HIGHLIGHT CONTENT

จันดารา ปัจฉิมบท เข้าฉาย 7 กุมภาพันธ์นี้ ทุกโรงภาพยนตร์

  • 10,455
  • 05 ก.พ. 2013

จันดารา ปัจฉิมบท เข้าฉาย 7 กุมภาพันธ์นี้ ทุกโรงภาพยนตร์

จากวรรณกรรมเชิงสังวาสสุดอมตะของนักประพันธ์ชั้นครู “อุษณา เพลิงธรรม” สู่มหากาพย์ภาพยนตร์สุดละเมียดของผู้กำกับมากฝีมือ “ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล” จากโศกนาฏกรรมแห่งการจองเวร หายนะแห่งกรรมตัณหา สะท้อนใจวิปริตของมนุษย์ ใน “จันดารา ปฐมบท” สู่บทสรุปอันยิ่งใหญ่แห่งการล้างแค้น ทวงคืนสมบัติ ช่วงชิงอำนาจ พลิกผันชะตาชีวิตอันมิอาจคาดเดา

จันดารา ปัจฉิมบท

ผ่านการแสดงสุดเข้มข้นของทีมนักแสดงคุณภาพระดับแนวหน้า มาริโอ้ เมาเร่อ, ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต, ศักราช ฤกษ์ธารงค์, บงกช คงมาลัย, สาวิกา ไชยเดช, รฐา โพธิ์งาม, โช นิชิโนะ, ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา, รัดเกล้า อามระดิษ, เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ 7 กุมภาพันธ์ 2556

จันดารา ปัจฉิมบท

กำหนดฉาย  7 กุมภาพันธ์ 2556 แนวภาพยนตร์  พีเรียด-ดราม่า บริษัทผู้สร้าง-จัดจาหน่าย  สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จากัด อำนวยการสร้าง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ ดำเนินงานสร้าง นัยนา อึ้งสวัสดิ์, เติมพันธ์ มัทวพันธุ์ กำกับภาพยนตร์  ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล บทภาพยนตร์  ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล กำกับคิวบู๊   พันนา ฤทธิไกร กำกับภาพ   พนม พรมชาติ ออกแบบงานสร้าง พัฒน์ฑริก มีสายญาติ กำกับศิลป์   นิติ สมิตตะสิงห์ ลำดับภาพ   สิริกัณณ์ ศรีจุฬาภรณ์ เทคนิคภาพพิเศษ   เซอร์เรียล สตูดิโอ ดนตรีประกอบ ชาติชาย พงษ์ประภาพันธ์ ออกแบบเครื่องแต่งกาย  อธิษฐ์ ฐิรกิตติวัฒน์ แต่งหน้า-แต่งหน้าเอฟเฟ็คต์ มนตรี วัดละเอียด ทีมนักแสดง  มาริโอ้ เมาเร่อ, ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต, ศักราช ฤกษ์ธารงค์,บงกช คงมาลัย, สาวิกา ไชยเดช, รฐา โพธิ์งาม, โช นิชิโนะ,ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา, รัดเกล้า อามระดิษ,เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ ฯลฯ

จากวรรณกรรมอมตะสู่ภาพยนตร์คุณภาพแห่งปี “นวนิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องยาวเรื่องแรกของผู้เขียน ซึ่งต้องขอบอกกล่าวไว้เสียด้วยว่า เป็นเรื่องอ่านเล่น ซึ่งไม่ใช่ของสำหรับเด็ก และเป็นของแสลงอย่างยิ่งสำหรับบุคคลประเภท ‘มือถือสาก ปากถือศีล’” “เรื่องของจัน ดารา” จัดเป็นงานที่พรรณนาภาพอันน่าสังเวชของมนุษย์ที่ตกอยู่ใน “เขาวงกตแห่งกามตัณหา” นักประพันธ์ชั้นครู “อุษณา เพลิงธรรม” เขียนเรื่องนี้อย่างผู้ที่มากด้วย “ประสบการณ์” และ “ประสบกาม” จัดได้ว่าเป็นแบบ “อัตถนิยมแท้ๆ” (Realism) เล่มหนึ่งของวงวรรณกรรมไทย ความน่าสนใจของวรรณกรรมเรื่องนี้ มิใช่การรจนาอันละเมียดละไมอย่าง “วิจิตรบรรจง” ใน “บทอัศจรรย์เชิงสังวาส” แต่เพียงอย่างเดียว หากอยู่ที่การสร้างสรรค์ลักษณะนิสัยของ “ตัวละคร” ทุกตัวอย่างมีจิตวิญญาณและเลือดเนื้อ เป็นมนุษย์ปุถุชนในโลกของความเป็นจริง ทุกตัวละครล้วนมี “มิติ” ของความเป็น “คน” ที่พบเห็นได้สัมผัสได้ในทุกยุคทุกสมัย มีทั้งด้านดีและเลวคละเคล้ากันไป ซึ่งขึ้นอยู่กับอิทธิพลทาง “กรรมพันธุ์” และ “สภาพแวดล้อม” อันป็น “เบ้าหลอม” ทำให้มนุษย์ก่อพฤติกรรมไม่ว่าจะเป็นไปใน “ด้านบวก” หรือ “ด้านลบ” ตัวละครอย่าง “จัน ดารา” จึงเป็นตัวแทนของมนุษย์ที่ตกเป็นทาสของชะตากรรมที่น่าสังเวช อันมีเหตุมาจาก “กรรมพันธุ์” และ “สภาพแวดล้อม” อันโหดร้ายทารุณอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “ที่เราเลือกทำ ‘จัน ดารา’ ในตอนนี้ก็เพราะรู้สึกว่า โดยเนื้อหาสาระจากหนังสือที่อุษณา เพลิงธรรม (ประมูล อุณหธูป) เขียน ถึงแม้ว่าจะเขียนมานานเกือบ 50 ปีที่แล้ว แต่เนื้อหาสาระก็ยังทันสมัยมาก ยังสะท้อนให้เห็นถึงธาตุแท้ของมนุษย์ซึ่งในปัจจุบันก็ยังเป็นแบบนี้อยู่ และเหมือนเป็นกระจกที่จะสะท้อนให้เห็นกิเลสในใจของคน มันไม่ใช่แค่ตัณหาราคะอย่างเดียว แต่คนที่ยึดมั่นกับความเคียดแค้นมันจะก่อให้เกิดปัญหาและหายนะยังไงกับตัวเองและคนรอบข้างจนนำไปสู่ปัญหาสังคมในระดับรวมด้วย” “จัน ดารา” เวอร์ชั่นดัดแปลงโดยผู้กากับมือเอก “หม่อมน้อย-ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล” นี้ สะท้อนภาพความวิปริตของมนุษย์แต่ละคน เพื่อชี้ให้เห็นถึงอิทธิพลของ “สิ่งแวดล้อมใกล้ตัว โดยเฉพาะพ่อแม่ ความหิวโหยความรัก ความทารุณเหี้ยมเกรียม ตัวอย่างโสมม” ที่ประทับหูประทับตาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน มันเป็นเบ้าหลอมที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง คนที่จะปีนขึ้นจากเบ้าหลอมเช่นนั้นได้ จะต้องอาศัย “ความแกร่ง” ชนิดพิเศษ และ “กรรมดี” ช่วยสนับสนุนประกอบกัน แต่เผอิญ “จัน ดารา” ไม่ได้เป็นคนเช่นนั้น เขาจึงตกเป็นเหยื่อของสิ่งแวดล้อมนั้นอย่างน่าสมเพช บทสรุปมหากาพย์แห่งโศกนาฏกรรม “จันดารา ปัจฉิมบท” บทสรุปแห่งการล้างแค้นอันสืบเนื่องมาจากอดีตอันแสนรันทดของ “จัน ดารา” ผู้ถูก “คุณหลวงวิสนันท์เดชา” ผู้ที่เขาคิดว่าเป็นบิดาบังเกิดเกล้าทารุณกรรมมานานนับ 17 ปี ส่งผลให้เกิดการชิงอานาจใน “บ้านพิจิตรวานิช” กลับคืนมาครอบครอง โดยใช้ตัณหาราคะและโทสะจริตเป็น “อาวุธ” ในการก่อกรรมทำเข็ญโดยปราศจากศีลธรรมจรรยาอันเป็นต้นเหตุโศกนาฏกรรมแก่ทุกชีวิตในครอบครัวอันมั่งคั่งแห่งนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “จัน ดารา” ซึ่งต้องมีชีวิตอยู่เพื่อเผชิญชะตากรรมอย่างโดดเดี่ยวไร้ผู้คนรอบข้างจนวาระสุดท้ายของชีวิต กฎแห่งกรรม วัฏจักรแห่งชีวิต ทุก “การกระทา” ของทุกตัวละครเอกใน “จันดารา ปฐมบท” ล้วนได้รับ “ผลกรรม” ที่ตนได้ก่อขึ้นมาแต่อดีตด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น “กุศลกรรม” หรือ “อกุศลกรรม” ฉะนั้น ใน “จันดารา ปัจฉิมบท” จึงเปรียบเสมือนกระจกส่องผลแห่งการกระทำของมนุษย์ที่เวียนว่ายอยู่ในวังวนแห่งตัณหาราคะอันเป็น “วัฏจักรแห่งชีวิต” ซึ่งไม่อาจมีผู้ใดจะหลีกหนีพ้นไปได้ อันเป็นพระสัจธรรมในสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ถูกมองข้ามไปของมนุษย์ในยุคแห่งโลกาภิวัตน์ที่เรากำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบันนี้ เหตุใด “จัน ดารา” ต้องเผชิญกับโศกนาฏกรรมเช่นนี้ มนุษย์เราทุกคนล้วนแล้วแต่เกิดมาด้วยดวงจิตอันสะอาดบริสุทธิ์ แต่ “สภาพแวดล้อม” และ “บุคคลผู้ใกล้ชิด” ต่างหากที่เป็นผู้แต่งเติมสีสันให้เป็นไปในทิศทางที่แตกต่างกันไปเปรียบได้กับผ้าใบของจิตรกร หากได้รับการแต่งแต้มสีสันจากจิตรกรที่ละเอียดอ่อนลึกซึ้ง ภาพนั้นก็จะงามวิจิตร แต่ชีวิตของ “จัน ดารา” มิได้เป็นเช่นนั้น เขาถือกำเนิดขึ้นมาท่ามกลางสงครามแห่งความแค้นและการแย่งชิงอำนาจเพื่อความเป็นใหญ่ในครอบครัว ตลอดจนบรรยากาศแห่ง “กามราคะ” ที่คละคลุ้งอยู่ในทุกอณูของคฤหาสน์ และยิ่งไปกว่านั้นก็คือ การตั้งข้อกังขาว่า บิดาที่แท้จริงของเขาคือใคร เขาเกิดมามีชิวิตอยู่บนโลกนี้จากผู้ใดและมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร เมื่อเขาเดินทางไปเมืองพิจิตรเพื่อลี้ภัยจาก “คุณหลวงวิสนันท์เดชา” ผู้จ้องจะเอาชีวิตของเขา และเผชิญกับ “ความจริง” อันน่ารันทดใจเกี่ยวกับชาติกำเนิดที่แท้จริงของเขา มันจึงเป็นเสมือนเปลวเพลิงที่จุดประกายความแค้นอันเผาผลาญคุณงามความดีทั้งปวงในจิตใจอันเปราะบางของเขา “จัน ดารา” จึงกลับกลายเป็น “ผู้ล้างแค้น” อันโหดเหี้ยมยิ่งไปกว่า “คุณหลวงวิสนันท์เดชา” อย่างถึงที่สุด เรื่องย่อ “จันดารา ปัจฉิมบท” โศกนาฏกรรมชีวิตของ “จัน ดารา” แวดล้อมไปด้วยผู้คนรอบข้างที่สะท้อนมวลอารมณ์แห่งความรัก ความใคร่ ความเคียดแค้น กิเลสตัณหา อันนำมาซึ่งการพลิกผันในชะตากรรมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลังจากเกิดเหตุการณ์ร้ายขึ้นในบ้านพิจิตรวานิช ทำให้ “จัน ดารา” (มาริโอ้ เมาเร่อ) และ “เคน กระทิงทอง” (ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต) สหายสนิทของเขาต้องหนีภัยอันเกิดจากการกระทำอันเหี้ยมโหดของ “คุณหลวงวิสนันท์เดชา” (ศักราช ฤกษ์ธารงค์) ผู้ที่เขาคิดว่าเป็นพ่อบังเกิดเกล้านานถึง 17 ปี ไปพานักอยู่กับ “คุณท้าวพิจิตรรักษา” (รัดเกล้า อามระดิษ) ผู้เป็นญาติผู้ใหญ่คนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ที่เมืองพิจิตร ช่วงระยะเวลาที่อยู่ที่เมืองพิจิตรนี้ จันเป็นสุขทั้งกายใจ และรู้สึกถึงอิสรภาพของชีวิตอย่างแท้จริง เขายังคงติดต่อทางจดหมายกับ “ไฮซินธ์” (สาวิกา ไชยเดช) เพื่อนหญิงในดวงใจอันเป็นรักบริสุทธิ์ของเขาอยู่เสมอมา และคาดหวังว่าจะเริ่มต้นชีวิตใหม่อันสดใสที่เมืองนี้พร้อมๆ กับการตามค้นหาพ่อแท้ๆ ของเขาไปด้วย แต่เหมือนโชคชะตากลั่นแกล้งให้วันชื่นคืนสุขอยู่กับเขาเพียงไม่นาน เมื่อในที่สุดจันก็ได้ล่วงรู้ความจริงอันไม่คาดฝันเรื่องพ่อผู้ให้กาเนิดแท้จริงที่เขารอคอยมานานจากปากคาของ “ร้อยตำรวจเอกเรืองยศ” (เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์) ผู้กุมความลับอันน่าอดสูเกี่ยวกับตระกูลพิจิตรวานิชนี้ไว้มาตลอดทั้งชีวิต จันพยายามทาใจให้ผ่านช่วงชีวิตอันแสนทุกข์ทรมานนี้ไปให้ได้ จนกระทั่ง “น้าวาด” (บงกช คงมาลัย) ได้เดินทางมาแจ้งข่าวเรื่องคุณหลวงล้มป่วยลงอย่างฉับพลัน เนื่องจากเกิดเหตุบางอย่างขึ้นกับ “คุณแก้ว” (โช นิชิโนะ) และ “คุณขจร” (ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา) และแล้วสงครามแห่งการชาระแค้นและทวงคืนทุกอย่างให้กลับมาเป็นของเขาและตระกูลพิจิตรวานิชก็ได้เปิดฉากขึ้นในทันทีตามคำสั่งเสียสุดท้ายของคุณท้าวยายผู้คอยบงการและพลิกผันชะตาชีวิตของจันให้ตกอยู่ในด้านมืดอย่างคาดไม่ถึง จันกลับมาอย่างสง่าผ่าเผยในฐานะเจ้าของบ้านคนใหม่ และมีสิทธิในทรัพย์สมบัติและอานาจทั้งหมดภายในบ้าน แต่เท่านั้นยังไม่สาแก่ใจของเขา เมื่อสัตว์ร้ายและตัณหาราคะในใจปะทุออกมาอย่างรุนแรง เมื่อเขาเห็นภาพ “คุณบุญเลื่อง” (รฐา โพธิ์งาม) กับคุณหลวงยังรักใคร่กันเป็นอย่างดี จันจึงใช้เสน่ห์แห่งความเป็นชายหนุ่มรูปงามหลอกล่อจนคุณบุญเลื่องตกเป็นของเขาอย่างสมยอม และเมื่อคุณหลวงได้เห็นภาพร่วมรักอันเร่าร้อนของทั้งคู่ ทำให้เขาสิ้นสติและกลายเป็นอัมพาตไปในที่สุด กระจกเงาแห่งความชั่วร้ายได้สะท้อนภาพคุณหลวงมาสู่ตัวจันอย่างไม่มีผิดเพี้ยน การล้างแค้นอันน่าขยะแขยงนี้ดูเหมือนจะปิดฉากอย่างสมบูรณ์แบบด้วยชัยชนะของจัน ดาราแต่เพียงผู้เดียว ถ้าเขาไม่ได้รับบทเรียนชีวิตอันยิ่งใหญ่จากศัตรูคู่อาฆาตอย่างคุณแก้วที่เอาคืนจันอย่างสาสม รวมถึงคนรอบข้างที่คอยห่วงใยเขาเสมอมาอย่างน้าวาด, เคน และคุณบุญเลื่องที่ค่อยๆ ตีตัวออกห่างจากจันไปเรื่อยๆ อำนาจและทรัพย์สมบัติจะมีค่าอะไร หากไร้คนที่รักและห่วงใยเราอย่างจริงใจอยู่เคียงข้าง เรื่องของจัน ดาราและคนรอบข้าง “ขอให้คุณหลวงพึงสำเหนียกเอาไว้ว่า ผม...จัน ดารา เป็นเจ้าของบ้านนี้แต่เพียงผู้เดียว คุณหลวงเป็นเพียงผู้อาศัยไม่ต่างจากบ่าวคนอื่นๆ เพราะฉะนั้นจงเจียมกะลาหัวเอาไว้ว่าจะโดนเฉดหัวออกไปจากบ้านเมื่อไหร่ มันก็สุดแต่ใจของเจ้าของบ้าน และจงจำเอาไว้ว่า มึงต้องเรียกกูว่า คุณจัน ไหนลองเรียกซิ...” จัน ดารา (มาริโอ้ เมาเร่อ) - ชายผู้ละเอียดอ่อน ละเมียดละไม และลึกซึ้งเกินกว่ามนุษย์ปุถุชนจะเข้าใจได้จนบางคราดูเหมือนจะอ่อนไหวและเปราะบางเมื่อเทียบกับโลกแห่งวัตถุอันหยาบกระด้าง แม้ว่าชะตากรรมที่เขาจำต้องเผชิญจะโหดร้ายทารุณเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานปวดร้าวใจสักปานใดก็ตาม เขาสามารถแปรเปลี่ยนให้มันกลายเป็นความงามอันบริสุทธิ์ได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ จนกระทั่งเมื่อชะตาชีวิตพลิกผันให้เขาต้องกลับมาเป็นผู้กระทำการต่างๆ อย่างโหดเหี้ยมรุนแรงในฐานะผู้ล้างแค้นให้กับตนและวงศ์ตระกูล ดังนั้นทุกการกระทำของเขาที่เคยแฝงไว้ด้วยความหมายอันยิ่งใหญ่และงดงามของความเป็นมนุษย์ จึงแปรเปลี่ยนเป็นหายนะแห่งชีวิตอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง “ผมเคยได้ยินมาว่าความสุขในชีวิตมนุษย์เรามันแสนสั้น เหมือนกับชั่วกะพริบตาเมื่อเทียบกับอายุขัยของคนปกติ มันก็เห็นจะจริง เพราะสิ่งที่สยดสยองหัวใจของทุกคนในบ้านนี้ก็เกิดขึ้น...” เคน กระทิงทอง (ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต) - ชายผู้ดูเหมือนหยาบกระด้างแต่ไม่หยาบคาย และแข็งแกร่งเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งชายชาตรีผู้มาดมั่นในเพศผู้ กล้าและท้าทายชีวิตแต่ไม่บ้าบิ่น คือคุณลักษณะภายนอกของเขา แต่ลึกลงไปในจิตใจของเขานั้น เคนเป็นคนซื่อ ตรงไปตรงมา และจริงใจอย่างหาใครมาเปรียบมิได้ ฉะนั้นคนประเภทนี้จึงเคารพความถูกต้อง และพร้อมเสมอที่จะลุกขึ้นสู้เพื่อดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมสมกับคำว่าสุภาพบุรุษโดยแท้ “กูขอบริษัทที่สิงคโปร์ไว้เท่านั้น เพราะกูกับคุณบี๋กำลังสร้างฐานการค้าระหว่างประเทศเอาไว้ นํ้าหน้าอย่างมึงไม่มีวันทำได้หรอก...ไอ้จัน” หลวงวิสนันท์เดชา (ศักราช ฤกษ์ธารงค์) - บุรุษผู้ยึดมั่นในศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิอันสูงส่ง จารีตประเพณีอันเป็นคุณสมบัติของบุรุษสยามจึงปรากฏอยู่อย่างเด่นชัดในทุกลมหายใจของเขา ไม่ว่าจะเป็นความลุ่มหลงในอำนาจวาสนาและกามคุณอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้นการถูกหมิ่นเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีจึงเป็นสิ่งที่เขายอมไม่ได้ง่ายๆ และพร้อมเสมอที่จะต่อสู้เพื่อกอบกู้ให้ได้มา ไม่ว่าจะด้วยวิถีทางใดก็ตาม และเป็นที่น่าเสียดายที่เขาเลือกวิถีทางอันรุนแรงและป่าเถื่อนที่ส่งผลให้เขาต้องเผชิญกับความหายนะอันยิ่งใหญ่ “นั่งลงซิจัน นับแต่นี้ต่อไป ทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของจันแต่ผู้เดียว” น้าวาด (บงกช คงมาลัย) - สตรีผู้ยึดมั่นในความกตัญญูกตเวทีต่อบรรพบุรุษอันยิ่งใหญ่ เธอถูกหล่อหลอมในกรอบจารีตประเพณีอันละเอียดประณีตบรรจงแห่งกุลสตรีสยามอย่างสมบูรณ์แบบ แม่วาดงามทั้งกาย วาจา และใจ สมกับคำว่าผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว แต่ในส่วนลึกของเธอนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยเลือดเนื้อและจิตวิญญาณแห่งความเป็นสตรีเพศ เธอมีความปรารถนาอันซ่อนเร้นและบูชารักแท้เยี่ยงมนุษย์ปุถุชน แต่ด้วยความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ ทำให้ชีวิตของเธอต้องพบกับความทรมานอย่างแสนสาหัสที่ไม่สามารถที่จะแสดงออกและปริปากได้แม้แต่คำเดียว “ฉันเองก็เข้าใจดีว่ามันเป็นเรื่องยากที่ใครก็ตามในโลกนี้จะทำใจได้ง่ายๆ ถ้าได้พบกับชะตากรรมในชีวิตเยี่ยงเธอ ซึ่งอะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับความเข้มแข็ง และความอดทนที่จะพาเราฝ่ามรสุมชีวิตในครั้งนี้ไปได้อย่างรอดปลอดภัย” ไฮซินธ์ (สาวิกา ไชยเดช) - สาวน้อยวัย 16 จากหัวเมืองทางภาคใต้ผู้เป็นนางในดวงใจของจัน ดาราตั้งแต่แรกพบประสบหน้า เธอมีร่างสูงระหง ดวงหน้างามคมขาราวกับเทพธิดาและมีอะไรในดวงหน้านั้นคล้ายมารดาของเขาเป็นอย่างยิ่ง นัยน์ตาโศกแต่รอยยิ้มอันสดใสของเธอก็ทาให้โลกทั้งใบพลอยมีความสุขไปกับเธอด้วย ไฮซินธ์และจันเรียนภาษาอังกฤษภาคค่าที่โรงเรียนครูสาลี่ และสานสัมพันธ์ความเป็นเพื่อนด้วยหัวใจอันบริสุทธิ์ ก่อนเหตุการณ์ร้ายจะทาให้ทั้งคู่พรากจากกันโดยไม่ทันตั้งตัว “เธอเปลี่ยนไปมากเลยนะจัน เปลี่ยนไปจนน่าใจหาย... คนเราจะรักคนอื่นไม่เป็นหรอกค่ะ ถ้าไม่หัดรักและเคารพตัวเองเสียก่อน...” คุณบุญเลื่อง (รฐา โพธิ์งาม) - สตรีม่ายผู้เลอโฉมผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยวิญญาณแห่งเสรีภาพ หล่อนถูกหล่อหลอมในดินแดนแห่งมนุษยชนและศิลปะชั้นสูง ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ดังนั้นทุกหยาดหยดแห่งลมหายใจและสายเลือดจึงไร้ซึ่งกฎเกณฑ์และกรอบประเพณีแห่งสยามประเทศ หล่อนรักทุกชีวิตรอบข้าง โลกของหล่อนจึงสดใสงดงามเต็มไปด้วยความสุนทรียภาพอันไร้ขอบเขตและถูกถ่ายทอดออกมาอย่างประณีตบรรจง ไม่ว่าจะเป็นภาพเขียน การดนตรี หรือการขับร้อง แม้กระทั้งเสื้อผ้าอาภรณ์และทุกอากัปกิริยาในทุกวิถีแห่งอารมณ์ และนั่นเองที่ทาให้หล่อนต้องตกอยู่ในกับดักแห่งกิเลสและตัณหา “มึงอย่าหวังนะไอ้จัน ที่จะได้แตะแม้แต่ปลายตีนกู... ไม่ต้องมาขู่ กูไม่กลัวมึงหรอกไอ้จัญไร” คุณแก้ว (โช นิชิโนะ) - หรือวิไลเลข วิสนันท์ เป็นสตรีที่ตกอยู่ในชะตากรรมอันโหดร้ายโดยไม่รู้ตัว การเกิดมาเป็นธิดาสาวคนเดียวในตระกูลและเป็นที่รักยิ่งของบิดาผู้มีทั้งอำนาจและทรัพย์สินเงินทอง ทำให้เธอยึดมั่นในอัตตาแห่งตนและถอดนิสัยมาจากหลวงวิสนันท์เดชาผู้บิดาราวกับพิมพ์เดียวกันไม่เว้นแม้แต่ในเรื่องกามราคะ จะได้นิสัยแม่วาดผู้เป็นมารดาบ้างก็ในเรื่องความเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว มองดูเผินๆ เธอเป็นสตรีที่ถือตัวเย่อหยิ่ง ชอบดูถูกคนและให้ร้ายคนอื่นเต็มไปด้วยความริษยาแม้แต่เงาของตัวเอง หากเธอได้รักชอบใครก็จะลุ่มหลงทุ่มเทโดยไม่คานึงถึงถึงเหตุการณ์ใดๆ ทั้งสิ้น “นี่มันอะไรกัน คุณแม่ไม่น่าเล่นบ้าๆ แบบนี้เลย แม่ไม่ต้องมาพูดอะไรอีกต่อไป ผมจะไม่ฟังอีกต่อไปแล้ว...” คุณขจร (ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา) - สุภาพบุรุษนักเรียนนายร้อย บุตรชายคนเดียวของคุณบุญเลื่อง เขาเป็นนักเรียนนายร้อยที่สมเป็นชายชาติทหารที่เพียบพร้อมไปทุกอย่างทั้งรูปสมบัติและคุณสมบัติตลอดจนชาติตระกูล เป็นคนสุภาพ สุขุมนุ่มลึก และเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว ซึ่งออกจะดูเหมือนไว้ตัวแต่ก็ไม่เย่อหยิ่งทะนงตนแต่อย่างใด “อะไรที่มันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป อย่าเอามาคิดให้รกสมอง จริงหรือไม่จริง ยายว่าหนูจันเจ้าขาของยายอยู่ที่นี่ให้สบายใจ สบายกายเถอะ แล้วเรายายหลานค่อยมาคิดหาหนทางแก้แค้นไอ้หลวงจัญไรนั่นให้สาสมจะดีกว่า ดีหรือไม่ดีล่ะหนูจันเจ้าขาของยาย” คุณท้าวพิจิตรรักษา (รัดเกล้า อามระดิษ) - คุณป้าของดารา พิจิตรวานิชแม่ของจัน เป็นผู้อาวุโสมากที่สุดในบ้านพิจิตรวานิชเป็นคนรักเกียรติภูมิของวงศ์ตระกูลอย่างหาที่สุดมิได้ จนสามารถกระทำการต่างๆ โดยไม่สนใจความถูกผิดเพื่อรักษาผลประโยชน์และทรัพย์สมบัติความร่ารวยของตระกูลตนเองไว้ เป็นผู้หญิงแก่ที่หลงอานาจและสร้างปมปัญหาต่างๆ ไว้มากมาย จนก่อให้เกิดความหายนะต่อคนรอบข้างได้อย่างน่าสะพรึงกลัว “คุณจัน คุณมั่นใจแล้วหรือที่จะยอมรับความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับพ่อของคุณได้ ไม่ว่าเรื่องนั้นมันจะทำให้คุณเจ็บปวดทรมานใจสักปานใดก็ตาม” “ร้อยตารวจเอกเรืองยศ” (เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์) - นายตำรวจหนุ่มตงฉินรุ่นใหม่ไฟแรงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอุดมการณ์แห่งการเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ผู้ดำเนินคดีข่มขืนและฆาตกรรมอันเป็นปมปริศนา เขามาจากครอบครัวที่มีชาติตระกูลสูงในวงสังคม เขาจึงรักเกียรติยศและความยุติธรรมเหนือสิ่งอื่นใด ฉะนั้นเมื่อเขาต้องเผชิญกับอิทธิพลมืดอันทุจริตในเมืองพิจิตร เขาจึงไม่อาจรับสภาพนั้นได้จนตัดสินใจลาออกจากราชการทั้งๆ ที่รักในการเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างเต็มเปี่ยม เกร็ดภาพยนตร์ 1.) ภาพยนตร์เรื่อง “จันดารา ปฐมบท” (2555) และ “จันดารา ปัจฉิมบท” (2556) ดัดแปลงจากนวนิยายสุดคลาสสิก “เรื่องของจัน ดารา” ของนักประพันธ์ชั้นครู “อุษณา เพลิงธรรม” (ประมูล อุณหธูป) (2463-2530) ตีพิมพ์ เป็นตอนๆ ครั้งแรกใน “สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์” (2507-2509) 2.) ต่อมาได้พิมพ์รวมเล่มครั้งแรกโดย “สานักพิมพ์ประพันธ์สาส์น” (2509) และหลังจากนั้นตลอดเกือบ 50 ปีที่ผ่านมาก็ถูกพิมพ์รวมเล่มเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันเป็นครั้งที่ 13 โดย “สานักพิมพ์มติชน” (เม.ย. 2555) 3.) สู่การเขียนบทและตีความใหม่สุดเข้มข้นโดยผู้กากับฯ ฝีมือละเมียด “หม่อมน้อย - ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล” เป็นผลงานลาดับที่ 11 ถัดจากภาพยนตร์ขึ้นหิ้งอย่าง เพลิงพิศวาส (2527), ช่างมันฉันไม่แคร์ (2529), ฉันผู้ชายนะยะ (2530), นางนวล (2530), เผื่อใจไว้ให้กันสักหน่อย (2532), ความรักไม่มีชื่อ (2533), มหัศจรรย์แห่งรัก (2538), อันดากับฟ้าใส (2540), ชั่วฟ้าดินสลาย (2553), อุโมงค์ผาเมือง (2554) 4.) “จันดารา” เวอร์ชั่นหม่อมน้อยใน พ.ศ. นี้ ถูกนามาสร้างเป็นภาพยนตร์ครั้งที่ 3 ถัดจาก 2 ครั้งแรก คือ - ครั้งที่ 1 (พ.ศ. 2520) สร้างโดย เทพกรภาพยนตร์ / อำนวยการสร้างโดย กิติมา เศรษฐภักดี / กากับโดย รัตน์ เศรษฐภักดี / เขียนบทโดย ส. อาสนจินดา / กากับภาพโดย อดุลย์ เศรษฐภักดี / นาแสดงโดย สมบูรณ์ สุขีนัย (จัน), อรัญญา นามวงศ์ (บุญเลื่อง), ศิริขวัญ นันทศิริ (แก้ว), ภิญโญ ปานนุ้ย (เคน) เข้าฉายเมื่อ 11 มี.ค. 2520 ที่โรงเพชรรามา และโรงเพชรเอ็มไพร์ - ครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2544) สร้างโดย ไท เอ็นเตอร์เทนเมนต์ / กำกับโดย นนทรีย์ นิมิบุตร / เขียนบทโดย ศิรภัค เผ่าบุญเกิด, นนทรีย์ นิมิบุตร / นาแสดงโดย สันติสุข พรหมศิริ (คุณหลวง), สุวินิต ปัญจมะวัต-เอกรัตน์ สารสุข (จัน), วิภาวี เจริญปุระ (น้าวาด), คริสตี้ ชุง (บุญเลื่อง), ภัทรวรินทร์ ทิมกุล (แก้ว), เคน (ครรชิต ถ้าทอง) เข้าฉายเมื่อ 28 ก.ย. 2544 5.) “จันดารา” เวอร์ชั่นหม่อมน้อยจะถูกสร้างเป็นสองภาค คือ “จันดารา ปฐมบท” (6 ก.ย. 54) และ “จันดารา ปัจฉิมบท” (7 ก.พ. 56) เพื่อความสมบูรณ์แบบของเนื้อหาและสาระบันเทิงอย่างเต็มอิ่ม 6.) พลิกบทบาทประชันฝีมือด้วยทีมนักแสดงแถวหน้าของเมืองไทยไม่ว่าจะเป็น มาริโอ้ เมาเร่อ (จัน ดารา), ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต (เคน กระทิงทอง), ศักราช ฤกษ์ธารงค์ (หลวงวิสนันท์เดชา), บงกช คงมาลัย (น้าวาด), รฐา โพธิ์งาม (คุณบุญเลื่อง), โช นิชิโนะ (คุณแก้ว), สาวิกา ไชยเดช (ดารา / ไฮซินธ์), รัดเกล้า อามระดิษ (คุณท้าวพิจิตรรักษา), ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา (ขจร), เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ (ร้อยตารวจเอกเรืองยศ) ร่วมด้วยนักแสดงสมทบและรับเชิญอีกมากมายที่จะมาเพิ่มสีสันให้กับภาพยนตร์โดยเฉพาะ 7.) “จันดารา” ทั้งสองภาคนี้เซ็ตฉากถ่ายทาอย่างงดงามในทุกๆ โลเกชั่นไม่ว่าจะเป็น บ้านสังคหวังตาล บ้านโป่ง จ.ราชบุรี / หอวัฒนธรรมไทยวน (ไท-ยวน) อาเภอเสาไห้ สระบุรี / โฮมพุเตย, น้าตกเจ็ดสาวน้อย จ.กาญจนบุรี / ลานพระบรมรูปทรงม้ารัชกาลที่ 5, ถนนราชดาเนิน หน้าวังปารุสกวัน, สถานีดับเพลิงบางรัก, ตึกพัสดุการรถไฟ, หัวลาโพง กรุงเทพมหานคร 8.) รวมพลคนเบื้องหลังมืออาชีพทุกๆ ด้านที่จะมาสร้างสรรค์ให้ “จันดารา” เวอร์ชั่นนี้ตระการตาเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น การออกแบบงานสร้างสุดวิจิตรในทุกฉากโดย “พัฒน์ฑริก มีสายญาติ” (อุโมงค์ผาเมือง), การกากับภาพสุดงดงามในทุกเฟรมภาพของ “พนม พรมชาติ” (ชั่วฟ้าดินสลาย, อุโมงค์ผาเมือง ฯลฯ), งานออกแบบเครื่องแต่งกายสุดประณีตของ “อธิษฐ์ ฐิรกิตสัฒน์” (ซีอุย, ต้มยำกุ้ง, Me, Myself ขอให้รักจงเจริญ), การเมคอัพสุดบรรจงในทุกคาแร็คเตอร์โดย “มนตรี วัดละเอียด” (สุริโยไท, โหมโรง, ชั่วฟ้าดินสลาย, อุโมงค์ผาเมือง ฯลฯ) และดนตรีประกอบสุดตรึงใจโดย “ชาติชาย พงษ์ประภาพันธ์” (นางนาก, จัน ดารา-2544, โอเคเบตง, โหมโรง, เดอะ เลตเตอร์ จดหมายรัก, ก้านกล้วย, ปืนใหญ่จอมสลัด, อุโมงค์ผาเมือง, คน-โลก-จิต ฯลฯ) 9.) “เพลงเมื่อไหร่จะให้พบ” ประพันธ์คำร้องโดย “แก้ว อัจริยะกุล” / ทานองโดย “หลวงสุขุมนัยประดิษฐ์” / ต้นฉบับขับร้องโดย “มัณฑนา โมรากุล” ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทยสากล-ขับร้อง) ประจาปี พ.ศ. 2552 โดยภาพยนตร์ปี พ.ศ. 2555 นี้ จะขับร้องโดย “รฐา โพธิ์งาม” และ “ศักราช ฤกษ์ธารงค์” สองนักแสดงใน “จันดารา ปฐมบท” อย่างแสนไพเราะ 10.) “จันดารา ปฐมบท” เดินสายฉายทั่วเอเชียไปแล้วที่ สิงคโปร์ (11 ต.ค.), ฮ่องกง (29 พ.ย.), ไต้หวัน (30 พ.ย.), และอีกหลายประเทศที่ซื้อไปฉายแล้วอย่าง เกาหลีใต้ และ ฟิลิปปินส์ 11.) “DVD จันดารา ปฐมบท” จะออกมาให้ผู้ชมได้หวนระลึกความทรงจาและซึมซับทุกความรู้สึกกันอีกครั้งในวันที่ 13 ธ.ค. นี้ ก่อนที่จะไปพบกับบทสรุปของภาพยนตร์อย่างสมบูรณ์แบบทุกอารมณ์ใน “จันดารา ปัจฉิมบท” พร้อมฉาย 7 ก.พ. 56 12.) นอกจากเรื่องราวเข้มข้นน่าติดตามและการเชือดเฉือนบทบาทของทีมนักแสดงอย่างสุดประทับใจแล้ว ใน “จันดารา ปัจฉิมบท” ยังคงสร้างสรรค์หลากหลายฉากใหญ่อย่างตระการตาพร้อมด้วยเครื่องแต่งกายและการเมคอัพจัดเต็มอย่างสมบูรณ์แบบไม่ว่าจะเป็นฉากสงครามโลกครั้งที่ 2, ฉากภายในบ้านวิสนันท์และพิจิตรวานิช, ฉากสานักโคมเขียวโคมแดง, ฉากกระท่อมกลางป่าลึก, ฉากโรงงานพิจิตรวานิช, ฉากงานแต่งงาน รวมถึงฉากอีโรติกสุดงดงามที่หลายคนจับตามอง คลังภาพยนตร์หม่อมน้อย - เพลิงพิศวาส (2527) ได้รับรางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี สาขาดาราประกอบฝ่ายหญิงยอดเยี่ยม (สินจัย หงษ์ไทย) - ช่างมันฉันไม่แคร์ (Damn it! Who care - 2529) – ได้รับรางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปี, บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม / ได้รับรางวัลสุพรรณหงส์ทองคา สาขาออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม / ได้รับการคัดเลือกไปฉายโชว์ในงาน London Films Festival และ Berlin Films Festival - ฉันผู้ชายนะยะ (Boy in the Band - 2530) – ได้ฉายใน Gay Film Festival ที่ Los Angeles สหรัฐอเมริกา ปี 2532 - นางนวล (The Seagull - 2530) - ได้รับรางวัลดนตรีประกอบยอดเยี่ยมแห่งเอเชียในปี 2531 ใน Asian Films Festival ที่ Taiwan และยังเป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกที่ได้รับการเสนอชื่อรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย - เผื่อใจไว้ให้กันสักหน่อย (2532) - ความรักไม่มีชื่อ (2533) - มหัศจรรย์แห่งรัก (2538) – ได้รับรางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี สาขาดารานาฝ่ายหญิงยอดเยี่ยม (สินจัย หงษ์ไทย), ดาราประกอบฝ่ายชายยอดเยี่ยม (วิลลี่ แมคอินทอช), ดาราประกอบฝ่ายหญิงยอดเยี่ยม (วราพรรณ หงุ่ยตระกูล), กำกับฝ่ายศิลป์ยอดเยี่ยม, ออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม, ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม - อันดากับฟ้าใส (2540) – ได้รับรางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี สาขาดาราประกอบฝ่ายหญิงยอดเยี่ยม (สินจัย หงษ์ไทย), ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม - ชั่วฟ้าดินสลาย (2553) – ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงนาชายยอดเยี่ยม(อนันดา เอเวอริงแฮม), ออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม, กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม, ลาดับภาพยอดเยี่ยม รางวัลสุพรรณหงส์ ครั้งที่ 20 / ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับ, บทภาพยนตร์, นักแสดงนำชาย, นักแสดงนำหญิง รางวัลคมชัดลึกอวอร์ดครั้งที่ 8 / ผู้แสดงนาชายยอดเยี่ยม, ผู้แสดงนำหญิง, ยอดเยี่ยม, กำกับศิลป์, ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม รางวัลชมรมวิจารณ์บันเทิง ครั้งที่ 19 - อุโมงค์ผาเมือง (2554) – เทคนิคการสร้างภาพพิเศษ, ออกแบบเครื่องแต่งกาย รางวัลสุพรรณหงส์ ครั้งที่ 21 / ผู้แสดงสมทบหญิง (รัดเกล้า อามระดิษ), กำกับศิลป์ รางวัลชมรมวิจารณ์บันเทิง ครั้งที่ 20