เบื้องหลังงานสร้างใน Black Christmas ความสดใสของไฟคริสต์มาสก็สยองได้...?

 

 

การกำกับภาพ

ความรู้สึกแบบวินเทจ การซูมน่าขนลุกและไฟคริสต์มาส

            หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยได้ร่วมงานกับผู้กำกับภาพมาร์ค ชวอร์ทซ์บาร์ดในภาพยนตร์ปี 2014 เรื่อง Wild Canaries และภาพยนตร์ปี 2016 เรื่อง Always Shine โซเฟีย ทาคัลก็รู้ว่าเขาเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่จะกำกับภาพให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังมีสไตล์ความชื่นชอบที่คล้ายคลึงกันอีกด้วย “ฉันสนใจหนังจากยุค 70s และด้วยความที่หนังต้นฉบับเกิดขึ้นในยุค 70s ฉันคิดว่าคงเป็นเรื่องสนุกดีที่จะแสดงความเคารพต่อหนังจากยุคนั้น” ทาคัลกล่าว “มาร์คกับฉันดูหนังเก่าจากยุคนั้นหลายเรื่องเพื่อหาวิธีที่จะถ่ายทอดความรู้สึกนั้นโดยไม่ให้มันมีความเป็นเรโทรมากเกินไปน่ะค่ะ”

 

            ชวอร์ทซ์บาร์ดกระตือรือร้นที่จะใช้และอัพเดทการเคลื่อนไหวและเทคนิคกล้องที่ล้าสมัยไปแล้วบางส่วน “โซเฟียกับผมชื่นชอบการดูหนังเก่าๆ และมันก็เป็นสไตล์ที่เราทั้งคู่ชื่นชอบหลังจากได้ทำงานใน Always Shine น่ะครับ” ชวอร์ทซ์บาร์ดกล่าว “Black Christmas ปี 1974 เป็นผลผลิตของยุคสมัยนั้นด้วยการซูมแบบน่าขนลุกและเท็กซ์เจอร์ของหนังยุค 70s เราก็เลยอยากจะยึดติดกับสไตล์แบบนั้น ข้อมูลอ้างอิงจำนวนมากของเรามาจากยุคนั้นครับ”

 

            อีกวิธีหนึ่งที่ชวอร์ทซ์บาร์ดจากภาพยนตร์ต้นฉบับที่เขานำมาใช้คือตัวเลือกเรื่องการใช้แสงของเขา ระหว่างซีเควนซ์หนึ่งในบ้านสโมสร พวกเขาไม่ได้ใช้แสงสำหรับภาพยนตร์เลย แต่ทั้งฉากสว่างไสวด้วยไฟคริสต์มาส ไม่เพียงแต่จะมีไฟคริสต์มาสอยู่ในเฟรมของช็อตนั้นเท่านั้น แต่ยังมีการติดไฟคริสต์มาสตามบอร์ดด้านนอกเฟรมเพื่อสร้างแสงที่สม่ำเสมออีกด้วย “พอฆาตกรมาอยู่ในบ้าน เขาก็ปิดไฟหลายดวง ทิ้งให้บ้านสว่างไสวด้วยไฟคริสต์มาสเพียงอย่างเดียว” ชวอร์ทซ์บาร์ดกล่าว “เราชื่นชอบลุคของเลนส์ซูม ซึ่งทำให้นึกถึงสไตล์ของหนังต้นฉบับ เรามีเลนส์ซูมที่เก่าแก่มากๆ อาจจะเป็นเลนส์แบบเดียวกับที่เคยใช้ใน Black Christmas ต้นฉบับ เลนส์จากยุค 60s ที่เราซื้อมาสำหรับ Always Shine มันมีลุควินเทจที่ดึงดูดใจ แต่มันก็เป็นเลนส์ที่ช้ามากๆ ด้วย ซึ่งหมายความว่ามันต้องอาศัยแสงสว่างมากๆ วิธีแก้ปัญหาคือการที่เราใช้กล้องพานาโซนิค วาริแคม ซึ่งเป็นกล้องที่ถ่ายทำในที่มืดได้ดีมากๆ มันทำให้เราสามารถใช้เลนส์เก่าที่ช้าตัวนี้ได้แม้ว่าเราจะถ่ายทำภายใต้แสงไฟคริสต์มาสจริงๆ ได้น่ะครับ”

 

การออกแบบงานสร้าง

การตกแต่งฉาก สายไฟคริสต์มาสสามร้อยดวง

            ผู้ออกแบบงานสร้างมาร์ค โรบินส์และทีมงานของเขามีบทบาทสำคัญในการเติมเต็มวิสัยทัศน์ของโซเฟีย ทาคัลและมาร์ค ชวอร์ทซ์บาร์ดให้สมบูรณ์ด้วยการใช้แสงไฟคริสต์มาสเป็นแหล่งกำเนิดไฟเพียงที่เดียวระหว่างซีเควนซ์สำคัญในบ้านสโมสร ชวอร์ทซ์บาร์ดต้องการจะหลีกเลี่ยงการใช้ไฟแอลอีดี ดังนั้น โรบินส์และทีมงานของเขาก็เลยตั้งใจจะหาวิธีทำให้มันเป็นแบบนั้น มันยากกว่าที่เห็นเพราะภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทำในนิวซีแลนด์และไฟก็เป็นแบบอเมริกัน “ไฟคริสต์มาสเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของระบบแสงในฉากภายในบ้านสโมสร” โรบินส์กล่าว “นิวซีแลนด์มีระบบไฟที่แตกต่างจากอเมริกา เราก็เลยเจอกับความท้าทายของการใช้แสงไฟนำเข้าน่ะครับ” สิ่งที่ทำให้เรื่องราวซับซ้อนยิ่งขึ้นไปอีกคือการที่บ้านสโมสรไม่ใช่ฉากเดียวที่ใช้ไฟคริสต์มาส แทบทุกช็อตในภาพยนตร์เรื่องนี้ รวมถึงฉากตามท้องถนนที่ได้รับการตกแต่งเป็นส่วนใหญ่ ประดับประดาไปด้วยไฟคริสต์มาส ซึ่งโรบินส์กล่าวว่ามีมากกว่า 300 เส้นในการถ่ายทำ

 

            “ตอนที่ผมรับงานนี้ มีการสำรวจโลเกชันไว้แล้ว” โรบินส์กล่าว “ผมเคยทำงานในโลเกชันที่เราเลือกใช้สำหรับบ้านสโมสรมาก่อนในอดีต แต่มันต้องได้รับการแปลงโฉมใหม่ทั้งหมด ทีมงานผมต้องใช้ความอุตสาหะอย่างยิ่งยวดภายใต้การสนับสนุนของทีมงานทั้งหมด” ด้วยความที่ไม่มีทีมงานฝ่ายสร้างฉาก ทีมงานของโรบินส์จึงเป็นผู้รับผิดชอบการสร้างบ้านสโมสรของดีเคโอขึ้นมาทั้งหมด “จะต้องมีการสร้างบ้านสโมสรผู้ชายขึ้นมาเป็นฉาก มันเป็นเรื่องเยี่ยมเสมอที่ได้สร้างลุคและความรู้สึกของแบบดีไซน์ขึ้นมาตั้งแต่เริ่มแรกเลยครับ”

 

 

พบกับเรื่องสยองขวัญสุดคลาสสิคที่เกิดขึ้นในช่วงวันหยุดคริสต์มาส เมื่อมีนักฆ่าปรากฏตัวขึ้นในมหาวิทยาลัย แม้ว่าช่วงวันหยุด มหาวิทยาลัยฮอว์ธอร์นจะมีความเงียบสงบ แต่กลุ่มเพื่อนสาวชาวหอมูคัปป้าเอปซิลอนซึ่งประกอบด้วย ไรลีย์ สโตน (อิโมเจน พุทส์ จาก Green Room) มาร์ตี้ สาวนักกีฬา (ลิลี่ โดโนฮิว จาก Jane the Virgin) คริส สาวหัวรั้น (อเลส แซนนอน จาก Charmed) เจสซี่ สาวนักกิน (บริททานีย์ โอเกรดี้ จาก Star) ก็ยังคงอยู่ตกแต่งหอพักเตรียมรับปาร์ตี้ในช่วงคริสต์มาส ในช่วงเวลานั้น ก็มีคนโรคจิตที่ชอบแอบสะกดรอยตามเริ่มไล่ฆ่านักศึกษาสาวในสโมสรนักศึกษาทีละคน เมื่อเริ่มมีคนเสียชีวิตมากขึ้น ไรลีย์และเพื่อน ๆ เริ่มสงสัยผู้ชายใกล้ตัว ไม่ว่าจะเป็น เนท แฟนหนุ่มของมาร์ตี้ (ไซม่อน มีด จาก Same But Different: A True New Zealand Love Story) แลนดอน หนุ่มที่มาชอบไรลีย์ (คาเล็บ อีเบอร์ฮาร์ดส์ จาก Mozart in the Jungle) หรือ ศาสตราจารย์ เกลสัน (แครี เอลเวส) ไม่ว่าใครจะเป็นคนฆ่า เขาควรจะรู้ว่าสาว ๆ กลุ่มนี้จะไม่ตกเป็นเหยื่อของเขาอย่างแน่นอน

 

Black Christmas คริสต์มาสเชือดสยอง เข้าฉาย 19 ธันวาคม ในโรงภาพยนตร์