Khumba ม้าลายแสบซ่าส์ ตะลุยป่าซาฟารี
ประเภท |
Animation |
กำหนดฉาย |
17 เมษายน 2557 |
บริษัทจัดจำหน่าย |
โมโนฟิล์ม |
อำนวยการสร้าง |
เอ็ดเวิร์ด โนเอลเนอร์ (Carjacked, Zambezia) |
กำกับ |
แอนโทนี่ ซิลเวอร์สตัน |
เขียนบท |
ราฟาเอล เดล ดอนน์ (Zambezia)
แอนโทนี่ ซิลเวอร์สตัน (Zambezia)
โจนาธาน โรเบิร์ตส์ (The Lion King, Monster, Inc.) |
นำแสดง |
เจค ที. ออสติน (Rio)
สตีฟ บุซเซมิ (Grown Ups, Monsters, Inc.)
ลอเรนซ์ ฟิชเบิร์น (The Matrix)
เลียม นีสัน (Taken, Unknown, Non-Stop) |
นำแสดง |
85 นาที |
เรื่องย่อ
คุมบ้า ม้าลายตัวน้อยที่เกิดขึ้นมามีลายเพียงแค่ครึ่งตัวทำให้เขาแปลกไปจากคนอื่น เมื่อเกิดภัยแล้งขึ้นมากลุ่มม้าลายตัวอื่นๆโทษคุมบ้าว่าเป็นต้นเหตุให้เกิดภัยแล้งนี้ขึ้น คุมบ้าจึงได้เดินทางออกไปจากที่บ้านเพื่อค้นหาบ่อน้ำวิเศษที่จะสามารถทำให้เขามีลายเต็มตัว การเดินทางครั้งนี้ทำให้เขาได้พบเจอกับเพื่อนใหม่ๆและประสบการณ์ที่เขาและผองเพื่อนจะไม่มีวันลืม
เกี่ยวกับผู้กำกับ
คำแถลงการณ์จากผู้กำกับ – แอนโทนี่ ซิลเวอร์สตัน
คุมบ้าเป็นการเล่าเรื่องในรูปแบบ “การเรียนรู้และการเติบโตจนพ้นวัย” (coming-of-age) เรื่องราวของม้าลายตัวน้อยที่พยายามค้นหาและให้ได้คืนมาของ “ลาย” อีกครึ่งหนึ่งที่เขาไม่เคยมี เพื่อที่วันหนึ่งเขาจะได้รับการยอมรับและกลับเข้ามาสู่ฝูงม้าลายอย่างภาคภูมิได้อีกครั้ง
“ม้าลายจะต้องมีลายกี่เส้นถึงจะเรียกได้ว่าเป็นม้าลายเต็มตัว” คำถามนี้เป็นคำถามเชิงนัยยะ กล่าวคือในขณะที่เขาเริ่มต้นเดินทางโดยมุ่งหวังว่าจะได้มาซึ่งลายที่เขาต้องการ เขามองเพียงแค่ว่าเขามีความแตกต่างจากผู้อื่นอย่างไร แต่เมื่อประสบการณ์และโลกสอนเขาว่า เมื่อมันมาถึงจุดๆหนึ่ง ที่เขาจะเริ่มยอมรับความแตกต่างนั้นและได้เรียนรู้ที่จะเคารพตัวเองในสิ่งที่ตัวเองเป็น เขาจึงจะเข้าใจว่าม้าลายที่มีลายเต็มตัวนั้นแตกต่างหรือไม่แตกต่างกับเขาอย่างไร
ชื่อ “คุมบ้า” มีความหมายว่า “ผิวหนัง” ในภาษาซูลู ด้วยความที่คุมบ้าเกิดมาแปลกไปจากคนอื่นๆ เขาจึงมองดูและตัดสินตัวเองจากภายนอกอยู่เสมอ นั่นก็คือ “ผิวหนังภายนอกของเขา” เขาต้องการที่จะมีลายเหมือนกับคนอื่นๆ เขาต้องการที่จะเปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่เขาควรจะทำควรที่จะเป็นสิ่งตรงกันข้าม “เขาควรที่จะยอมรับในสิ่งที่ตนเองเป็น” มันเป็นความจริงที่ว่า “ความแตกต่าง” ของเขานั้นมีส่วนที่ทำให้เขาแตกแยกกับฝูงที่เขาอยู่ แต่เมื่อไรก็ตามที่เขาสามารถมองความแตกต่างของเขาและมองว่ามันเป็นเรื่องดีได้เมื่อนั้นจึงจะเป็นวันที่เขาได้สร้างคุณค่าให้กับตนเองและผู้อื่น
“ในตอนแรกสำหรับผม เรื่องราวของ คุมบ้า แต่เดิมทีมันเป็นเรื่องราวที่ผมเข้าถึงได้มากที่สุดแต่สุดท้ายเมื่อมองถึงเนื้อแท้ของมันแล้ว ผมถึงเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องสากลโลกที่ทุกคนจะต้องพบเจอ” มีคนถามผมว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร” ทุกครั้งผมก็จะเล่าว่า “มันเกี่ยวกับม้าลายที่ไม่มีลาย” ทุกครั้งไป พอค่อยๆเล่าเรื่องไปก็ทุกคนก็จะมาสรุปกันง่ายๆว่า “มันคือเรื่องราวของความต่างที่ทำให้คุมบ้าไม่สามารถเข้ากับใครได้”
ผมเชื่อว่าเหตุผลหลักๆที่คนเราหลายๆคนรู้สึกถึงความที่ไม่สามารถเข้ากับคนอื่นได้มันมาจากความที่เรารู้สึกไม่พอใจกับรูปลักษณ์ภายนอกของเรา มันจะต้องมีอะไรสักอย่างหนึ่งที่เราไม่ชอบใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง อ้วนไป ผอมไป สูงไป เตี้ยไป หรือผิวขาวเกินไป ผิวดำเกินไป ทุกสิ่งล้วนเกิดขึ้นกับทุกคน และเราทุกคนก็ล้วนคิดว่าถ้าเราไม่เป็นแบบนั้นแบบนี้นะเราจะมีความสุขมากกว่านี้ แต่เมื่อไหร่ที่เราเริ่มที่จะเรียนรู้ว่าสิ่งที่ทำให้เราแปลกแตกต่างกับคนอื่นนั้นไม่ได้แย่ไปเสียทีเดียว มันสามารถที่จะสร้างให้เราเป็นคนที่ดีในแบบของเรา
เมื่อถึงช่วงสำคัญจุดหนึ่งในการเขียนบทหนังของเรา ผมเรียนรู้ว่าผมเองก็ดิ้นรนหา “ลาย” ของผมเองเช่นกัน เหมือนกับตัวคุมบ้า ผมจึงเริ่มเรียนรู้ในความแตกต่างของตนเองและเริ่มมองว่าการดิ้นรนนี้มันมีประโยชน์เช่นกัน เพราะมันทำให้ผมได้มีโอกาสได้มาสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ และมันก็ไม่ใช่ผมคนเดียวที่เดินทางไขว่คว้า “ลาย” ผมยังมีทีมงานที่ยอดเยี่ยมทุกคนในบริษัททริกเกอร์ฟิช ที่เราได้ร่วมทำงานด้วยกันมา สร้างสรรค์โลกที่เต็มไปด้วยจินตนาการ ได้พบกับผู้คนใหม่ๆมากมาย และนี่ก็เป็นความฝันที่ได้เกิดขึ้นจริงเมื่อพวกเราได้สร้างสรรค์ผลงานจนสำเร็จเพื่อให้คนดูทั่วโลกได้ชมกัน
แต่โดยที่สุดแล้ว จุดประสงค์หลักของเราก็คือเพื่อสร้างสรรค์งานบันเทิง ให้มีความสนุก ที่จะมาสร้างแรงผลักดันให้กับเด็กๆให้มีความอดทนอดกลั้น และให้เด็กๆทุกคนได้รับรู้ถึงความแตกต่างและยอมรับในความต่างนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชาติพันธุ์ ศาสนา วัฒนธรรม หรือแม้กระทั่งชนชั้น
ถาม-ตอบกับผู้กำกับ
1. คุมบ้าเป็นการเล่าเรื่องแบบการก้าวข้ามพ้นวัย (Coming of age) ของม้าลายตัวน้อยที่ได้เดินทางไปในที่ๆเขาไม่เคยไปเพื่อที่จะได้ “ลาย” เต็มตัว คุณคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับไอเดียนี้
- ภาพยนตร์เรื่องนี้กล่าวถึงม้าลายที่มีลายเพียงแค่ครึ่งตัวที่เขาจำเป็นต้องเรียนรู้ว่า “ความแตกต่าง” นั้นไม่ใช่เรื่องที่แย่เลย และมันมีอีกหลายสิ่งที่ตัวหนังอยากจะบอกเรา “เรื่องราวที่ผมอยากจะถ่ายทอดนี้ในตอนแรกมันมาจากไอเดียที่ว่าอยากจะเล่าประสบการณ์ที่เราได้เติบโตขึ้นมาในทวีปแอฟริกาใต้ แต่ในสุดท้ายแล้วแรงบันดาลใจที่ถ่ายทอดมันออกมาจากการที่เราเรียนรู้ที่จะเติบโตมาท่ามกลายสีผิวที่แตกต่าง”
2. นี่เป็นภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องที่สองต่อจากเรื่อง Zamberia คุณได้เรียนรู้อะไรบ้างจากอดีต
- ผมได้มีส่วนในงานเรื่องนั้นเกือบจะทุกตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นในช่วงก่อนการถ่ายทำ การทำโปรดักชั่นดีไซน์ การวาดสตอรี่บอร์ด รวมไปจนถึงการตัดต่อ มันทำให้ผมรู้ว่ามันมีอะไรรอเราอยู่ช้างหน้า อุปสรรคที่จะต้องเกิดขึ้นในการทำงาน ฉะนั้นเมื่อมาถึงเรื่องการสร้าง “คุมบ้า” ผมจึงรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ด้วยความที่ทีมงานทุกด้านได้มีประสบการณ์ ระบบทุกอย่างได้ทำงานได้อย่างราบรื่น เราจึงได้เริ่มไปโฟกัสถึงคุณภาพของหนังและเนื้อหาในเรื่องมากกว่า ดังที่เราได้เห็นจากในภาพยนตร์ว่างานของเรานั้นสวยงามและมีรายละเอียดยอดเยี่ยมมากขนาดไหน
3. ตัวหนังได้ทีมพากย์จากดาราที่มีชื่อเสียง เป็นอย่างไรบ้างที่ได้ร่วมงานกับพวกเขา
จริงๆแล้ว ตัวละครของเราทั้งเรื่องนั้นจำเป็นต้องมีใช้การพากย์มากถึง 37 ตัวละคร และเราต้องการเสียงนักแสดงทั้งจาก แอฟริกาใต้ อเมริกา และเสียงคนอังกฤษ ซึ่ง เน็ท ลอทท์ ผู้จัดการฝ่ายการจัดหาการแสดงนั้นได้จัดการได้อย่างรวดเร็ว เพราะเรารู้ว่าตัวพากย์ส่วนใหญ่เป็นใครอยู่แล้ว
เราสร้างตัวละครโดยมีฐานมาจากตัวละครในชีวิตจริง เสียง ความดุดัน และลักษณะของตัวละครแต่ละครได้สร้างมาจากพื้นฐานของคนเหล่านั้นจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น แคทเทอรีน เททและ ลอเรตต้า เลวีน ในบท โนร่า และ มาม่าวี ตัวละครอย่างเอกอย่าง เจค ที. ออสติน ก็ได้เข้ามาทำให้ตัวละครคุมบ้าของเราดูอบอุ่นและน่ารักได้อย่างเหลือเชื่อ ปิดท้ายด้วยเสียงพากย์อย่างดาราชื่อดังฮอลลีวูดอย่าง “เลียม นีสัน” ที่ได้เข้ามาสร้างบรรยากาศที่คึกคักให้กับภาพยนตร์ได้เป็นอย่างดี
4. หนังทุนอิสระทุกเรื่องต้องพบเจอกับความท้าทาย แล้วอะไรที่เป็นความท้าทายที่สุดสำหรับการกำกับภายนตร์เรื่องนี้
คอนเซปของเรื่องราว “คุมบ้า” ได้เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 2003 ดังนั้นเราจึงมีประวัติอันยาวนานเกี่ยวข้องกับโปรเจคนี้ ผมเชื่อเสมอว่าคอนเซปของหนังเรื่องนี้เป็นคอนเซปที่แข็งแรงมาก แต่การจะทำให้หนังได้เป็นไปตามที่เราคิดมันก็มีอุปสรรคไม่น้อยเช่นกัน ทั้งเรื่องของงบประมาณและเวลาในการสร้างงาน การที่หนังมีแนวคิดที่ค่อนข้างกว้างใหญ่ มีสัตว์ไม่ต่ำกว่า 17 สายพันธ์ และคุมบ้าเองต้องเดินทางออกไปยังโลกที่กว้างใหญ่ การเนรมิตให้สิ่งเหล่านั้นให้เกิดทั้งหมดในเวลาที่จำกัด อาจจะเรียกว่าเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่ก็ต้องขอบคุณทีมงานที่เข้าใจกันและสามารถสร้างงานออกมาได้ทันเวลา โดยที่ไม่ใช้งบเกินที่เรามี (หัวเราะ)
5. คุณคาดหวังว่าคนดูจะได้อะไรกลับไปเมื่อได้ชม “คุมบ้า”
เป้าหมายหลักๆเลยคือเพื่อสร้างสรรค์งานบันเทิง ให้มีความสนุก ที่จะมาสร้างแรงผลักดันให้กับเด็กๆให้มีความอดทนอดกลั้น และให้เด็กๆทุกคนได้รับรู้ถึงความแตกต่างและยอมรับในความต่างนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชาติพันธุ์ ศาสนา วัฒนธรรม หรือแม้กระทั่งชนชั้น
เรายังหวังว่าผู้ชมจะได้เห็นส่วนเล็กๆของความเป็น อัฟริกาใต้ ความมหัศจรรย์และความสวยงามของฝูงสัตว์และหวังว่าเด็กๆจะหันมาสนใจตัวสัตว์กันให้มากขึ้นอีกด้วย
ในโลกของ ”คุมบ้า”
นอกเหนือจากการเล่าเรื่องแบบทั่วไปของภาพยนตร์เรื่องคุมบ้าแล้ว ตัวหนังเองยังได้เก็บรวมรวบความเป็นสุนทรียศาสตร์ของภูมิประเทศของทวีปแอฟริกาใต้ไว้อีกด้วย พวกเขาอยากให้คนดูได้ลิ้มรสถึงธรรมชาติ ได้เห็นถึงความมหัศจรรย์และกลิ่นอายของ “เกรท การู” (Great Karoo) แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในแอฟริกาใต้
เป้าหมายของคุมบ้าคือการได้พาผู้ชมได้ไปผจญภัยไปพร้อมๆกับเขาในดินแดนอันเก่าแก่ ดินแดนที่มีความหลากหลาย ที่จะสามารถสร้างความหมายให้แก่คุมบ้าได้ตลอดทาง ยกตัวอย่างเช่น เมื่อคุมบ้าออกเดินทางไปเขาเริ่มฉุกคิดมองถึงตนเอง เขามองเห็นว่าเขาไม่มีลายอยู่ครึ่งตัว แต่แล้วเขาก็ต้องตกใจเมื่อเขาได้เห็นว่าเขาเองก็มีลายด้วยเงาจากต้นไม้ที่พาดลงมาที่ตัวของเขา
หลากหลายองค์ประกอบของเรื่องราวคุมบ้านั้นมาจากโลกจริงๆ หรือที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสัตว์ต่างๆ รวมทั้งมาจากผู้คน และเรื่องราวที่แปลกใหม่จากแอฟริกาใต้ ฉากอย่าง “ผาเดียวดาย” (The Valley of Desolation) นั้นเองก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสถานที่จริง มันเป็นสถานที่ที่มีก้อนหินเรียงรายซ้อนตัวกันเป็นรูปร่าง ซึ่งเป็นสถานที่จริงอยู่ใกล้กับเมือง “กราฟ เรเน่ท์” เราเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า “ภูเขาเนียว”(Niao Mountain) นอกจากนั้นก็ยังมีสัตว์อีกหลายประเภทที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่แห่งนี้ “การู”แห่งนี้ยังมีพันธ์ไม้ที่แปลกแตกต่างไปจากที่อื่นๆ ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่สร้างความแตกต่างให้กับภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องนี้ให้แตกต่างจากเรื่องอื่นๆ
การเอาชีวิตรอดในที่โล่งกว้างแห่งนี้เป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะในพื้นที่แห่งนี้ กว่าหกสิบเปอร์เซ็นต่อปี พื้นที่นี้จะเป็นพื้นที่แห้งแล้ง ต้นไม้ พันธุ์ไม้และสัตว์จะต้องปรับตัวในทางที่แปลกประหลาดเพื่อที่จะเอาตัวรอด ซึ่งนี่ถือว่าเป็นประเด็นหลักในการขับเคลื่อนเรื่องราวของคุมบ้า นั่นก็คือการทำทุกวิถีทางเพื่อปรับตัวและเอาชีวิตรอด
เกี่ยวกับผู้เขียนบท
ราเฟาเอล เดล ดอน
เธอเป็นหัวหน้าฝ่ายเขียนบทของบริษัททริกเกอร์ฟิช เธอเคยผ่านงานเขียนแอนิเมชั่นอย่างเรื่อง Zambezia ภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่เธอเขียนนั้นได้รับการคัดเลือกเข้าสู่เทศกาลหนัง No Borders Film Market ในเมืองนิวยอร์คและปัจจุบันเธอยังคงเขียนบทภาพยนตร์ให้กับสตูดิโอทริกเกอร์ฟิชอยู่
แอนโทนี่ ซิลเวอร์สตัน
เขาทั้งรับหน้าที่กำกับและเขียนบทให้กับ “คุมบ้า” ก่อนหน้าที่เขาจะมากำกับเขาทำได้เป็นนักทำหนังอิสระและได้รับรางวัลแข่งขันเขียนบทในปี 2006
โจนาธาน โรเบิร์ตส์
เขาเป็นหนึ่งในผู้คร่ำหวอดในวงการการเขียนบทการ์ตูน/แอนิเมชั่น เพราะเขาเคยผ่านงานสร้างชื่ออย่างเรื่อง The Lion King ของ วอลท์ ดิสนีย์, The Hunchback of Notre Dame และ Monster, Inc. การเข้ามาของโจนาธานได้มีส่วนในการเขียนบทเพื่อมาเติมเต็มให้เรื่อง “คุมบ้า” นั้นสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ด้วยองค์ประกอบหลายๆอย่างที่คล้ายคลึงกับ The Lion King ไม่ว่าจะเป็นหน้าผาที่เป็นสัญลักษณ์ที่โดดเดนของ The Lion King เรื่องคุมบ้านี้ก็มีให้เห็น แสดงถึงความคล้ายคลึง นอกจากนี้เรื่องของการเจริญพ้นวัย รวมไปถึงปัญหาระหว่างพ่อลูก ล้วนเป็นผลผลิตที่เกิดขึ้นจาก โจนาธาน ริเบิร์ทส์แทบทั้งสิ้น “ความผสมผสานลงตัวสำหรับการ์ตูนในยุคก่อนกับแอนิเมชั่นในปัจจุบันจะสามารถนำมาเล่าเรื่องที่น่าตื่นเต้นและน่าติดตามได้อย่างมากน้อยแค่ไหน คงต้องให้ผู้ชมตัดสิน” โจนาธาน กล่าว
เกี่ยวกับนักแสดง
เจค ที.ออสติน ให้เสียง คุมบ้า
ไม่ว่าจะเป็นการให้เสียงในทีวีหรือภาพยนตร์เด็กน้อยวัย 18 ปีคนนี้ก็มีประสบการณ์นับไม่ถ้วนในวงการบันเทิง ตั้งแต่ปี 2007 ถึงปี 2012 ออสตินได้ร่วมแสดงในรายการทีวีทางช่องดิสนีย์ในเรื่อง “วิซาร์ด ออฟ เวเวอรี่เพลส” ร่วมกับเซลีน่า โกเมซ ในบท แม็กซ์ รุซโซ่ ซีรี่ย์ชุดนี้ออนแอร์ตอนสุดท้ายในวันจันทร์ที่ 6 มกราคมปี 2012 รวบรวมคนดูแล้วถือว่าเป็นการทุบสถิติรายการโชว์เด็กด้วยยอดกว่า 9.8 ล้านคน ในด้านของภาพยนตร์เขาได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่อง New Years Eve ของผู้กำกับแกรี่ มาร์แชล รวมไปถึงภาพยนตร์อย่าง Hotel For Dogs และ The Perfect Game นอกจากความสามารถทางด้านการแสดงเขายังได้มีทักษะในการพากส์เสียงในภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่หลายเรื่องว่าจะเป็น “Rio”, “The Ant Bully” และล่าสุดกับเรื่อง “Khumba”
ในตัวละครของคุมบ้าซึ่งเป็นตัวละครที่เป็นศูนย์กลางในการเล่าเรื่องผ่านการเติบโตผ่านวัยของเขา เขาเป็นม้าลายที่เกิดมาด้วยความไม่มั่นใจในตนเอง เนื่องด้วยลายที่ไม่เหมือนกับคนอื่น แต่ด้วยความที่เขาแปลกแตกต่างเองนี้ที่ทำให้เขามีความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับโลกมากกว่าม้าลายตัวอื่นๆ ด้วยแรงผลักดันอันแรงกล้าผสมกับมิตรภาพที่เขาได้พบเจอระหว่างทางจะหล่อหลอมให้เขาเป็นผู้ใหญ่ขึ้นและยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น
สตีฟ บุซเซมิ ให้เสียง สกัลค์
สตีฟได้รับความก้าวหน้าในอาชีพการแสดงของเขาด้วยการสร้างตัวละครที่โดดเด่น แปลกแตกต่างและน่าจดจำที่สุดคนหนึ่งในวงการภาพยนตร์
เขาเกิดและโตขึ้นมาในย่านบรูคลินในกรุงนิวยอร์ค เขาเริ่มให้ความสนใจในด้านการแสดงเมื่อเขาก้าวเข้าสู่ปีสุดท้ายในช่วงไฮสคูล ไม่นานเข้าก็ย้ายไปเรียนการแสดงในแมนฮัตตัน และเขาก็ได้เริ่มเรียนรู้อย่างจริงจังจนได้เข้าสู่วงการละครเวทีและก้าวเข้าสู่วงการภาพยนตร์ฮอลลีวูดในที่สุด
เขาได้รับรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมในเวที Independent Spirit Award และได้รับการเสนอเข้าชิงในรางวัลลูกโลกทองคำจากภาพยนตร์เรื่อง Ghost World และเขาก็โดนเด่นเมื่ออยู่ในเวทีของการประกวดนักแสดงในสาขาละครซีรี่ย์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง The Sopranos และล่าสุดกับรางวัลลูกโลกทองคำและ Screen Actors Guild กับภาพยนตร์ซีรี่ย์ที่โด่งดังเรื่อง “Broadwalk Empire”
นอกจากผลงานภาพยนตร์ที่ได้ร่วมงานกับผู้กำกับที่โด่งดังมากมายในหลากหลายแนวแล้วเขายังได้ใช้ความาสามารถในด้านความแปลกแตกต่างจากเสียงในภาพยนตร์แอนิเมชั่นอีกหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Monsters, Inc หรือภาพยนตร์การ์ตูนที่สร้างจากเกมอันโด่งดังอย่าง Final Fantasy หรือการ์ตูนเรื่อง Monster House, Hotel Transylvania และ Monster University
ในตัวละครของสกัลค์ เขาเป็น ไฮยีนา หรือ หมาใน ที่เริ่มแรกเป็นผู้คิดแผนร้ายๆ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ร้ายกาจอย่างที่หลายคนคิด แม้ภายนอกจะดูน่ากลัวและน่ารังเกียจแต่เขาก็เป็นคนที่มีจิตใจดีและไม่ได้ต้องการอะไรอย่างอื่นนอกจากการเอา
ตัวรอด สกัลค์เป็นตัวเรียกเสียงหัวเราะให้กับตัวหนังได้เป็นอย่างดี ไม่ต่างกับหมาดุๆ แต่ภายในลึกๆแล้วเขาเป็นตัวที่มีจิตใจอ่อนโยนมากทีเดียว
ลอเรตต้า เดวีน รับบท มาม่าวี
ลอเรตต้าเป็นหนึ่งในดาราที่ประสบความสำเร็จทั้งจากละครเวที ภาพยนตร์และทีวีซีรี่ย์ เธอได้เป็นหนึ่งในนักแสดงเรื่อง Dreamgirls ในหนังต้นฉบับก่อนที่จะมีการรีเมคเมื่อไม่นานมานี้ และผู้คนส่วนใหญ๋จะจดจำเธอและเสียงได้จากภาพยนตร์ซีรี่ย์เรื่อง Grey’s Anatomy ที่กำลังออนแอร์อยู่อย่างต่อเนื่อง
ในบทของมาม่าวี เธอมีความแข็งแกร่งและชอบปกป้องดูแลคนอื่น ในที่นี้เธอเปรียบเสมือนแม่ที่คอยปกป้องคุมบ้าและแบรดลี่ย์อยู่เสมอ เมื่อมีอันตรายเข้ามาเธอจะใช้พละกำลังอันมหาศาลของเธอจัดการกับภยันตรายไปให้หมด ไม่มีสิ่งใดเลยที่เธอกลัวยกเว้นอดีตของเธอที่เธอเคยสูญเสียบางสิ่งไป
ลอเรนซ์ ฟิชเบิร์น รับบท เซโก้
เขาเป็นอีกหนึ่งนักแสดงที่มีเคยผ่านงานชั้นยอดมาอย่างมากมาย ด้วยคาแรกเตอร์ที่เป็นคนที่ทรงพลัง น่าเกรงขาม รวมไปถึงเสียงที่มีความทุ้มนุ่มลึก เขารับบทในภาพยนตร์ใหญ่หลายเรื่องไม่ว่าจะเป็น Event Horizon, Assault on Precinct 13, Mission Impossible 3 แต่ภาพยนตร์ที่สร้างชื่อให้เขามากที่สุดคงหนีไม่พ้น บท มอร์เฟียส ในภาพยนตร์เรื่อง The Matrix
เซโก้รับบทเป็นพ่อของคุมบ้าและเขาก็เป็นหัวหน้าของกลุ่มม้าลายนี้อีกด้วย ด้วยภาระหน้าที่ที่ต้องดูแลฝูงให้มีน้ำกินพอใช้ เขายังต้องมารับหน้าที่พ่อซึ่งในหลายๆคราเขาก็ยอมรับในตัวเขาเองว่าเขายังทำหน้าที่พ่อได้ไม่ดีพอ ยิ่งเมื่อคุมบ้าได้เกิดมามีลายเพียงแค่ครึ่งเดียว ม้าลายตัวอื่นๆต่างนินทาว่าคุมบ้าเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดภัยแล้ง เซโก้เองก็ไม่ได้ปกป้องลูกของเขาอย่างที่ควรเป็น อย่างไรก็ตามเมื่อได้เรียนรู้ว่าลูกชายของเขาได้ออกจากบ้านไป จึงเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องลุกขึ้นมาเป็นผู้นำในการตามหาคุมบ้า แม้ภายนอกจะเต็มไปด้วยภยันตรายก็ตามที
เลียม นีสัน รับบท พองโก้
ความสำเร็จของเลียม นีสัน นั้นไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ข้ามคืน ณ ปัจจุบันเขาเป็นดาราฮอลลีวู้ดที่มีผลงานและภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่ง ในช่วงยุคแรกเขามุ่งเน้นและทุ่มเทการแสดงให้กับภาพยนตร์ดราม่าหนักอึ้งอย่างเรื่อง Schindler’s List ในปี 1993 ผลงานเข้าตากรรมการจนเขาได้เข้าชิงในรางวัลออสการ์ หลังจากที่เขาประสบความสำเร็จในบทดราม่า ด้วยวัยที่สูงขึ้นแทนที่เขาจะย่ำอยู่กับที่ เขาหันไปรับบทภาพยนตร์แอคชั่นอย่างเรื่อง Taken ซึ่งเป็นหนังที่ประสบผลสำเร็จและทำให้เขาได้ถูกจับตามองว่าเป็นนักแสดงที่เหมาะสมกับบทแอคชั่นมากที่สุดคนหนึ่ง เขาได้รับบทหนังแอคชั่นอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็น Unknown หรือ Taken 2 จนกระทั่งล่าสุดในภาพยนตร์เรื่อง Non-Stop ภาพยนตร์แอคชั่นเรื่องราวที่เกิดขึ้นบนเครื่องบิน มีคิวเข้าฉายต้นปีนี้ ด้วยความที่เขาเป็นดาราที่มีชื่อเสียงและมีความน่าเกรงขาม เขาจึงเป็นตัวเลือกตัวแรกที่ทางบริษัททริกเกอร์ฟิชที่ผลิตเรื่องคุมบ้านี้ ได้วางเขาเป็นคนพากย์เสียงพองโก้ และเรื่องที่ไม่คาดฝันก็มาถึงเมื่อเขายอมตกลงให้เสียงกับ “พองโก้”
พองโก้เป็นตัวร้ายของเรื่อง เขาเป็นเสือป่า ที่สามารถมองเห็นได้เพียงข้างเดียว ด้วยเหตุการณ์ในอดีตที่ทำให้ตัวเขามีจิตใจที่อาฆาต เขาจึงต้องทำการไล่ล่าคุมบ้าด้วยเหตุผลเพียงเพื่อความสะใจ