HIGHLIGHT CONTENT

Cold Pursuit ความผสมผสานของการล้างแค้น ความรุนแรง และตลกร้าย

  • 4,024
  • 14 ก.พ. 2019

 

รอยเลือดบนหิมะ

 

ผู้กำกับ ฮานส์ เพทเทอร์ โมแลนด์ และ เลียม นีสัน แท็กทีมกันในภาพยนตร์ แอ็คชั่น ทริลเลอร์ ที่เป็นส่วนผสมของการล้างแค้นสุดเยือกเย็น และ อารมณ์ขันร้าย

 

“มันคือการผสมผสานของการล้างแค้น ความรุนแรง และอารมณ์ขันร้าย” – เลียม นีสัน

 

“กระป๋องที่เต็มไปด้วยหนอน” นี่คือคำที่เลียม นีสัน เลือกอธิบายให้กับคาแรกเตอร์ของเขาต่อความรุนแรงในภาพยนตร์ของ ฮานส์ เพทเทอร์ โมแลนด์ ในความรุนแรงและการจิกกัดทางด้านอารมณ์ขันในเรื่องนี้ “คาแรกเตอร์ของผมเดินเข้าสู่เส้นทางแห่งการล้างแค้น แต่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต่อไปเขาต้องเจอกับอะไร” นีสัน กล่าว “เขาคิดแค่ว่าเขาออกไปตามล่าคนแค่คนเดียวที่ฆ่าลูกชายของเขา แต่แท้จริงแล้วจากหนึ่งคนกลายเป็นอีกคน และไปอีกเรื่อยๆ จนเกิดความโกลาหลแห่งการล้างแค้นและความรุนแรง และมันยังแฝงไปด้วยมุกตลกด้านมืด ผมหวังว่าคุณจะจินตนการมันออกนะ”

 

เรื่องราวการล้างแค้นเกิดขึ้นโดย ตัวละคร เนลส์ ค็อกซ์แมน ผู้ขับรถกวาดหิมะ ในโคโรราโด สกีรีสอร์ท แห่งเมืองคีโฮ เนลส์ ค็อกซ์แมน เพิ่งได้รับรางวัลเป็นพลเมืองดีเด่นประจำปี ในฐานะที่เขาคอยกวาดหิมะเปิดทางให้กับเมืองนี้อย่างสม่ำเสมอ ชีวิตที่สงบสุขของเขาได้กลายเป็นชีวิตแห่งการล้างแค้นในแบบฉบับมือสมัครเล่น เมื่อลูกชายของเขาได้ถูกฆาตกรรม ซึ่งเป็นการชี้ตัวที่ผิดพลาดโดยแก๊งอันธพาลเพราะยาเสพติดได้หายไป

 

 

สิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับกับการฆ่าคน มาจากการอ่านนิยายฆาตกรรม ค็อกซ์แมนได้เลื่อยปืนไรเฟิลของเขาให้มีขนาดสั้นลงเพื่อให้สามารถพกพาไปได้ในเสื้อโค้ทของเขา ไม่น่าเชื่อว่าการฆ่าของเขาจะเป็นการไปกระตุกชนวนให้เกิดสงครามขึ้นระหว่างแก๊งค้ายาใหญ่ทั้งสองกลุ่ม

 

หลังจากการเข้าฉาย ภาพยนตร์ของ ฮานส์ เพทเทอร์ โมแลนด์ ในเรื่อง In Order of Disappearance หนังได้รับการเปรียบว่าอยู่ในระดับเดียวกับเรื่อง Fargo ของ ผู้กำกับพี่น้องโคเอน รวมไปถึงได้รับคำชมอย่างท่วมท้น และประสบผลสำเร็จในแง่รายได้ด้วย แฟนหนังบางกลุ่มยังยกย่องเรื่องบท ไดอะล็อกของบทภาพยนตร์ว่ายอดเยี่ยมเหมือนกับภาพยนตร์ของ เควนติน ตารันติโน่ในหนังเรื่องแรกๆ ของเขา แต่โมแลนด์ก็ไม่ได้หลงไปกับคำยกยอ เพราะเขาเองก็มีแนวทางที่ชัดเจนของเขา เขาได้รับแรงบันดาลใจจากหนังฮอลลีวูดยุคเก่า “ผมเกิดมาในยุคและผมรักในหนังของ บิลลี่ ไวลด์เดอร์” โมแลนด์ กล่าว “ผมรักในความดำมืดของหนังและอารมณ์ขันที่ขัดแย้ง มันคือความส่วนผสมที่เข้ากันได้ดี ดังนั้นเมื่อผมได้โอกาสได้รีเมคภาพยนตร์เรื่อง In Order of Disappearance ในแบบฉบับภาษาอังกฤษ (ต้นฉบับเป็นภาษานอร์เวย์) ภายใต้ชื่อใหม่ว่า Cold Pursuit ผมจึงตกลงที่จะทำมันอีกครั้ง”

 

ไอเดียของการให้โมแลนด์กลับมากำกับภาพยนตร์ของตัวเองนั้นมาจากโปรดิวเซอร์อย่าง ไมเคิล แชมเบิร์ก ผู้ที่เคยมีผลงานอย่าง Pulp Fiction, Out of Sight และ Get Shorty เขามักจะรู้เสมอเมื่อมันมีหนังแนวอาชญากรรมที่สดกว่า ใหม่กว่า “สิ่งที่ดีที่สุดในอาชีพของผมคือการได้ทำงานร่วมกับคนเก่ง” แชมเบิร์ก กล่าว เมื่อตอนที่ผมได้ดู In Order of Disappearance ผมรู้ว่ามันมีทุกสิ่ง และไม่ต่างอะไรกับ Cold Pursuit ผู้ชมจะให้ความสนใจกับตัวละคร ทุกคนจะพอใจกับซีนแอ็คชั่นที่พวกเขาบรรจงใส่ลงไป และยิ่งไปกว่านั้นจะเซอร์ไพรส์ว่ามันมีมุกตลกได้ถึงขนาดนี้ มันคือภาพยนตร์ที่มีจุดกึ่งกลางที่ลงตัว นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องให้เขากลับมากำกับเรื่องนี้ นอกจากนั้นสิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุดคือการที่เราจะได้เห็น เลียม นีสัน ในบทบาทแอ็คชั่นมันระห่ำ พร้อมทิศทางใหม่ที่ผู้ชมไม่เคยเห็นมาก่อน

 

 

นอกจากนี้มันยังเป็นเรื่องราวของความซับซ้อนที่มีการหักมุมไปมาของตัวละครอื่นๆ คนแรกคือตัว “ไวกิ้ง” (Viking) พ่อค้ายาเสพติดที่แสนโรคจิต นำแสดงโดยนักแสดงยอดเยี่ยมอย่าง ทอม เบทแมน และอีกคนหนึ่งคือ ไวท์บูล (White Bull) แสดงโดยนักแสดงแคนาดาระดับตำนานอย่าง ทอม แจ็คสัน ซึ่งจะมารับบทเป็นชาวอินเดียนแดง ชาวพื้นเมืองของที่นี่ เขาเป็นหัวหน้าเผ่าสุดโหดนี้ “ทุกคนเป็นคนเลว มันไม่มีคนดีในหนังเรื่องนี้เลย คุณเริ่มจากตรงนั้น จากนั้นคุณต้องมานั่งถอดรหัสแล้วล่ะว่าใครจะเลวกว่ากัน” แจ็คสัน กล่าว “คุณจำเรื่อง The Wild Bunch ได้มั้ย หนังเรื่องนี้มันเป็นอย่างนั้นเลย มันมีความบันเทิง และแน่นอนคุณจะได้เห็นเลือดเป็นแกลลอนสาดลงไปบนหิมะอันขาวผ่องนั้นแน่นอน”

 

สำหรับงานรีเมคครั้งนี้ โมแลนด์ได้ดึงทีมงานหลักทีมงานเดิมมาร่วมทำงานกับเขาด้วย แต่ก็ยังมีทีมงานหน้าใหม่ด้วยเช่นกัน ผู้เขียนบท แฟรงค์ บอลวิน คือหนึ่งในนั้น นอกจากนี้ยังได้นักแสดงหญิงสมทบอย่าง ลอร่า เดิร์น ในบทภรรยาของเนลส์ เอ็มมี่ รอสซัม ในบทบาทตำรวจหญิงเก่ง และ จูเลีย โจนส์ ในบท อดีตภรรยาของหัวหน้าแก๊งค์โรคจิตอย่างไวกิ้ง “ในหนัง ตัวละครหญิงทุกตัวคือคนที่ฉลาดเพียงพอที่จะไม่เข้าไปใกล้กับแก๊งพวกผู้ชาย ไม่เข้าไปใกล้ความโง่เง่าของพวกเขา” โมแลนด์ กล่าวติดตลก “ผู้ชายในหนังเป็นพวกอีโก้สูง พวกเขาจริงจัง  บางทีจริงจังเกินไปอาจทำให้ตัวเองตายได้ง่ายๆ”

 

แรงบันดาลใจของบทหนังแต่แรกเริ่มนั้นมาจากความคิดที่ค่อนข้างซีเรียส “ไอเดียแรกมาจากความคิดที่ว่า ถ้าลูกของผมตายโดยไม่ทราบเหตุผลที่แน่นอน และ เขาอาจจะโดนฆาตกรรม ผมจะแค่นั่งยอมรับกับเรื่องที่เกิดขึ้นเท่านั้นเหรอ หรือ ผมจะต้องทำอะไรสักอย่างหนึ่ง แล้วมันจะนำพาเราไปสู่วังวนแห่งความรุนแรงที่เข้ามาอย่างหนักหน่วงหรือไม่ มันคือแก่นหนังที่ค่อนข้างหนักแต่มันก็เหมาะกับด้านตลกได้เช่นกัน” โมแลนด์ กล่าว “ผมพยายามไม่ทำให้หนังมีขีดจำกัดด้วยประเภทของหนัง (Genre) ประเภทใดประเภทหนึ่ง ประเภทของหนังมันผสมผสานกันได้ เราสามารถผสานความน่ากลัวเข้าไปกับเรื่องโศกได้ และมันก็ตลกได้ เหมือนกับชีวิตคนเรานั่นแหละ”

 

 

ผลลัพธ์ที่ออกมา คือความแปลกใหม่ ภาพยนตร์ที่มาพร้อมฉากแอ็คชั่น ถ่ายภาพด้วยบรรยากาศอึมครึม และแฝงไปด้วยไดอะล็อกที่ทำให้ทุกคนขำได้

 

“นี่คือเหตุผลที่เราต้องเลือกโมแลนด์มากำกับ” แชมเบิร์ก กล่าว “ความผสมผสานนี้มันไม่มีใครทำออกมาได้สมดุลเท่าเขาอีกแล้ว มันไม่ใช่หนังการล้างแค้นทั่วไป มันคือหนังแห่งความแค้น มันคือหนังแอนตี้ความรุนแรง โดยที่มันคือหนังแห่งความรุนแรง”

 

เนลส์เป็นหัวหน้าครอบครัวที่สงบสุขและสันโดษ เขาใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายทำงานขับรถกวาดหิมะในช่วงฤดูหนาว แต่แล้วลูกชายของเขากลับถูกฆาตกรรมโดยเจ้าพ่อค้ายาเสพติด เมื่อชีวิตที่ไม่มีอะไรจะเสีย เขาได้เลือกเส้นทางแห่งการชำระบาปและการล้างแค้น

 

ขอต้อนรับสู่เมือง “คีโฮ” อากาศอันหนาวเหน็บด้วยอุณหภูมิ -10 องศา ที่นี่เป็นเมืองสกีรีสอร์ท ท่ามกลางหุบเขาร็อกกี้ ที่นี่เป็นเมืองเงียบสงบ ตำรวจท้องที่ไม่คุ้นเคยกับคดีอุกฉกรรจ์ แต่แล้วก็มีคดีการถูกฆาตกรรมลูกชายของคนขับรถกวาดหิมะอย่าง เนลส์ ค็อกซ์แมน (เลียม นีสัน) ซึ่งเป็นการออกคำสั่งของ ไวกิ้ง (ทอม เบทแมน) พ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ ด้วยความแค้นและอาวุธครบมือ เนลส์ ได้ออกไล่ฆ่าแก๊งอันธพาลทีละคนๆ โดยอาศัยความรู้ ความเข้าใจของการฆ่าคนจากนิยายฆาตกรรม ในขณะที่ศพเริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ การกระทำของเนลส์ได้เป็นการจุดชนวนก่อให้เกิดสงครามระหว่างแก๊งผู้ค้ายาเสพติดของไวกิ้ง และ ไวท์บูล (ทอม แจ็คสัน) มาเฟียชนเผ่าอินเดียนแดง จากเมืองที่เงียบสงบจะกลายเป็นเมืองที่เดือดระห่ำ เต็มไปด้วยเลือดในชั่วพริบตา

 

 

Cold Pursuit เข้าฉาย 14 มีนาคม ในโรงภาพยนตร์

 

แค้นลั่นนรก

  • 14 March 2019
  • Adventure / แอ็คชัน / ชีวิต / ระทึกขวัญ /
  • 119 นาที
15+