HIGHLIGHT CONTENT

เตรียมตัวให้พร้อม กับการกลับมาของคู่ต๊องส์ ป่วนรอยหยักในสมองให้บวมเป่ง กับ Dumb and Dumber To

  • 9,060
  • 14 ม.ค. 2015
เตรียมตัวให้พร้อม กับการกลับมาของคู่ต๊องส์
ป่วนรอยหยักในสมองให้บวมเป่ง กับ Dumb and Dumber To

 

 

 

จิม แครี่ (Jim Carrey) และเจฟฟ์ แดเนียลส์ (Jeff Daniels) กลับมาอีกครั้งกับบทของลอยด์ คริสต์มาส (Lloyd Christmas) และแฮรี่ ดัน (Harry Dunne) ในหนังสุดฮิตภาคต่อ Dumb and Dumber To ผู้กำกับคู่พี่น้องต้นฉบับ ปีเตอร์ ฟาร์เรลลี่ และ บ็อบบี้ ฟาร์เรลลี่ (Bobby & Peter Farrelly)  นำลอยด์และแฮรี่ กลับมาโลดแล่นบนแผ่นฟิล์มอีกครั้ง มาคราวนี้พวกเขาต้องออกเดินทางเพื่อตามหาลูก ของแฮรี่ที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขาเคยมี เป็นเวลาเกือบ 20 ปี นับจากวันที่เราทิ้งลอยด์และแฮรี่ไว้เบื้องหลัง ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป ยกเว้นความโง่ของพวกเขา  เมื่อแฮรี่รู้ว่าเรามีลูกสาวอยู่ เขาต้องไปขุดเอาลอยด์ออกมาจากภาวะบ้าเต็มขั้นในโรงพยาบาลบ้า การเดินทางแบบบ้าๆ บอๆ จึงเริ่มต้นขึ้น

 


ในปี 1994 Dumb and Dumber To ออกฉายพร้อมรายรับกว่า 250 ล้านเหรียญทั่วโลก กลายเป็นภาพยนตร์ทำรายได้ถล่มทลาย และถือเป็นหนังคัลท์อมตะเรื่องหนึ่ง เมื่อหนังออกจำหน่าย ในรูปแบบโฮมเอ็นเตอร์เทนเมนท์ แฟนๆ แห่ซื้อเพื่อเก็บเป็นคอลเลคชั่น และเมื่อออกฉายทางเคเบิ้ลทีวี ก็สามารถดึงเอาผู้ชมกลับมาสู่ความฮาอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็สามารถเรียกความสนใจจากคนรุ่นต่อมา ซึ่งยังไม่เคยได้เข้าถึงมิตรภาพอย่างแท้จริงที่หาได้ง่ายดายบนท้องถนน แต่แม้ว่าทีมสร้างสรรค์จากหนังภาคแรกจะคิดเสมอถึงภาคต่อของวีรบุรุษต๊ะติ๊งโหน่ง คู่นี้แต่ก็ต้องรอ นาน ถึงกว่า 2 ทศวรรษกว่าจะเริ่มงานภาคต่อได้

เจฟฟ์ แดเนียลส์ (Jeff Daniels) ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจกับความสำเร็จของ Dumb and Dumber ในเวลานั้น แม้ว่ามันอาจไม่ใช่หนังสำหรับทุกคนแต่ทุกคนต้องดู!!  “ตอนเราสร้างงานในเวลานั้น เราคิดว่าเด็กอายุ 14 ทุกคนต้องประทับใจ แต่ใครจะรู้ว่าจริงๆ แล้วคนที่ดูหนังเรื่องนี้มีตั้งแต่อายุ 8 - 80 ปี ผมเจอนักธุรกิจ เดินมาหาผมตอนอยู่ที่สนามบิน บอกกับผมว่า Dumb and Dumber เป็นหนังที่เขาชอบมาก ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะฟาร์เรลลี่พยายามทำให้ทั้งลอยด์และแฮรี่ดูไร้เดียงสา เรารู้สึกกดดันมากพอจะเริ่ม ทำภาคต่อ

มองย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว แดเนียลรู้ว่าทั้งตัวเขาเอง, จิม แครี่ (Jim Carrey) และฟาร์เรลลี่ (Bobby & Peter Farrelly) มาถูกทางแล้ว สำหรับหนังเรื่องแรก  แต่ก็ไม่มีใครเห็นด้วยกับ การทำภาคต่อ กระทั่งได้เวลาและได้เรื่องเหมาะๆ ที่จะเล่า พีทและบ็อบบี้เดาได้ถูกทางสำหรับภาคแรก  ตอนนี้เขารู้แล้วว่าจะทำยังไง ให้ดูสนุกและอะไรได้ผล และทำไมถึงได้ผล

จนในที่สุดหนังภาคต่อ เรื่องนี้ ก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาจนได้ เมื่อหลายปีก่อน ตอนที่แครี่ นั่งในห้องที่โรงแรมแล้วดูหนังตลกของเขาทางโทรทัศน์เขาพูดขึ้นมาว่า “ผมดู Dumb and Dumber มาหลายต่อหลายรอบแล้ว แต่ครั้งนี้ ผมนั่งดูและหัวเราะจนไม่อยากจะเชื่อว่า เฮ้ยนี่! เราทำอะไรลงไปเนี่ย อะไรมันฮาขนาดนี้นะ”

 

 

หลายปีมานี้ แดเนียลและแครี่ ได้รับการตอบรับจากกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งพ่อแม่แนะนำให้ดูหนังเรื่องนี้ แครี่บอกว่า “ลอยด์และแฮรี่อยู่ในใจคนและใกล้ขิดกับคนมากกว่าที่ผมคิด  ผมรู้สึกได้ถึงความรักที่พวกเขา มีให้ตัวละครเหล่านี้ เหมือนเป็นใครซักคน หรือของรักของหวง หรือของบางอย่างที่อยู่ในบ้านของพวกเขา เราไม่จำเป็นต้องให้ความรู้กับเขาอีกว่าตัวละครมีลักษณะอย่างไร หนังภาคแรกเป็นอย่างไร”

โปรดิวเซอร์ ชาร์ลส์ บี เวสเลอร์ ซึ่งทำงานกับฟาเรลลี่มานานกว่า 20 ปี ทั้งจากหนังเรื่อง There Something About Mary จนถึง Stuck on You และ The Three Stooges มันได้สะท้อนว่าทำไม หนังเรื่องแรกถึงโดนใจคนดูได้มากมาย “จุดสำคัญที่ทำให้ Dumb and Dumber ทำงานได้ดีในรูปของหนังตลกก็คือ ลอยด์และแฮรี่ แก่เกินกว่าที่จะโง่ได้มากขนาดนนี้ และยังคงอยู่ในโลกนี้ และเอาชีวิตรอดได้”

 

 

20 ปีที่แล้ว หุ้นส่วนของแวสเลอร์ โปรดักชั่น แบรดเล่ย์ โทมัส เห็นในสิ่งที่ผู้ชมทั่วโลกได้เห็น นับตั้งแต่เริ่มวางโปรเจคท์หนังภาคแรก “คุณต้องนึกถึงเคมีของนักแสดงในครั้งแรก ที่คุณเห็นเขา ทั้งจิมและเจฟเรารู้ว่าเคมีของพวกเขามันสุดยอดมาก ผมอยู่ตอนถ่ายทำครั้งแรก ผมนั่งดู และก็รู้ว่า นี่แหละคือ “แฮรี่และลอยด์”

ปีเตอร์ ฟาร์เรลลี่ อธิบายว่าอะไรทำให้เราสนใจในตัวละครเหล่านี้มาก แล้วเราก็ได้พบว่า มันตลกมากจริงๆ “ลอยด์และแฮรี่มีชีวิตที่อิ่มเอมมาก และทุกคนอยากเห็นจิตวิญญาณแบบนั้น ทั้งๆ ที่ลอยด์และแฮรี่ พยายามที่จะข่มกันและกัน แต่พวกเขาก็ห่วงใยกันและต่างคนต่างก็มีกันและกัน  โดยมันมีพลังงานบางอย่างที่จะเปิดใจของพวกคุณให้หลงรักพวกเขา รักแล้วก็รักอีกอยู่นั่นแหละ”

หลายปีผ่านมา ปีเตอร์และบ็อบบี้ ฟาร์เรลลี่ ถกเถียงถึงความคิดที่จะทำหนังภาคต่อ แต่พวกเขา ก็ยังคงชัดเจนในเรื่องหนึ่ง ถ้าพวกเขาไม่สามารถเชื่อมั่นได้ว่า มีบทที่สมบูรณ์แบบแล้วล่ะก็ พวกเขาจะยัง ไม่ทำภาคต่อเป็นอันขาด  20 ปีผ่านมา พร้อมกับทีมงานที่เกี่ยวข้อง  ช่างเป็นเวลาที่เหมาะกับการสร้างหนังภาคต่อ ผู้สร้างภาพยนตร์ทุกคนเข้าใจถึงสิ่งที่ทำให้หนังภาคแรกอยู่ในใจทุกคน และไม่ต้องการให้แฟนๆ ผิดหวังกับฮีโร่ของพวกเขา

ปีเตอร์ ฟาร์เรลลี่ ทาบทามเบนเน็ต เยลลิ่ง ที่เคยร่วมงานในภาพยนตร์ภาคแรก และให้คำปรึกษา  ถึงเส้นเรื่องที่ดึงเอา แฮรี่และลอยด์ เข้ามาเกี่ยวพันกันเพื่อตามหาลูกสาว เพราะแฮรี่ต้องการไตใหม่ ในขณะเดียวกัน ฌอน แอนเดอร์สและจอห์น มอริส ซึ่งเป็นผู้เขียนบทภาพยนตร์ แนวครอบครัวเรื่องล่าสุด ของแครี่ “Mr.Popper’s Penguins” และ ไมค์ เซอร์โรน ที่ได้ร่วมงานกันในเรื่อง Me, Myself & Irene และ The Three Stooges เรื่องราวการรวมตัวกันอีกครั้งเริ่มต้นขึ้น ทีมงานหลักนำโดยโปรดิวเซอร์เวสเลอร์ และโทมัส ก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้งและเรื่องราวที่ฮาสุดๆ ของแฮรี่และลอยด์ รออยู่ตรงหน้า

 

 

ฟาเรลลี่ยังคงยึดมั่นในสิ่งที่เป็นข้อสันนิษฐานที่ ง่ายที่สุดนั่นก็คือยอมให้แครี่และแดเนียลได้ทำในสิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุด ฃ เรื่องราวเกิดขึ้นใน 20 ปีให้หลัง และทุกคนก็อยู่ในวัยกลางคน แต่ยังโง่เหมือนเดิม  เพราะสิ่งที่จิมและเจฟทำในหนังภาคแรก เรารู้ว่ามาตรฐานถูกวางไว้สูงมาก และเราทำงานกันนานมาก ในเรื่องของบทและได้เพื่อนๆ หลายคนมาช่วย  และเราก็ได้ร่วมงานกับจิมอีกนิดหน่อย สิ่งสำคัญคือ ต้องทำให้ คนดูรู้ว่าลอยด์และแฮรี่เป็นคนที่มีจิตใจดี แต่ตั้งแต่เราเห็นเขาครั้งสุดท้ายอายุสมองไม่ได้โตขึ้น ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม  เขายังมีกันและกันแค่นั้นก็นำเขากลับมามีชีวิตได้แล้ว

แครี่ อธิบายปรากฏการณ์นี้ในช่วงพรีโพรดักชั่น “พีทและบ็อบบี้ ทำงานได้เข้าขาดีมากและเมื่อ พวกเราทั้งสามได้อยู่ด้วยกัน เข้ามาตะลุมบอนกับบท ผมลืมไปแล้วว่า ไม่ได้สนุกแบบนี้มานานแค่ไหน  เราทุกคนเห็นพ้องว่าทำไมไม่ทำแบบนี้กันบ่อยๆ มันวิเศษมาก”

เย ลลิ่งซึ่งเป็นผู้ร่วมเขียนบทในภาคแรกและกลับมาทำงานอีกครั้งในภาคนี้ เปรียบเปรยว่า “เหมือนไวน์ดีๆ เหมือนแตงกวาดอง เหมือนชีส หนังเรื่องนี้ต้องรอเวลาให้สุกงอมพอดี เวลาที่ใช้ไป ในการพัฒนาและเขียนบทมันเป็นเรื่องที่สนุกมาก”

ผู้อำนวยการของ Red Granite Pictures ริซ่า อาซิสและโจอี้ แมคฟาร์แลนด์ ชื่นชอบในสิ่งที่ เขาเห็นระหว่างกระบวนการพัฒนาและรู้สึกว่าโครงการนี้เป็นโอกาสดีที่จะได้มี ส่วนร่วมในหนังตลก ที่เป็น อมตะ พวกเขามาร่วมกับทีมงานสร้างและมีส่วนช่วยทั้งในเรื่องไอเดียต่างๆ และทุ่มเทแรงกายเต็มที่สุดๆ

 

 

หนังภาคแรกได้รับการจัดจำหน่าย ทั่วโลกโดย New Line Cinema  ภาคต่อจัดจำหน่ายโดย Universal Pictures สำหรับ Dumb and Dumber To ยังคงมีดีเอ็นเอของหนังภาคแรก  แต่ฟาเรลลี่ ย้ำหนักแน่นว่า  เราจะไม่พยายามเล่นกับผู้ชมที่เคยชมภาคแรกในปี 1994 มาแล้วแต่เพียงอย่างเดียว เพราะในความเป็นจริง และในหนังมันคือ 20 ปีผ่านมาแล้ว เราจะเดินหน้าเรื่องราวไปพร้อมๆ กับเวลาจริงของตัวละคร ตามทีมันควรจะเป็น

โปรดิวเซอร์ แมคฟาร์แลนด์ ชื่นชมทีมงานที่ยังคงรักษาความน่ารักและความตลกขบขันไว้ “แฮรี่และลอยด์อาจจะดูไม่ถูกต้องในเชิงการเมือง ดูเงอะงะ โง่เง่า แต่ที่เขามีคือความไร้เดียงสา เพราะพวกเขาไม่รู้อะไรเลยจริงๆ”

ทีมโปรดักชั่นให้ความสนใจในสิ่งที่จะเติมเต็มให้กับหนังภาคแรก พวกเขายังอยากจะทำในสิ่งที่ เหมาะสมกับที่แฟนหนังภาคแรกจำนวนมากรอคอย  นั่นหมายความว่าฟาร์เรลลี่ต้องใช้เวลานานมากใน การพัฒนาบท “เรารู้ว่าต้องทำให้มันพิเศษ” บ็อบบี้ ฟาร์เรลลี่กล่าว 

 

 

และในองค์ประกอบที่เหมาะสมเหล่านั้น จิม แครี่ เองก็มีแรงผลักดันความตลกในตัวละครของเขา ออกมาอย่างต่อเนื่อง นักเขียนเรื่องตลกหลายคนชื่นชมเขามาก “เหตุผลที่แท้จริงคือ จิมไม่เคยพอใจกับสิ่งที่คุณมี เขาพยายามคิด เดินรอบๆ ฉาก พยายามค้นหาเอาสิ่งที่มากกว่าที่เรามีให้เขามาเล่นตลอด”

แครี่อธิบาย ถึงพลังนี้ว่า “จรรยาบรรณในงานของผมมาจากความผิดหวังในการทำบางสิ่งให้น่าสนใจในทุกๆ ฉาก ผมมีเพื่อนร่วมงานหลายคนโดยเฉพาะพีทและบ็อบซึ่งมีลักษณะที่ แตกต่างคล้ายๆ กับผม เขาเป็นผู้นำประหลาดๆ ที่คุณอาจไม่อยากเดินตาม แต่พวกเขาก็เต็มใจต้อนรับและสุดยอดกับทุกๆ คน”

 

 

แครี่ยังพบผู้ร่วม งานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความตั้งใจอย่างแดเนียลซึ่งพยายามสร้างตรรกะให้กับ ตัวละคร “ผมพยายามตามและตอบสนองกับจิม และสมองที่ปราดเปรื่องด้านหนังตลกของเขา และนั่นคือ วิถีของลอยด์และแฮรี่  แฮรี่มักจะเดินช้ากว่าลอยด์ครึ่งก้าวแล้วมันก็เข้ากันได้ดี แดเนียล กล่าว “เราสร้างเคมีระหว่างตัวละครและมิตรภาพยังคงมีอยู่แม้ว่าจะไม่ได้อยู่หน้า กล้อง เพราะพวกเราชอบกัน และกันมาก แล้วเราก็พลักดันเรื่องราวของเราออกมาหน้ากล้องจนได้ในที่สุด”

ความชื่นชมในแดเนียลก็มีมากพอๆ กับแครี่เขาให้ความเห็นว่าเรื่องราวของเจฟก็คือ เขาค่อนข้างผูกมัดตัวเอง เขาไม่กลัวที่จะอยู่ตรงนั้น นั่นเป็นสิ่งสำคัญเพราะหนังแนวนี้ไม่ได้เล่าว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มันเกี่ยวกับฉากที่ถูกวางขึ้นและแสดงให้เต็มที่ จนผู้ชมต้องออกปากว่า “ทำไปได้ยังไง”

ใครว่าเราแกล้งโง่วะ

  • 22 January 2015
  • Adventure / ตลก /
  • 109 นาที
15+