HIGHLIGHT CONTENT

รวมหนังสร้างจากคอมิกส์(ไม่ใช่) ค่ายDC และ Marvel ก่อน Bloodshot มาถล่มความมันส์

  • 17,363
  • 13 มี.ค. 2020

ภาพยนตร์ที่สร้างจากคอมิกส์ในยุคปัจจุบันกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งหลักๆแล้วจะมาจากการสร้างของสองค่ายดังอย่าง DC Comics และ Marvel Comics
แต่นอกจากสองค่ายนี้ก็ยังมีค่ายอื่นๆที่ผลิตหนังออกมาแล้วประสบความสำเร็จเช่นกัน จะมีเรื่องอะไรบ้างไป 

 

 Bloodshot จักรกลเลือดดุ

เรื่องราวของ Ray Garrison ชายผู้กลายเป็นเครื่องจักรสังหารทำภารกิจเสี่ยงตายตามคำสั่งขององค์กร ความทรงจำของเขาได้หายไป สิ่งเดียวที่เขารู้คือเขาต้องทำภารกิจช่วยเหลือคนรักของเขา และเขาไม่ใช่เพียงแค่คนธรรมดาเพราะภายในเลือดของเขาได้มีหุ่นขนาดเล็กที่เรียกว่า นาไนต์ ที่จะช่วยให้เขามีพลังเหนือมนุษย์ธรรมดาและมีพลังในการเยียวยารักษาสูง แทบพูดได้เลยว่าเขานั้นเหมือนจะเป็นเครื่องจักรสังหารอมตะ เป็นแฟรงค์เกนสไตน์ในยุคปัจจุบัน แต่แล้วเมื่อวันหนึ่งความผิดปกติบางอย่างมันก็ทำให้เขารู้ว่า เขากำลังถูกองค์กรนี้หลอกใช้ และคอยลบความทรงจำ หลอกลวงเขาให้ทำภารกิจเสี่ยงตายเพื่อผลประโยชน์ขององค์กรอยู่เสมอ

 

  

 

300 (2007)

จากคอมิกส์ชื่อเดียวกันโดย Frank Miller การกำกับของ Zack Snyder และดารานำ Gerard Butler ภาพยนต์ 300 เป็นเรื่องที่มีกราฟฟิกอลังการ สวย เฉียบ และแอ็คชั่นโหด ๆ งาม ๆ น่าดูชม ถอดแบบจากคอมิกส์ต้นฉบับ  เรื่องราวของนักรบชาว Spartan เพียง 300 คน ที่ต้องรับมือกับกองทัพ Persian หลักแสน อาศัยเพียงฝีมือ ยุทธวิถีและเทคนิกการรบล้วน ๆ 

 

 

 Snowpiercer (2013)

นักแสดงหนุ่มสุดเท่ Christ Evan ที่เราคุ้นกันในภาพ Captain America กับบทบาทแนวดราม่า แอ็คชั่น ในบท Curtis นักปฏิวัติ ซึ่งนับว่าเป็นการแสดงที่ดีที่สุดของเขา  ในอนาคตที่โลกกลายเป็นน้ำแข็ง ทั้งสัตว์ทั้งพืชสูญพันธุ์ไปหมด มนุษย์กลุ่มสุดท้ายใช้ชีวิตบนรถไฟ ก่อเกิดเป็นระบบสังคมเล็ก ๆ ที่แบ่งชนชั้นอย่างโจ่งแจ้ง  Curtis อาศัยอยู่กับกลุ่มชนชั้นล่างหางขบวน ที่ซึ่งทุกคนมีชีวิตกันอย่างแร้นแค้น ถูกควบคุมเคร่งครัด ได้กินเพียงแท่งโปรตีนที่ทำจากเนื้ออะไรก็ไม่รู้ แถมเด็ก ๆ ที่นี่ยังมักถูกเอาตัวไปด้วย ไม่มีใครรับสิ่งที่เกิดขึ้นทุกวันในขบวนหางแถวได้ จนวันหนึ่ง Curtis ปรึกษากับผู้เฒ่าผู้แก่ Gilliam ตัดสินใจก่อปฏิวัติ จะนำทางทุกคนในโบกี้สลัมออกไปสู่ชีวิตที่ดีกว่าในหัวขบวน ด้วยนักแสดงมากฝีมืออย่าง Jamie Bell, Tilda Swinton, Octavia Spencer, Ed Harris และ Song Kang-ho กับภาพอันมัวมืด คมสวย ธีมการเมืองการปกครอง และธาตุแท้ของมนุษย์ ฉากแอ็คชั่น ดราม่า ชี้เป็นชี้ตาย การตัดสินใจ และการเสียสละ Snowpiercer จึงเป็นหนังภาษาอังกฤษเรื่องแรกของผู้กำกับชาวเกาหลี Bong Joon-ho (กำกับ The Host) ที่ทำให้คุณลุ้นไปตั้งแต่ท้ายโบกี้จรดหัวขบวน ตอนจบชวนคิด กรีดหัวใจ นั้นเอง

 

 

  Sin City (2005)

ภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้ผู้กำกับบ้าพลังอย่าง Robert Rodriguez กับ Quentin Tarantino และเจ้าของคอมิกส์ Frank Miller มารวมกันจึงเกิดปรากฏการณ์หนังคอมิกส์สุดพีค ชนิดถอดมาหน้าต่อหน้า ในภาพสวย ๆ แนว film noir ขาวดำเล่นสี เรื่องราวของเรื่องนี้คือเป็นการสอบสวนคดีในของเมืองอาชญกรรม Sin City ในแนวแอ็คชั่น เลือดกระเซ็น เต็มพิกัดแบบ Rodriguez  บทเฉียบนิ้ง ภาพมุมเท่จากฝีมือ Tarantino  ทั้งยังได้ดาราชั้นนำอย่าง Bruce Willis, Clive Owen, Mickey Rourke และเหล่าสาวงาม Divon Aoki, Rosario Dawson, Brittany Murphy และ Jessica Alba ในบทสาวโคโยตี้สุดเอ็กซ์  Sin City เป็นหนังคอมิกส์ที่นับได้ว่าซื่อตรงต่อต้นฉบับระดับออริจินัลชนิดที่ยากจะหาหนังคอมิกส์เรื่องอื่นมาเทียบ

 

 

 Hellboy II: The Golden Army (2008)

จากบิดาแห่งปีศาจ Guillermo del Toro มากำกับ Hellboy ต่อภาค 2 หลังจากปูตัวละครและจักรวาลมาอย่างดีในภาคแรก ภาคนี้จึงพุ่งชนอย่างเดียว ดาร์ก แฟนตาซี แอ็คชั่นเต็มแพ็ค ไม่ขาดอารมณ์ขันที่ดูขัดกับธีมแต่เข้ากันได้ผิดคาด  เรื่องราวเกี่ยวกับ ลูกปีศาจตัวจริงที่องค์กรรัฐบาลสหรัฐเก็บมาเลี้ยง มีชะตาต้องทำลายล้างโลก  Hellboy ทำงานให้กับองค์กรอิสระที่คอยสืบสวนและจัดการอำนาจมืด  คนในองค์กรเองก็ใช่จะเป็นมนุษย์ไปหมด ทั้งสาวไวไฟ Liz Sherman แสดงโดย Selma Blair และ Abe Sapien  จิตสัมผัสชาญหยั่งรู้รูปร่างคล้ายเอเลี่ยนผสมสัตว์น้ำ  Hellboy II: The Golden Army มีเจ้าชายเอลฟ์เป็นตัวร้าย ต้องการจะปลุกกองทัพทองคำขึ้นมากวาดล้างมนุษย์ ยึดโลกคืนให้สิ่งมีชีวิตในเงามืดอย่างพวกตน งานนี้ Hellboy กับพรรคพวกจึงต้องออกโรงอีกครั้ง

 

 

  Scott Pilgrim vs. The World (2010)

ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกกำกับโดย Edgar Wright อารมณ์เหมือนได้เล่นเกมกันจริง ๆ นอกจากนี้ยังถอดซีนมาจากคอมิกส์แบบช่องต่อช่อง มีความสนุก ความตลก ที่ทำให้โดนใจผู้อ่านคอมิกส์และเกมเมอร์ทั่วทั้งจักรวาลอ เนื้อหาของเรื่อง เกี่ยวกับมือเบสเด็กเนิร์ด Scott Pilgrim แสดงโดย Michael Cera ที่ปิ๊งสาวสวย Ramona แสดงโดย Mary Elizabeth Winstea) ผู้มีแฟนเก่าหึงโหดถึง 7 คน พระเอก Scott ของเราจึงต้องควงเบส(บางทีก็ดาบ)ต่อสู้เอาชนะแฟนเก่าทั้ง 7 เพื่อให้ได้คบกับ Ramona ที่รัก นั้นเอง

 

 

  Kick-Ass (2010)

ภาพยนตร์เรื่องนี้ เกี่ยวกับ Dave Lizewski เด็กม.ปลายผู้อยากเป็นฮีโร่ เลยตัดชุด หยิบกระบอง ออกไปปราบเหล่าร้ายจริง ๆ  แต่โลกไม่ได้สวยอย่างที่คิด เพราะการเป็นฮีโร่ของเขาทำให้ต้องพัวพันกับแก็งค์มาเฟียโหด จากผู้กำกับ Matthew Vaughn ที่เคยทำ X-Men: The Last Stand และ Thor ก่อนได้โจทย์เป็นหนังฮีโร่ทุนต่ำเรท R จากคอมิกส์ที่แทบไม่มีใครรู้จัก Kick-Ass แต่ดันทำออกมาได้ดีกว่าภาพยนตร์ X-Men และ Thor เพราะครั้งนี้ไม่มีค่ายใหญ่มาควบคุม  Vaughn กับผู้ร่วมงาน Jane Goldman จึงปล่อยความสามารถกันอย่างเต็มที่ กลายเป็นหนังฮีโร่เด็กแสดง ที่ไม่เหมาะสำหรับเยาวชน แอ็คชั่นมันหยด เลือดสาดกระจาย และฮาแบบ Dark Comedy  หนังแจ้งเกิดของ Chloe Grace Moretz ในบทเด็กหญิงตัวน้อยแต่ดิบดุ Hit Girl และพระเอกฮีโร่ฝึกหัด Kick-Ass แสดงโดย Aaron Taylor-Johnson ซึ่งตอนนี้เป็น Quicksilver ของแฟรนไชส์ X-Men ไปแล้ว นอกจากนี้ยังได้นักแสดง Nicholas Cage และ Mark Strong ที่มาเป็นตัวร้ายเจ้าพ่อมาเฟียอีกด้วย

 

  A History of Violence (2005)

 ผลงานหนังคอมิกส์ของผู้กำกับ David Cronenberg แน่นอนว่าต้องไม่ใช่หนังคอมิกส์ธรรมดา สไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ของเขาถ่ายทอดออกมาทั้งภาพและธีมกลายเป็นหนังที่สื่อถึงการใช้ความรุนแรงได้อย่างลึกซึ้ง  Viggo Mortensen  รับบท Tom Stall คุณพ่อแฟมิลี่แมนทำงานร้านกาแฟ ที่วันหนึ่งถูกปล้น  Tom เข้าต่อสู้ปกป้องทุกคน สังหารโจรทั้งสองที่พกปืนเข้ามาข่มขู่ยิงคน จนกลายเป็นคนดังในละแวกนั้น แต่พฤติกรรมฮีโร่ของเขาดันไปเตะตาคนจากวงการมืด ทำให้ประวัติที่เขาเก็บงำฝังลืมถูกขุดขึ้นมา เริ่มจากชีวิตคุณพ่อธรรมดาเผชิญปัญหาครอบครัวทั่วไป ก่อนจะหักมุมกลายเป็นหนังแอ็คชั่น ดราม่า สะพรึงอารมณ์ ผนวกกับฝีมือการแสดงของ Mortensen และนักแสดงสมทบอย่าง Maria Bello, Ed Harris และ William Hurt