92,319
08 ก.ย. 2016
Review : Sully เหตุการณ์จริงของปาฏิหาริย์
ทอม แฮงส์ นำเครื่องแลนดิ้งได้สมศักดิ์ศรี
“..ไม่บ่อยครั้งที่เราจะได้เห็นหนังเครื่องบินสร้างจากเหตุการณ์จริงได้สมจริงมากขนาดนี้..”
เหตุการณ์ระทึกบนเครื่องบินถูกถ่ายทอดเป็นหนังซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผ่านการปรุงแต่งเพิ่มอรรถรสแต่สำหรับ Sully หนังของ คลินท์ อีสต์วู้ด เราสัมผัสได้ถึงพลังแห่งความจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและยังคงมองว่านี่ไม่ใช่แค่หนังแต่เป็นการถ่ายทอดอารมณ์ของผู้ประสบเหตุ ผู้ร่วมเหตุการณ์และบุคคลหลักของเรื่อง ‘กัปตันซัลลี’ แม้เราจะรู้จุดเริ่ม จุดจบของเหตุการณ์เป็นอย่างดีจากข่าวดัง แต่การเพิ่มพลังให้กับหนังเรื่องนี้ไม่ได้ลดน้อยถอยลงไปเลย
Sully เล่าเรื่องราวเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2009 เครื่องบินสายการบิน US เที่ยวบินที่ 1549 ลงจอดฉุกเฉินบนพื้นน้ำของแม่น้ำฮัดสัน สหรัฐอเมริกาหลังจากเหินฟ้าจากสนามบินไม่กี่นาที โดยเหตุการณ์ในครั้งนั้นลูกเรือและผู้โดยสารทุกคนรอดชีวิตอย่างปาฏิหาริย์ หลังเกิดเหตุระทึก องค์กรด้านความปลอดภัยทางการบินได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนกัปตันซัลลี่ ถึงข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นรวมถึงสอบสวนสาเหตุที่ กัปตันไม่นำเครื่องลงจอดที่รันเวย์ใกล้เคียงที่ห่างออกไปแค่ 7 ไมล์ การตัดสินใจของกัปตันเป็นเรื่องเสี่ยงเกินไปหรือไม่ หนังได้ถ่ายทอดอารมณ์ความกดดัน การนึกคิดไตร่ตรองของบุคคลในเหตุการณ์ออกมาได้ดีอย่างเหลือเชื่อ
บทภาพยนตร์ถือว่า Sully ทำได้น่าสนใจมากเพราะความยากของเรื่องนี้อยู่ตรงที่คนรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วจะทำบทออกมายังไงให้ชวนลุ้น น่าติดตามและเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยหนังเลือกที่จะเล่าเรื่องราวหลังเหตุการณ์พร้อมตัดสลับไปที่วันเกิดเหตุ ปูมหลังของซัลลี่ ครอบครัว และประสบการณ์ทางด้านการบิน การใส่ใจรายละเอียดของหนังทำให้คนดูกลายเป็นผู้โดยสารบนเครื่องบินตามไปด้วย เราจะได้เห็นนาทีตั้งแต่กัปตันขึ้นเครื่องบิน สตาร์ทเครื่อง ตั้งค่าระบบก่อนนำเครื่องออก การสื่อสารกับหอบังคับการบิน ทำให้เราได้เรียนรู้ไปด้วยว่าการเป็นนักบินและลูกเรือบนเครื่องบินนั้นต้องเผชิญกับอะไรบ้างและสิ่งสำคัญที่สุดคือการประคองสติในยามที่เกิดเหตุฉุกเฉิน และสอนให้เราคิดว่าระหว่างคู่มือทฤษฏีที่เรียนมากับประสบการณ์ที่พบมาด้วยตัวเอง แบบไหนที่จะช่วยให้เรารอดได้มากกว่ากัน
"...ไม่มีใครเตือนเรา ไม่มีใครบอกว่า
คุณจะเสียเครื่องยนต์ทั้งสองเครื่อง
ที่ระดับความสูงต่ำกว่าเครื่องบินเจ็ตทุกเครื่องในประวัติศาสตร์..."
งานภาพของ ซัลลี่ ไม่ได้เน้นที่การระเบิดตูมตามของเครื่องยนต์ แต่มุมภาพกลับให้ความรู้สึกอันน่าหวั่นใจในการเผชิญกับเหตุระทึกนี้ทั้งในมุมมองของผู้โดยสารและกัปตันที่ต้องควบคุมเครื่องลงจอดบนแม่น้ำฮัดสัน ทำเสมือนจริงมากยิ่งการได้สัมผัสแบบเต็มตาในระบบ IMAX Digital ที่มีความคมชัดสูง เสียงกระหึ่มของลำโพงยักษ์
และจอยักษ์ขนาดใหญ่ ประหนึ่งได้นั่งเฟิร์สคลาสไปร่วมทริปครั้งนี้ด้วย งานภาพสวยๆมุมที่ทำให้เราซึมช่วยเสริมอารมณ์ให้หนังเพิ่มขึ้นไปอีก
การแสดงของ ทอม แฮงส์ ในบทกัปตันซัลลี่ ทำให้เราหวนคิดถึงตอนที่เค้ารับบทกัปตันฟิลิปส์ การถ่ายทอดอารมณ์ผ่านสีหน้าแววตาและความกดดัน ส่งถึงคนดูอย่างชัดเจน สมฝีมือของแฮงส์ นำพาเรื่องราวอย่างโดดเด่นตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง ในความราบเรียบของเนื้อเรื่องและนิ่งเฉยของตัวละคร ทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่า ในเหตุการณ์จริงหากเราเป็นกัปตันที่กุมชะตาผู้โดยสาร 155 คนไว้ ณ ตอนนั้น เราจะรู้สึกยังไง? ตื่นเต้นมากแค่ไหน หรือระทึกจนขวัญกระเจิงไปแล้ว แต่ด้วยประสบการณ์การบินของกัปตันซัลลี่ กับประสบการณ์อันช่ำชองของทอม แฮงส์ เมื่อมาผนึกรวมกันกลายเป็นจุดลงตัวของบทบาทอันน่าจดจำนี้ที่คนดูทุกคนหลังจากดูจบพร้อมใจเชียร์ให้เขาได้เข้าชิงออสก้าร์อีกสักครั้ง
Sully อาจจะไม่ใช่หนังชวนระทึกแต่รับรองว่ามันเป็นอีกประสบการณ์หนังที่ถ่ายทอดเรื่องจริงได้อย่างสมจริงมากที่สุด แทบจะไม่เจือปนและเพิ่มอรรถรสอะไรเข้าไปเลย แค่การแสดงของทอม แฮงส์และงานภาพก็คุ้มมากแล้ว ถือเป็นอีกหนังครึ่งปีหลังที่ไม่ควรพลาด
96 นาที
