HIGHLIGHT CONTENT

ไม่ใช่แค่หนัง แต่ Black Panther คือการยืนหยัดเพื่อวัฒนธรรมแอฟริกา

  • 23,630
  • 02 ก.ย. 2020

 

 

ภาพยนตร์ Black Panther เป็นอีกหนึ่งผลงานของมาร์เวลที่เล่าความเป็นแอฟริกัน ได้อย่างเต็มภาคภูมิ เปรียบเสมือนกระบอกเสียงของคนผิวสีในอเมริกา เรียกร้องความเท่าเทียมที่แม้ว่าจะมีกฎหมายให้สิทธิเท่าเทียมกัน แต่ในทางปฏิบัตินั้นยังมีคนที่เหยียดสีผิวกันอยู่   การประกาศชัยในแง่ของรายได้และเสียงวิจารณ์ ของ Black Panther  ที่เป็นภาพยนตร์คนผิวสีเกือบ 100% เรื่องแรกของมาร์เวล จึงถือเป็นจุดยืนที่ควรค่าแก่การคารวะ และอีกนัยหนึ่งนั้นยังสะท้อนได้ว่าคนผิวสีและวัฒนธรรมที่มีรากฐานจากแอฟริกา มีความเท่ กลิ่นอายแห่งจิตวิญญาณและได้รับการยอมรับในสังคมโลกยุคใหม่

วันนี้เราจะพาทุกคนย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นของแอฟริกา เนื้อหาโดยสังเขปของทวีป ประชากร การหลั่งไหลสู่อเมริกา และวัฒนธรรมร่วมสมัยมากมายที่มีรากจากแอฟริกา 

 แอฟริกา ถือเป็นทวีปที่มีขนาดใหญ่เป็น 3 เท่าของทวีปยุโรปและมีจำนวนประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของโลก  มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและภาษา เนื่องจากมีการอาศัยอยู่กันแบบเผ่าพันธุ์  ที่นี่ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ แต่ในขณะเดียวกันแอฟริกายังถูกมองว่าเป็นโลกแห่งความยากจนเพราะขาดการพัฒนาด้านสาธารณูปโภค โรคระบาด ดินแดนแห้งแล้ง และขาดการพัฒนาด้านการศึกษา 

 

 

การหลั่งไหลของคนผิวสีในแอฟริกา มาสู่ สหรัฐอเมริกา มาได้หลายรูปแบบแต่เป็นที่ทำให้ปริมาณมากขึ้นนั้นมาจากการค้าทาสเพื่อมาใช้แรงงาน ต่อมาเมื่อหมุดยุคทาสก็ผันตัวจากชาวแอฟริกันและเรียกตัวเองใหม่ว่า เป็นคนแอฟริกัน-อเมริกัน (Black American)

 

 

กฎหมายฉบับหนึ่งที่เรียกกันว่า  Jim Crow laws  เป็นกฎหมายแบ่งแยกคนผิวสี กับคนขาวออกจากกัน แยกการใช้ห้องน้ำ ห้องอาหาร สิทธิประโยชน์ทางสังคม แยกสถานที่ส่วนรวม ทำให้เหมือนว่าคนผิวสี เป็นพลเมืองชั้นสองของประเทศ ต่อมา Martin Luther King Jr.  ได้เรียกร้องให้เกิดความเท่าเทียมในสังคมเป็นการจุดไฟแห่งกระแสเรียกร้องเกิดขึ้น ประชาชนชาวอเมริกาทั้งผิวดำและผิวขาว เข้าร่วมลงชื่อต่อสภากลางของสหรัฐฯ และทำให้มีการประกาศเรื่องยกเลิกการแบ่งแยกออกมา และให้ถือว่าคนทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน  

 

 

วัฒนธรรมของ Black American กลายเป็นที่ยอมรับในวงกว้างของสหรัฐอเมริกา และถูกส่งออกไปทั่วทุกมุมโลก  ฮอตสุดคงหนีไม่พ้นกระแสวัฒนธรรมฮิปฮอป และ แนวเพลงอาร์แอนด์บี ที่ถือได้ว่ามีรากฐานมาจากคนผิวสีอย่างแท้จริง  ส่งผลไปถึงเรื่องราวของแฟชั่น เมื่อกระแสนิยมเพลงแร็ปและฮิปฮอปเบ่งบานในช่วงยุค 80 - 90s ทำให้เสื้อผ้าตัวใหญ่ สร้อยโซ่แบบแอฟริกา ผมหยิกเดรดล็อก สีสันต่างๆ กลายเป็นที่นิยมในคนทั่วโลกมากยิ่งขึ้น จุดเปลี่ยนสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้คนทั่วโลกสนใจแฟชั่นของคนผิวสี เมื่อไนกี้ ได้ใช้  ไมเคิล จอร์แดน เป็นพรีเซนเตอร์ 

 

 

สำหรับวงการภาพยนตร์แน่นอนว่า ฮอลลีวู้ดบอกเล่าเรื่องราวของคนผิวสีมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสิบปีให้หลังนี้ที่มีการพูดถึงประเด็นนี้มากยิ่งขึ้น หนังที่บอกเล่าเรื่องราวของคนผิวสีได้รับการยอมรับ ฉายในวงกว้างและกวาดรางวัลบนเวทีเกียรติยศทั้งลูกโลกทองคำและออสก้าร์ 

- นักแสดงชายผิวสีที่ทั่วโลกให้การยอมรับเรื่องฝีมือการแสดง เช่น Morgan Freeman,Denzel Washington,Jamie Foxx,Will Smith

 - Dreamgirls ภาพยนตร์ที่บอกนำเสนอวัฒนธรรมดนตรีของคนผิวสี ได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม สาขามิวสิคัล ในเวทีลูกโลกทองคำ และเข้าชิง 8 สาขาออสก้าร์และคว้าไป 2 รางวัล 

- The Help หนังในปี 2011 ที่ได้ Octavia Spencer มารับบทเป็น Minny Jackson  ได้รับรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม จากเวทีออสก้าร์

- 12 Years a Slave หนังในปี 2013 ที่ส่งผลให้ Lupita Nyong'o ได้รับรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม จากเวทีออสก้าร์ และเธอยังเป็นหญิงแอฟริกันเชื้อสายเคนย่าที่ได้รับรางวัลอันสูงส่งนี้ รวมถึงได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเวทีออสก้าร์ 

 

 

- Moonlight ภาพยนตร์ได้รับรางวัลลูกโลกทองคำ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ประเภทภาพยนตร์ดรามา และได้รับรางวัลในงานประกาศผลรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 89 สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม และ บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม 

 

สำหรับ Black Panther  เป็นเหมือนสารที่ส่งไปยังคนทั่วโลก ถึงเรื่องของความเท่าเทียมของคนผิวสี การถูกกดขี่และความภูมิใจในรากเหง้าของตัวเอง มีบทพูดจากตัวละครหนึ่งที่ประทับใจเราไม่น้อย เขาพูดไว้ประมาณว่า ทุกชีวิตบนโลกล้วนมีต้นกำเนิดมาจากดินแดนแอฟริกา เราจะปล่อยให้พวกเขาทนทุกข์ทรมานจากการถูกกดขี่งั้นหรือ? เราเชื่อเหลือเกินว่าประโยคนี้พวกเขาไม่ได้หมายถึงชาวผิวสีเพียงอย่างเดียว Black Panther นำเสนอความเป็นหนังดราม่าการเมือง การแย่งชิงบัลลังก์ การฑูต และการแก้ไขข้อผิดพลาดจากคนรุ่นก่อน 

 

แบล็ค แพนเธอร์

  • 14 February 2018
  • Adventure / แอ็คชัน / ชีวิต / วิทยาศาสตร์ /
  • 134 นาที
15+