HIGHLIGHT CONTENT

ใครเป็นใคร? รวมตัวละครสาวแกร่ง! เตรียมปะทะฆาตกรโรคจิตคริสต์มาสปีนี้

  • 1,859
  • 18 ธ.ค. 2019

 

Advance Ticket

ตัวละคร

            สำหรับกระบวนการคัดเลือกนักแสดง โซเฟีย ทาคัลมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนเกี่ยวกับตัวละครของเธอและลักษณะที่เธอจินตนาการพวกเขาบนหน้าจอ “หนึ่งในข้อได้เปรียบของการเป็นทั้งมือเขียนบทและผู้กำกับในหนังเรื่องนี้คือในตอนที่เริ่มถ่ายทำ ฉันก็คุ้นเคยดีกับแรงจูงใจของตัวละครทุกตัวและการที่พวกเขาเป็นใคร ทำให้ในฐานะผู้กำกับ ฉันก็สามารถตอบได้ถ้านักแสดงมีคำถามเกี่ยวกับตัวละครของพวกเขา” ทาคัลกล่าว “นอกจากนั้น ฉันยังคิดด้วยว่าความท้าทายจะเป็นอะไรบ้างในฐานะผู้กำกับระหว่างที่ฉันเขียนบท ฉันก็เลยสามารถตัดสิ่งต่างๆ ออกไปได้ถ้าฉันคิดว่ามันจะทำได้ยากเกินไป และในขณะเดียวกัน มันก็เป็นเรื่องสำคัญสำหรับฉันที่จะต้องหานักแสดงที่เข้าใจสิ่งที่เราพยายามจะทำในระดับที่ลึกซึ้งกว่าเรื่องของพล็อตน่ะค่ะ”

 

ไรลีย์

อิโมเกน พุ้ทส์

Black Christmas

            ไรลีย์ ตัวเอกของเรา เป็นผู้หญิงที่ฉลาด แข็งแกร่งและยืดหยุ่น ถ้ามีพี่น้องคนไหนที่ประสบปัญหาหรือเกิดเรื่องบาดหมางในกลุ่มเพื่อนๆ ล่ะก็ เธอมักจะเป็นคนกลางที่คอยช่วยเหลือทุกคนอย่างนิ่งเงียบ ในตอนที่เราได้พบกับเธอ เธอไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ดีนัก แม้จะไม่ใช่ความผิดของเธอเลยก็ตาม “ไรลีย์เป็นหญิงสาวที่ทุกข์ทรมานจากเรื่องเลวร้ายในอดีต ซึ่งทำให้เธอหลบเข้าไปภายใต้ที่กำบังในตัวเอง” ทาคัลกล่าว “ในการดำเนินเรื่อง เธอสามารถค้นพบความเข้มแข็งในตัวเองและในตัวเพื่อนๆ ในการที่จะสู้กลับได้ค่ะ”

            ทีมผู้สร้างพุ่งเป้าไปที่อิโมเกน พุ้ทส์สำหรับบทนำของภาพยนตร์เรื่องนี้ “ฉันเป็นแฟนผลงานของอิโมเกน พุ้ทส์มาหลายปีแล้วและอยากจะร่วมงานกับเธอมาโดยตลอด” ทาคัลกล่าว “ดังนั้น พอถึงเวลาเลือกนักแสดงสำหรับหนังเรื่องนี้ เธอก็เป็นคนที่ฉันนึกถึงสำหรับบทไรลีย์ทันที อิโมเกนมีความดุดัน แต่เธอก็สามารถเข้าถึงอารมณ์และความเปราะบางของตัวเองได้อย่างน่าทึ่งเหลือเกินด้วย มันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับบทไรลีย์เพราะเธอเป็นคนที่สะกดกั้นความดุดันของตัวเองเอาไว้ และค่อยๆ ปล่อยมันออกมาระหว่างเรื่อง คนที่สามารถเผยแง่มุมทั้งสองด้านนี้ออกมาได้สำคัญสำหรับบทนี้ค่ะ”

            พุ้ทส์ ผู้เป็นที่รู้จักจากการแสดงในภาพยนตร์โดยโฟกัส ฟีเจอร์สเรื่อง That Awkward Moment และ Green Room โดยเอทเวนตี้โฟร์ ตื่นเต้นกับการร่วมงานกับทาคัลไม่แพ้กัน “ฉันอยากเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจ็กต์นี้เพราะการมีส่วนร่วมของโซเฟียค่ะ” พุ้ทส์กล่าว “ฉันเคยได้ดูหนังเรื่อง Gabi on the Roof ที่ฉายที่โรงเรียนในเดือนกรกฎาคม และคิดว่ามันเหลือเชื่อเลย ฉันเป็นแฟนผลงานของเธอตั้งแต่นั้นมา ฉันก็เลยกระโจนเข้าใส่โอกาสในการได้ร่วมงานกับเธอในโปรเจ็กต์นี้ค่ะ”

            อีกสิ่งหนึ่งที่ดึงดูดใจสำหรับเธอคือการที่บทไรลีย์ต้องอาศัยการค้นคว้าข้อมูลในเรื่องตัวละครให้ลึกซึ้ง “เหตุการณ์ในอดีตของไรลีย์เกิดขึ้นในตอนที่เธอเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยใหม่ๆ และผู้ชายที่เป็นตัวการก็โผล่ขึ้นมาในหนังเรื่องนี้ด้วย” พุ้ทส์กล่าว “เธอกลัวการเปิดเผยเรื่องนั้นออกมาเพราะเธอรู้สึกว่าแค่เรื่องเลวร้ายนั้นก็พอแล้ว เธออยากจะใช้ชีวิตของตัวเองต่อไปและไม่อยากให้ชีวิตถูกกำหนดกะเกณฑ์ด้วยเรื่องนั้น เธออยากให้ตัวตนของเธอไปไกลเกินกว่าสถานการณ์ที่เลวร้ายนี้ การที่ไรลีย์เลือกที่จะไม่เปิดเผยเรื่องนี้ในแบบที่เพื่อนๆ เธอทำเป็นการสำรวจการเดินทางของพวกเธอแต่ละคนและการที่พวกเธอรับมือกับความเศร้าเสียใจของพวกเธอ แต่เราก็ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวไรลีย์เมื่อเรื่องราวเดินหน้าไปค่ะ”

            หนึ่งในช่วงเวลาสำคัญที่ความเปลี่ยนแปลงนี้ในตัวไรลีย์ปรากฏชัดเจนคือตอนที่เธอและเพื่อนซี้สามคนได้ร้องเพลงที่เสียดสีเพลงคริสต์มาสคลาสสิกอย่าง “Up on the Housetop” ที่งานแสดงความสามารถของสโมสรชายดีเคโอ “การแสดงที่พวกสาวๆ แสดงในงานปาร์ตี้วันคริสต์มาสเป็นการตอบโต้ธรรมชาติที่น่าขยะแขยงของการล่วงละเมิด การกระทำทารุณและการข่มขู่ทางเพศที่พวกเธอรู้สึกจากพวกหนุ่มๆ ในสโมสร” พุ้ทส์กล่าว “มันเป็นเหมือนการท่องมนต์ของพวกนักรบ และการตอบสนองจากผู้ชมก็เป็นเรื่องน่าแปลกใจและการเฉลิมฉลอง การแสดงของพวกเธอได้รับการยอมรับ ซึ่งเป็นเรื่องที่ให้กำลังใจไรลีย์มากๆ เพราะเธอรู้สึกเหมือนว่าเธอได้พบเสียงของตัวเองอีกครั้งในที่สุด แต่สิ่งที่ไรลีย์ไม่รู้ก็คือ การแสดงของเธอถูกบันทึกเอาไว้ทางไอโฟน เหมือนกับทุกอย่างในปัจจุบันนี้ และมันก็ก่อให้เกิดปัญหามากมายสำหรับเธอและเพื่อนๆ”

            องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ไรลีย์ประสบปัญหาในการกอบกู้ความเข้มแข็งของตัวเองกลับคืนมาคือความจริงที่ว่า หลังจากเรื่องเลวร้ายที่เกิดจากฝีมือของนักศึกษาชาย กลับไม่มีใครเชื่อเธอ “หนังเรื่องนี้ให้ความสนใจใกล้ชิดกับเรื่องราวทีเราเจอในตอนที่ไม่มีใครเชื่อหรือรับฟังพวกผู้หญิง” พุ้ทส์กล่าว “ฉันคิดว่าเรื่องราวนี้สามารถมองได้ทั้งในสเกลใหญ่ เพราะในเชิงสากลแล้ว เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นทั่วโลก และในสเกลเล็กด้วย โดยโฟกัสเป็นพิเศษไปที่ประสบการณ์ของผู้หญิงในรั้วมหาวิทยาลัย นอกจากนั้น หนังเรื่องนี้ยังตั้งคำถามด้วยว่า ‘คุณอยากจะมีเสียงมั้ย ถ้าอยาก แล้วคุณอยากจะใช้เสียงนั้นรึเปล่า’ น่ะค่ะ”

 

คริส

อลิเซ แชนนอน

Black Christmas

            คริส ที่รับบทโดยอลิเซ แชนนอน นักแสดงหญิงจากซีรีส์ซีดับบลิวเรื่อง Charmed เป็นผู้หญิงหัวดื้อ แน่วแน่และอารมณ์รุนแรงประจำกลุ่ม เธอมีความคิดเห็นที่ชัดเจนมากๆ ซึ่งเธอทำให้คนสนใจด้วยการพูดมันออกมา เธอจะเป็นคนแรกที่จะแก้ไขเวลาที่มีคนพูดว่า ‘เด็กสาว’ เพื่อทำให้แน่ใจว่าพวกเขาพูดคำว่า ‘ผู้หญิง’ แทน แม้ว่าเธอจะมีความปรารถนาดี แต่บางครั้ง วิธีของเธออาจจะเป็นอุปสรรคสำหรับเธอก็ได้ “คริสเป็นเฟมินิสต์ที่มีปากมีเสียง ผู้ต่อสู้กับอำนาจของผู้ชายในชีวิตประจำวัน” ทาคัลกล่าว “นอกจากนั้น เธอยังผลักดันให้เพื่อนๆ ทุกคนของเธอโตขึ้นและเป็นตัวเองที่ดีที่สุด บางครั้ง เธออาจจะจู้จี้นิดๆ ในความพยายามจะทำให้คนอื่นสู้ยิบตาเหมือนกับที่เธอสู้ แต่เธอก็มีความปรารถนาดีอย่างแน่นอนค่ะ”

            แชนนอนตื่นเต้นที่ได้รับบทนี้ “คริสเป็นคนที่ไม่ถนอมคำพูดค่ะ” แชนนอนกล่าว “เธอจะพูดในสิ่งที่คนอื่นๆ กลัวที่จะพูดออกมา เธอเป็นคนพูดจาตรงๆ ค่ะ เธอไม่อดทนกับการกระทำทารุณในรูปแบบไหนเลย มันเจ๋งดีที่ได้เห็นตัวละครผู้หญิงที่ไม่กลัวการพูดความรู้สึกของตัวเองออกมา ไม่ว่ามันจะออกมาในลักษณะไหนก็เถอะค่ะ”

            ในตอนที่เราได้พบกับคริส เธอกำลังเรียกร้องให้ศาสตราจารย์ผู้สอนวิชาวรรณคดีคลาสสิก เกลสัน ถูกไล่ออกจากการสอนเพียงแต่หนังสือโดย “ชายชราผิวขาว” “คริสมีปัญหากับวิธีการสอนของศาสตราจารย์เกลสันค่ะ” แชนนอนกล่าว “เขาสอนผ่านทางมุมมองของความรังเกียจผู้หญิงและเธอก็เขียนคำร้องให้กำจัดเขาและหลักสูตรของเขาออกจากมหาวิทยาลัยค่ะ”

            แชนนอนกระตือรือร้นกับการได้เป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์ที่มีข้อคิดสำคัญที่ชัดเจน “หนึ่งในสิ่งที่มีเสน่ห์ที่สุดเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้สำหรับฉันคือการที่ผู้หญิงพวกนี้ตอบโต้กลับ” แชนนอนกล่าว “พวกเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่รอคอยความช่วยเหลือ พวกเธอมีสติปัญญา มีสิ่งที่พวกเธอสนใจและมีเอกลักษณ์ การที่ผู้หญิงตอบโต้กลับเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเป็นเรื่องน่าแปลกใจที่ได้เห็นในหนังสยองขวัญหรือหนังแนวไหนๆ ก็ตามนะคะ”

 

มาร์ตี้

ลิลลี โดโนฮิว

Black Christmas

            มาร์ตี้เป็นนักกีฬาผู้ทะเยอทะยาน แต่ก็ควบคุมตัวเองได้ประจำกลุ่ม เธอรับบทโดยลิลลี โดโนฮิวแห่งซีรีส์ซีดับบลิวเรื่อง Jane the Virgin ในบรรดาผู้หญิงในกลุ่ม มาร์ตี้เป็นคนที่สนิทกับไรลีย์มากที่สุด “มาร์ตี้เป็นคนที่เห็นอกเห็นใจคนอื่นและมีความอยากจะปกป้องคนอื่น โดยเฉพาะกับไรลีย์” โดโนฮิวกล่าว “มาร์ตี้มองเห็นได้ว่าไรลีย์ใช้ชีวิตในโลกใบนี้ราวกับพร้อมรอยแผลเปิดและยอมรับว่าเธอเคยอยู่ในสถานการณ์ที่เธอไม่สามารถควบคุมได้ ดังนั้น มาร์ตี้ก็เลยทำให้แน่ใจอยู่เสมอว่าไรลีย์จะโอเค บางครั้ง มาร์ตี้ก็ซ้อมมือกับคริสบ้าง แต่การประมือกันของพวกเธอก็ให้ความรู้สึกแบบครอบครัว และมันก็แสดงให้เห็นว่าพวกเธอสนิทกันแค่ไหน ท้ายที่สุดแล้ว มาร์ตี้ก็เต็มใจทำทุกอย่างเพื่อเพื่อนรักของเธอ” ทาคัลกล่าวสอดคล้องไปกับความคิดของโดโนฮิวที่มีต่อความมั่นคงของมาร์ตี้ “มาร์ตี้เป็นคนที่มีเหตุผลของกลุ่มค่ะ” ทาคัลกล่าว “เธอชื่นชอบการได้ฟังเหตุผลของทั้งสองข้าง เธอพยายามสุดๆ ที่จะทำตัวยุติธรรม เป็นกลาง แต่ระหว่างการดำเนินเรื่อง เธอก็ตระหนักได้ว่าบางครั้ง ทั้งสองข้างก็ไม่ได้ถูกต้องไปซะทั้งหมดเสมอไป”

            ไม่เพียงแต่เธอจะเป็นนักกีฬาเท่านั้น แต่มาร์ตี้ก็เหมือนเพื่อนๆ ที่ไม่ยอมจำนนในตอนที่เธอและเพื่อนๆ ของเธอเผชิญหน้ากับฆาตกร ที่ทีมงานและนักแสดงเรียกกันว่า หน้ากากดำ เพราะการอำพรางโฉมของเขา ในบ้านของพวกเธอ โดโนฮิวชื่นชมความเข้มแข็งและปณิธานแน่วแน่ของมาร์ตี้ “ในตอนหนึ่ง มาร์ตี้ได้รับบาดเจ็บ แต่แทนที่จะซ่อนตัว เธอก็ยังคงพยายามและต่อสู้ร่วมกับเพื่อนๆ ของเธอ” โดโนฮิวกล่าว “เธอไม่ยอมให้พวกเธอเผชิญหน้ากับหน้ากากดำโดยไม่มีเธอ ไม่ว่าเธอจะได้รับบาดเจ็บสาหัสแค่ไหนก็ตาม”

            มาร์ตี้มีความสัมพันธ์กับเนทและเธอก็เป็นผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจในความสัมพันธ์ของพวกเขา พวกเขาต่างก็เป็นรักแรกของกันและกัน และเริ่มเดทกันตั้งแต่ตอนเข้ามหาวิทยาลัยใหม่ๆ “เนทวนเวียนอยู่รอบๆ ตัวมาร์ตี้และเพื่อนๆ ของเธอเสมอค่ะ” โดโนฮิวกล่าว “เขาเป็นแฟนหนุ่มที่อบอุ่นและน่ารักมากๆ พวกเขาเป็นแฟนหมายเลขหนึ่งของกันและกันค่ะ”

            ทาคัลทำงานหนักกับทีมนักแสดงเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับบทของพวกเขา ซึ่งโดโนฮิวก็ชื่นชมอย่างมาก “โซเฟียเป็นหนึ่งในคนที่ฉลาดที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นทำงานมา” โดโนฮิวกล่าว “เธอความรู้สึกไวมากๆ และฉันก็ซาบซึ้งที่เธอยอมให้ฉันเป็นหนึ่งในชิ้นส่วนปริศนาของเธอ ก่อนที่เราจะเริ่มต้นถ่ายทำ เราก็ได้ทำการยืดเส้นยืดสายด้านการแสดงกับเธอนานหลายชั่วโมงเลย และเธอก็ทุ่มเทให้กับเราทุกคนเพื่อให้เรารู้สึกเชื่อมโยงกับตัวละครของเราและกับกันและกัน มันก่อให้เกิดสายสัมพันธ์และความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างการทำงาน ที่ฉันรู้สึกว่าหาได้ยาก มันเป็นเรื่องที่อธิบายลำบาก แต่ฉันรู้สึกโชคดีจริงๆ ที่ได้ทำงานกับผู้หญิงที่ฉลาดแบบนี้ ที่กรุยทางของตัวเองในวงการนี้ได้น่ะค่ะ”

 

เจสซี

บริทนีย์ โอ’ เกรดี้

Black Christmas

            เจสซี สาวน้อยขี้เล่น ร่าเริง มีชีวิตชีวาประจำกลุ่ม รับบทโดย บริทนีย์ โอ’ เกรดี้จากซีรีส์ฟ็อกซ์เรื่อง Star แม้ว่าจะไม่ใช่คนที่ฉลาดที่สุดในกลุ่ม แต่เธอก็เป็นคนจิตใจดี มองโลกในแง่ดีเสมอและคอยให้กำลังเพื่อนๆ ของเธออยู่ตลอด “เจสซีเป็นหญิงสาวที่ร่าเริง สดในและมองโลกในแง่ดีประจำสโมสรค่ะ” โอ’ เกรดี้กล่าว “เธอรักเพื่อนๆ และการสร้างความทรงจำกับพวกเธอ จนกระทั่งพวกเธอเจอกับเรื่องเลวร้าย ฉันไม่เคยรับบทตัวละครที่สนุกแบบเจสซีมาก่อน และฉันก็ตื่นเต้นที่ได้แสดงให้เห็นถึงความเบาสมองและความเห็นแปลกประหลาดของเธอ ฉันชื่นชอบการได้รับบทตัวละครที่เป็นตัวตลกคลายเครียดในบางครั้งน่ะค่ะ”

            เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมแสดงของเธอ โอ’ เกรดี้กล่าวว่า เธอหลงใหลในวิสัยทัศน์ที่โซเฟีย ทาคัลมีต่อผู้หญิงในเรื่อง “โซเฟียทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมในการสร้างเลเยอร์หลายชั้นให้กับผู้หญิงในหนังเรื่องนี้” โอ’ เกรดี้กล่าว “สโมสรสตรีเป็นสิ่งพิเศษเพราะมันเป็นตัวแทนของผู้หญิงที่อยากจะขับเคลื่อนเรื่องของเฟมินิสต์ไปข้างหน้า ผู้หญิงพวกนี้มีหัวคิดก้าวหน้า มีความสามัคคีและไม่ยอมจำนนให้กับอำนาจของผู้ชายค่ะ”

            นอกจากนั้น เธอยังชื่นชมโอกาสที่ทาคัลได้สร้างขึ้นมาให้กับทีมนักแสดงด้วย “โซเฟียไว้ใจในตัวนักแสดงของเธออย่างมาก แต่เธอก็รู้ว่าเธอต้องการอะไร” โอ’ เกรดี้กล่าว “งานเขียนของเธอตรงไปตรงมาและเข้าใจประสบการณ์ของผู้หญิงอย่างดี ฉันคิดว่าเธอใส่ประสบการณ์หลายอย่างของเธอในฐานะผู้หญิงและผู้กำกับลงไปในงานเขียนของเธอด้วยเหมือนกัน ฉันชื่นชมสไตล์ของเธอทั้งในฐานะมือเขียนบทและผู้กำกับค่ะ”

 

ศาสตราจารย์เกลสัน

แครี เอลเวส

Black Christmas

            ศาสตราจารย์เกลสัน อาจารย์ผู้สอนวิชาคลาสสิกมายาวนานที่ฮอว์ธอร์น คอลเลจ รับบทโดยแครี เอลเวส ผู้เป็นที่รู้จักจากบทเวสท์ลีย์ใน The Princess Bride และบทดร.ลอว์เรนซ์ กอร์ดอนในแฟรนไชส์ Saw ศาสตราจารย์เกลสันและพ่อของเขาเป็นศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ และในหลายๆ แง่มุม มหาวิทยาลัยแห่งนี้ก็เป็นชีวิตของเขา “ศาสตราจารย์เกลสันเป็นอาจารย์ที่มีเสน่ห์และได้รับความนิยมในมหาวิทยาลัยแห่งนี้” ทาคัลกล่าว “เขาเป็นส่วนหนึ่งของสโมสรดีเคโอในตอนที่เขาเรียนที่ฮอว์ธอร์น แต่พวกสาวๆ ในเอ็มเคอีรุ่นปัจจุบันมีปัญหากับความจริงที่ว่าเขาสอนแต่ผลงานของผู้ชายผิวขาวและไม่ได้เสนอทางเลือกที่หลากหลายในชั้นเรียนของเขาน่ะค่ะ”

            เอลเวสเล่าถึงรายละเอียดเกี่ยวกับตัวละครของเขาเพิ่มเติม “ศาสตราจารย์เกลสันสอนเรื่องวรรณคดีคลาสสิกด้วยอคติที่โน้มเอียงไปทางแนวคิดที่ว่าความรุ่งโรจน์ของอารยธรรมผู้ชายมีความสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด” เอลเวสกล่าว “สิ่งที่น่าขันก็คือเรามักจะเชื่อมโยงคนที่มีอคติกับความไม่รู้ แต่เขาเป็นคนที่ควรจะเป็นปัญญาชน ผู้เห็นได้ชัดว่าภาคภูมิใจกับอคติของตัวเอง ผมรู้สึกสนใจตัวละครตัวนี้เพราะผมไม่เคยรับบทเป็นคนที่เหมือนกับเขามาก่อน”

            พูดได้ว่าศาสตราจารย์เกลสันทำตัวเป็นทางการเกินไปนิดๆ และมีวิถีปฏิบัติของตัวเอง และเขาก็ไม่พอใจนักกับการที่ผู้หญิงคนหนึ่ง คริส ได้ยื่นคำร้องให้เขาถูกไล่ออก “คริสตั้งเป้าหมายที่จะให้ศาสตราจารย์เกลสันโดนไล่ออกเพราะเขาไม่เพียงแต่จะปฏิเสธที่จะใส่ตัวเลือกที่หลากหลายเข้าไปในหลักสูตรของเขา แต่เขายังโมโหที่เธอตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยซ้ำไป” ทาคัลกล่าว “ศาสตราจารย์เกลสันรู้สึกถูกคุกคามจากคลื่นเฟมินิสต์ลูกใหม่ที่ดูเหมือนจะเข้าครอบงำฮอว์ธอร์น คอลเลจและโลกในปี 2019 ค่ะ”

            ศาสตราจารย์เกลสันมีความหลังที่ฝังรากลึกภายในสโมสรดีเคโอ บางที อาจจะถึงขั้นสุดโต่งด้วยซ้ำไป “ความเข้าใจของผมเกี่ยวกับพวกสโมสรผู้ชายคือพวกเขาจะลึกลับ และมีประวัติเก่าแก่มากมาย” เอลเวสกล่าว “เราได้สำรวจธีมนั้นในหนัง แต่ก็ยกระดับมันขึ้นไปอีก การสาบานตนในหนังเรื่องนี้ถูกห้อมล้อมไปด้วยความลับ ซึ่งผมคิดว่าช่วยทำให้เกิดความรู้สึกลุ้นระทึกมากยิ่งขึ้นไปอีก ด้วยความที่เกลสันมีความผูกพันกับสโมสรผู้ชายผ่านทางครอบครัวของเขา เขาก็เลยจริงจังกับมันมากๆ”

            เอลเวสถูกดึงดูดเข้าหาโปรเจ็กต์นี้ทั้งด้วยข้อคิดของมันและโอกาสในการได้เป็นส่วนหนึ่งของการนำเสนอข้อคิดดังกล่าวสู่โลกใบนี้ “หนึ่งในเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้ผมสนใจโปรเจ็กต์นี้คือความเห็นเชิงสังคมที่มันมีต่อการเคลื่อนไหวเรื่อง ‘ฉันก็ด้วย’” เอลเวสกล่าว “มันเหลือเชื่อที่เราเพิ่งมาตระหนักถึงความจริงที่ว่าผู้หญิงจะต้องทนรับกับสังคมที่ผู้ชายเป็นใหญ่ ที่มีความอยุติธรรมใหญ่หลวงตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมสนใจที่ทีมผู้สร้างตัดสินใจนำเสนอธีมนี้ในแบบที่ตระการตาแบบนี้น่ะครับ”

            นอกจากนี้ เขายังตื่นเต้นที่ทาคัลรับหน้าที่ผู้กำกับด้วย “เป็นเรื่องแปลกที่ผู้กำกับหญิงมากำกับหนังสยองขวัญและมันก็เป็นเรื่องน่าเศร้าที่มันเป็นเรื่องแปลก” เอลเวสกล่าว “แต่ในขณะเดียวกัน มันก็เป็นเรื่องดีที่ในที่สุดฮอลลีวูดก็ตระหนักเสียทีว่าผู้หญิงสามารถดึงดูดผู้ชมสำหรับแนวหนังที่ปกติมักมีแต่ผู้ชาย ผมคิดว่าเรื่องราวนี้ต้องการมุมมองของผู้หญิงและโซเฟียก็มีความคิดที่เฉพาะเจาะจงมากๆ เกี่ยวกับธีมที่เธออยากจะสำรวจ เธอมีวิสัยทัศน์ที่โดดเด่นและผมก็ตื่นเต้นที่ได้ช่วยเธอเติมเต็มวิสัยทัศน์นั้นครับ”

 

แลนดอน

คาเล็บ อีเบอร์ฮาร์ดท์

black christmas

แลนดอนรับบทโดยคาเล็บ อีเบอร์ฮาร์ดท์ ผู้มีผลงานเพลงภายใต้นามแฝง โรสฮาร์ดท์ และได้แสดงบทสมทบใน The Post และซีรีส์อเมซอนเรื่อง Mozart in the Jungle แลนดอนเป็นนักศึกษาที่น่ารัก เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ผู้แนะนำตัวเองกับไรลีย์ตั้งแต่เริ่มต้นเรื่อง หลังจากที่สนใจเธอมาได้ซักพักแล้ว เขาเป็นผู้ชายที่จริงใจ ชอบปล่อยมุข และไม่ยุ่งกับพวกโซเชียล มีเดีย แต่ไรลีย์ระแวงเขาเพราะอดีตที่ผ่านมาของเธอกับผู้ชาย แลนดอนสัมผัสได้ถึงเกราะของไรลีย์ แต่เขาก็ไม่รู้ว่ามันเกิดจากอะไรและจะทำยังไงกับมันได้ “แลนดอนเป็นตัวแทนของความเป็นผู้ชายแบบใหม่และตัวละครของเขาก็มีบทบาทสำคัญในการแสดงให้เห็นว่ามีผู้ชายที่อยากจะช่วยเหลือผู้หญิงอยู่” ทาคัลกล่าว “เขาเข้ใจผู้หญิงและเปิดกว้างต่อสังคมที่ทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกัน แลนดอนถ่ายทอดเสน่ห์และความน่าขบขันของการเป็นชายหนุ่มผู้พยายามจะประคับประคองความสัมพันธ์ในปี 2019 เขาเป็นเหมือนอากาศสดชื่น ซึ่งตรงข้ามกับพวกหนุ่มๆ ในสโมสร” อีเบอร์ฮาร์ดท์เห็นด้วย “แลนดอนเป็นคนที่เอื้อเฟื้อและใจดีมากๆ จนบางครั้งแทบจะมากเกินไป” อีเบอร์ฮาร์ดท์กล่าว “แต่โดยรวมแล้วเขาก็เป็นคนดีไปซะหมดทุกด้านน่ะครับ”

ในขณะที่แลนดอนศึกษาด้านการแพทย์ในมหาวิทยาลัย เขาก็ยังทำงานกับอุปกรณ์เครื่องเสียงในแผนกโสตฯ สำหรับงานปาร์ตี้ทั่วมหาวิทยาลัยเป็นงานเสริม เขาบังเอิญได้ทำงานในงานปาร์ตี้ของสโมสรดีเคโอที่ไรลีย์และเพื่อนๆ ของเธอขึ้นแสดงและเขาก็พบว่าการแสดงครั้งนี้น่าขบขันทีเดียว “แลนดอนตื่นเต้นกับการแสดงครั้งนี้จริงๆ” อีเบอร์ฮาร์ดท์กล่าว “เขาคิดว่าพวกผู้ชายสมควรเจอแบบนี้แล้วและพวกเขาก็จำเป็นต้องได้ฟังคำวิพากษ์วิจารณ์พวกนั้นบ้าง นอกจากนั้น เขายังประทับใจกับความกล้าหาญที่ทำให้พวกผู้หญิงขึ้นไปแสดงบนเวทีได้ พวกผู้ชายมีการตอบสนองที่แตกต่างกันต่อการแสดงของพวกเธอและแน่นอนว่าแลนดอนอยู่ฝั่งสนับสนุนครับ”

อีเบอร์ฮาร์ดท์ ผู้ใช้เวลาว่างส่วนใหญ่ในกองถ่ายไปกับการแต่งเพลงในเทรลเลอร์ของตัวเอง พูดถึงความชื่นชอบที่เขามีต่อวิสัยทัศน์ของทาคัลและข้อคิดของภาพยนตร์เรื่องนี้เหมือนกับเพื่อนร่วมแสดงของเขาว่า “นี่เป็นเรื่องราวที่ควรจะถูกบอกเล่าออกมาโดยผู้หญิงจริงๆ ครับ” อีเบอร์ฮาร์ดท์กล่าว “มันมีศูนย์กลางอยู่ที่ประสบการณ์ของผู้หญิง และการที่โซเฟียทั้งกำกับและร่วมเขียนบทกับเอพริล วูลฟ์ก็ทำให้แน่ใจว่า เราจะได้เสียงและวิสัยทัศน์ที่เหมาะสมในการทำให้หนังเรื่องนี้ถูกทำนองคลองธรรมที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ในสภาวการณ์ปัจจุบัน เป็นเรื่องสำคัญที่หนังจะต้องรับมือกับประเด็นที่เป็นจริงและ Black Christmas ก็พูดถึงการกระทำผิดต่อผู้หญิง และทำมันออกมาในแบบที่สมจริงด้วย คนควรจะดูหนังเรสื่องนี้ด้วยสายตาที่เรียนรู้ครับ”

 

 

เนท

ไซมอน มี้ด

Black Christmas

            เนท ที่รับบทโดยไซมอน มี้ดจาก Same But Different: A True New Zealand Love Story รับบทแฟนหนุ่มผู้เอาใจใส่และช่างคิดของมาร์ตี้ เนทใจดีกับมาร์ตี้และเพื่อนๆ ของเธออย่างมาก แต่ก็เกือบจะมากเกินไปด้วยซ้ำ มาร์ตี้อาจจะทำตัวหยาบคายกับเขาไปบ้าง แต่เขาก็ดูเหมือนจะไม่แคร์ จริงๆ แล้ว เขาดูเหมือนจะพอใจกับการมีอำนาจรองจากมาร์ตี้ทีเดียว “เนทไม่ได้เป็นหนุ่มมหาวิทยาลัยตามแบบฉบับ และเขาก็พบว่าตัวเองสบายใจกว่าเวลาอยู่ใกล้เพื่อนๆ ของมาร์ตี้และความคิดเห็นและค่านิยมของพวกเขาครับ” มี้ดกล่าว “เขาเป็นคนที่เป็นมิตร ไว้ใจคนง่าย และเข้ากับคนอื่นได้ง่าย หลายๆ บทที่ผมเคยเล่นมาในอดีตเป็นพวกคนเลวทั้งนั้น ผมก็เลยรู้สึกดีที่ได้แสดงให้เห็นอีกแง่มุมหนึ่งในบทนี้ครับ”

            อย่างไรก็ดี เนทไม่ใช่บทเดียวที่มี้ดต้องการในภาพยนตร์เรื่องนี้ “ตอนแรก ผมออดิชันสำหรับบทไบรอัน ที่เป็นหนึ่งในตัวร้ายของเรื่อง แต่ตอนที่ผมได้รับโทรศัพท์เรียกตัว ผมก็ได้อ่านบทสำหรับฟิล ตัวร้ายอีกตัวหนึ่ง แล้วท้ายที่สุด ผมก็ได้อ่านบทสำหรับเนทครับ” มี้ดกล่าว “ผมตื่นเต้นตอนที่รู้ว่าผมได้บทเนทเพราะผมไม่เคยรับบทตัวละครแบบนั้นมาก่อนและการผจญภัยที่เขาเจอมาก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจให้ผมได้ล้วงลึกเข้าไปในหนังแนวนี้น่ะครับ”

            แม้ว่าเนทจะเป็นแฟนหนุ่มที่น่ารักและอ่อนไหวของมาร์ตี้ แต่ตัวละครของเขาก็ผ่านความเปลี่ยนแปลงในภาพยนตร์เรื่องนี้ในแบบที่มาร์ตี้และเพื่อนๆ เธอไม่เคยคิดฝันมาก่อน “เนทเริ่มแสดงพฤติกรรมแปลกๆ” มี้ดกล่าว “เขาเผลอระบายอารมณ์กับมาร์ตี้นิดๆ และสิ่งต่างๆ ก็ดิ่งลงเหวลงจากตรงนั้นครับ”

            มี้ดยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโปรเจ็กต์ที่มีมุมมองที่สมจริงต่อสิ่งที่พวกผู้หญิงต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน “ผู้ชายหลายคนไม่เข้าใจถึงอันตรายที่พวกผู้หญิงมักรู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน โดยเฉพาะเมื่อพวกเธออยู่ตามลำพัง” มี้ดกล่าว “หนังเรื่องนี้พูดถึงประเด็นนั้นและหวังว่ามันจะทำให้เกิดการพูดคุยถึงเรื่องนั้น หนังเรื่องนี้มีเรื่องสยองขวัญเยอะแยะ มีการตายน่าขยะแขยงหลายครั้ง และมีกลุ่มหญิงแกร่งที่ต่อสู้กับไอเดียนี้น่ะครับ”

 

Black Christmas

 

พบกับเรื่องสยองขวัญสุดคลาสสิคที่เกิดขึ้นในช่วงวันหยุดคริสต์มาส เมื่อมีนักฆ่าปรากฏตัวขึ้นในมหาวิทยาลัย แม้ว่าช่วงวันหยุด มหาวิทยาลัยฮอว์ธอร์นจะมีความเงียบสงบ แต่กลุ่มเพื่อนสาวชาวหอมูคัปป้าเอปซิลอนซึ่งประกอบด้วย ไรลีย์ สโตน (อิโมเจน พุทส์ จาก Green Room) มาร์ตี้ สาวนักกีฬา (ลิลี่ โดโนฮิว จาก Jane the Virgin) คริส สาวหัวรั้น (อเลส แซนนอน จาก Charmed) เจสซี่ สาวนักกิน (บริททานีย์ โอเกรดี้ จาก Star) ก็ยังคงอยู่ตกแต่งหอพักเตรียมรับปาร์ตี้ในช่วงคริสต์มาส ในช่วงเวลานั้น ก็มีคนโรคจิตที่ชอบแอบสะกดรอยตามเริ่มไล่ฆ่านักศึกษาสาวในสโมสรนักศึกษาทีละคน เมื่อเริ่มมีคนเสียชีวิตมากขึ้น ไรลีย์และเพื่อน ๆ เริ่มสงสัยผู้ชายใกล้ตัว ไม่ว่าจะเป็น เนท แฟนหนุ่มของมาร์ตี้ (ไซม่อน มีด จาก Same But Different: A True New Zealand Love Story) แลนดอน หนุ่มที่มาชอบไรลีย์ (คาเล็บ อีเบอร์ฮาร์ดส์ จาก Mozart in the Jungle) หรือ ศาสตราจารย์ เกลสัน (แครี เอลเวส) ไม่ว่าใครจะเป็นคนฆ่า เขาควรจะรู้ว่าสาว ๆ กลุ่มนี้จะไม่ตกเป็นเหยื่อของเขาอย่างแน่นอน

 

Black Christmas คริสต์มาสเชือดสยอง เข้าฉาย 19 ธันวาคม ในโรงภาพยนตร์

Black Christmas