที่มีความสามารถในการฟังเป็นพิเศษ เธอเป็นคนที่ทุ่มเทให้กับการทำงานให้กับรัฐบาลมากและบ่อยครั้งที่มันเป็นดาบสองคมที่ทำให้เธอไม่ได้สมหวังในความรัก เฉกเช่นเดียวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในเรื่องคือเธอกลัวจะเป็นการไม่เหมาะสมถ้าหากเธอกับเหอปิงจะคบกัน

2013 Hong Kong Film Awards

เรื่อง The Silent War ได้เข้าชิง 8 รางวัลใน Hong Kong Film Awards Best Screenplay - Alan Mak and Felix Chong Best Actor - Tony Leung Chiu Wai (The Silent War) Best Actress - Zhou Xun (The Silent War) Best Supporting Actress - Mavis Fan (The Silent War) Best Cinematography - Anthony Pun (The Silent War) Best Art Direction - Man Lim Chung (The Silent War) Best Costume Design and Make-Up - Man Lim Chung (The Silent War) Best Original Film Score - Chan Kwong Wing (The Silent War)