HIGHLIGHT CONTENT

"BROKEN CITY เมืองคนล้มยักษ์" 18 เมษายนนี้เฉพาะโรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ ซินีเพล็กซ์

  • 11,910
  • 17 เม.ย. 2013

 BROKEN CITY เมืองคนล้มยักษ์

จัดจำหน่ายโดย เอ็ม พิคเจอร์ส
ชื่อภาษาไทย เมืองคนล้มยักษ์
ภาพยนตร์แนว ทริลเลอร์
จากประเทศ สหรัฐอเมริกา
กำหนดฉาย

18 เมษายน 56

ณ โรงภาพยนตร์ โรงภาพยนตร์เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์
ผู้กำกับ Allen Hughes (อัลเลน ฮิวจ์)   
อำนวยการสร้าง

Randall Emmett  (แรนดัลล์ เอ็มเม็ตต์) Mark Wahlberg (มาร์ค วอห์ลเบิร์ก) Remington Chase (เรมิงตั้น เชส)

นักแสดง

Mark Wahlberg (มาร์ค วอห์ลเบิร์ก)  รับบท Billy Taggart (บิลลี่ แท็กการ์ท) จากภาพยนตร์เรื่อง Ted , The Fighter , Date Night , Shooter , The Departed Russell Crowe (รัสเซล โครว์)  รับบท Mayor Hostetler  (นายกเทศมนตรี) จากภาพยนตร์เรื่อง Les Misérables , Body of Lies , American Gangster Catherine Zeta-Jones (แคทเธอรีน ซีต้า-โจนส์) รับบทCathleen Hostetler (แคธลีน ฮอสเท็ทเลอร์) จากภาพยนตร์เรื่อง  Side Effects , Playing for Keeps , Ocean's Twelve , Chicago Barry Pepper (แบร์รี่ เป็ปเปอร์)  รับบท Jack Valliant (แจ็ค วาเลียนท์) จากภาพยนตร์เรื่อง Snitch  , Saving Private Ryan , Enemy of the State , Casino Jack Natalie Martinez  (นาตาลี มาร์ติเนซ) รับบท  Natalie Barrow (นาตาลี แบร์โรว์) จากภาพยนตร์เรื่อง End of Watch , The Baytown Outlaws , CSI: NY

ลิงค์ภาพยนตร์ตัวอย่าง http://www.youtube.com/watch?v=iVDUTdQ_luo เรื่องย่อ

ปีหลังจากที่ถูกกดดันให้ออกจากกรมตำรวจหลังเขาเข้าไปพัวพันกับคดีวิสามัญคนร้ายที่ไม่มีอาวุธ บิลลี่ แท็กการ์ท (มาร์ค วอห์ลเบิร์ก) ผันตัวเองมาเป็นนักสืบเอกชนและคดีล่าสุดเขาถูกว่าจ้างโดย นายกเทศมนตรี ฮอสเททเลอร์ (รัสเซล โครว์) ซึ่งก็เคยเป็นตำรวจมาก่อนและมีเครือข่ายพอสมควรกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งยังเคยช่วยบิลลี่ไม่ให้ติดคุกด้วย เขามอบหมายให้บิลลี่สะกดรอยภรรยาซึ่งถูกสงสัยว่ากำลังขายความลับของเขาให้กับฝั่งตรงข้ามและยังอาจมีสัมพันธ์ชู้สาวกับหัวหน้าทีมหาเสียงเลือกตั้งของคู่แข่ง ความยุ่งยากเพิ่มขึ้นเมื่อชู้รักคนนั้นเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดมาก่อน บิลลี่เริ่มสงสัยในพฤติกรรมของนายกเทศมนตรี ทั้งยังได้ข้อมูลจากสายของเขาก่อนจะพบว่าตัวเองเป็นแค่เพียงเบี้ยตัวหนึ่งในเกมซึ่งใหญ่กว่าเกี่ยวข้องทั้งภาคอาชญากรรม การเมืองและธุรกิจผิดกฏหมาย ที่กำลังแก่งแย่งขั้วอำนาจกันระหว่างรอผลลงคะแนนเสียงว่าใครจะได้เก้าอี้นายกสมัยต่อไป

ที่มาของภาพยนตร์ Broken City

 ในเมืองเสื่อมโทรมที่อุดมไปด้วยความอยุติธรรม อดีตตำรวจ บิลลี่ แท็กการ์ท ( รับบทโดย มาร์ค วอห์ลเบิร์ก) กำลังค้นหาหนทางไถ่บาป และการล้างแค้น หลังจากที่ถูกหักหลังจากนายกเทศมนตรี (รัสเซล โครว์) ผู้ทรงอิทธิพลสูงสุดในเมือง การไขว่คว้าหาความยุติ    ธรรมอย่างไม่ลดละของบิลลี่ ที่เทียบเท่าได้กับความกร้านโลกของเขา ทำให้เขากลายเป็นผู้ที่ยากจะมีคนหยุดยั้งและกลายเป็นฝันร้ายของท่านนายกเทศมนตรีไป

บิลลี่ แท็กการ์ท พระเอกจาก BROKEN CITY เป็นหนึ่งในบทบาทที่เข้มข้นที่สุดของมาร์ค วอห์ลเบิร์ก นักแสดงผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงออสการ์เล่าว่า...

“...บทหนังเรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงพวกทริลเลอร์อาชญากรรมที่ชาญฉลาดและเน้นตัวละครที่ผมเคยดูและชื่นชอบในสมัยเด็กๆ บิลลี่เป็นอดีตนายตำรวจในนิวยอร์ก ซิตี้ ผู้ซึ่งรักงานของเขา และทำงานได้ดีซะด้วย จนกระทั่งเขาล้ำเส้นไประหว่างการสืบสวนคดีฆาตกรรม ตอนนี้เขากลายเป็นนักสืบเอกชนที่เงินชักหน้าไม่ถึงหลัง แล้วอยู่ๆนายกเทศมนตรีก็ยื่นข้อเสนอโอกาสให้เขาได้กลับไปรับราชการตำรวจอีกครั้งเพราะนายกเทศมนตรีคิดว่าภรรยาเขากำลังนอกใจและเขาก็กังวลว่ามันจะไปส่งผลต่อโอกาสในการได้รับเลือกตั้งให้กลับมารับตำแหน่งอีกครั้ง ขณะที่บิลลี่เริ่มสืบสวนเขาก็ตระหนักว่า คดีนี้มีเงื่อนงำมากกว่าเรื่องของการนอกใจ และตอนนั้นเองที่สงครามระหว่างนายกเทศมนตรีและบิลลี่ปะทุขึ้น สงครามนี้เองที่นำไปสู่การไถ่บาปของบิลลี่…” มาร์ก กล่าว.

รัสเซล โครว์ ผู้รับบทนายกเทศมนตรี ตัวละครที่สะท้อนถึงส่วนผสมที่ทรงพลังของเสน่ห์และความน่าหวาดสะพรึง...

“...เรื่องราวนี้และลักษณะที่คนพูดคุยกันมันมีความโดดเด่นบางอย่าง ผมต้องการจะได้รับผลกระทบทางกายภาพจากโปรเจ็กต์ที่ผมพิจารณา และผมก็จะเกิดขนลุกและเริ่มตัดสินใจแทนนายกเทศมนตรีทันทีระหว่างอ่านบท BROKEN CITY มันเป็นเรื่องราวที่เป็นผู้ใหญ่จริงๆ ครับ...”

แคทเธอรีน ซีต้า-โจนส์ ผู้รับบท แคธลีน ภรรยาของนายกเทศมนตรี กล่าวว่า...

“...หนังเรื่องนี้เคารพสติปัญญาของผู้ชมจริงๆ ค่ะ  มีไดอะล็อคที่เฉียบคมของมันเป็นเหมือนรถไฟหัวกระสุนที่โฉบผ่านหนังเรื่องนี้เลยล่ะ...”

เจฟฟรีย์ ไรท์ ผู้รับบทผู้บัญชาการแฟร์แบงค์ ผู้ซึ่งความเคลือบแคลงในตัวบิลลีจะเปลี่ยนแปลงไปในตอนท้ายการเดินทางของเขากล่าวว่า...

“...ผมมอง BROKEN CITY ว่าเป็นเหมือนเรื่องราวของฮัมฟรีย์ โบการ์ทแบบร่วมสมัย ที่มีพื้นหลังเป็นการทรยศหักหลังและปริศนา ที่ทุกคนจะมีความทะเยอทะยานในทางใดทางหนึ่ง...”

บทภาพยนตร์ที่กระชับของไบรอัน ทัคเกอร์มีประวัติที่น่าประทับใจ โดยมันติดหนึ่งในแบล็ค ลิสต์ ซึ่งเป็นลิสต์รวบรวมบทภาพยนตร์ที่ดีที่สุด ที่ยังไม่มีการนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ของวงการ “มันมีแอ็คชั่นเยี่ยมๆ มีฉากหักมุม มีการเล่าเรื่องที่ตื่นเต้น แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือตัวละครของเรื่องครับ” ผู้กำกับอัลเลน ฮิวจ์อธิบาย “บิลลี่ แท็กการ์ทได้กระโจนออกจากหน้ากระดาษในฐานะตัวละครที่ท้าทายและสลับซับซ้อนครับ”

BROKEN CITY สมกับเป็นผลงานที่น่าประทับใจจากฮิวจ์ เขาและอัลเบิร์ต น้องชายของเขา ที่เป็นที่รู้จักในนามพี่น้องตระกูลฮิวจ์ โด่งดังจากภาพยนตร์ดิบเถื่อน ที่ไม่บันยะบันยังของพวกเขา ที่นำตัวละครไปอยู่ในสถานการณ์ที่ท้าทายหรือเป็นไปไม่ได้ ผลงานภาพยนตร์ของพวกเขาได้แก่ MENACE II SOCIETY, DEAD PRESIDENTS และ FROM HELL อัลเลน ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากบทภาพยนตร์ของไบรอัน ทัคเกอร์ กระตือรือร้นกับการทำงานใน BROKEN CITY เป็นโปรเจ็กต์ต่อไป “ท้ายที่สุดแล้ว BROKEN CITY ก็เป็นเรื่องราวการไถ่บาป” เขาบอก “บิลลี่จะทำทุกอย่างเพื่อไขว่ความความยุติธรรมสำหรับสิ่งที่ตามหลอนเขามานานครับ”

ฮิวจ์ยิ่งกว่าแปลกใจเมื่อผู้สร้างตัวละครที่ทรงพลังและซับซ้อนพวกนั้นแตกต่างจากที่เขาคาดคิดเอาไว้อย่างมาก “ผมอึ้งไปเลยในตอนที่ไบรอัน ชายหนุ่มผอมกระหร่องวัย 25 ปีเดินเข้ามาในมีตติ้งของเรา ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ชายหนุ่มคนนี้ ที่ดูยังไม่ 19 ปีด้วยซ้ำ    ได้เขียนเรื่องราวที่ซับซ้อน น่าสนใจและมีหลายเลเยอร์ได้ขนาดนี้”

ผู้อำนวยการสร้างแรนดัลล์ เอ็มเม็ตต์เองก็ชื่นชอบเรื่องราวนี้และตัวละครเหล่านี้เหมือนๆ กับทีมนักแสดงและฮิวจ์เอง “ผมชื่นชอบหนังเกี่ยวกับคนขี้แพ้ทียืนหยัดต่อสู้กับระบบมาโดยตลอด” เอ็มเม็ตต์ ผู้เป็นหุ้นส่วนกับจอร์จ เฟอร์ลา (หนึ่งในผู้ควบคุมงานสร้างของ BROKEN CITY) ในบริษัทโปรดักชัน เอ็มเม็ตต์/เฟอร์ลา ฟิล์มส์ กล่าว “ผมตื่นเต้นจริงๆ กับความจริงที่ว่าคุณไม่มีทางรู้หรอกว่าเรื่องราวจะเดินไปทางไหน”

ฮิวจ์ยอมรับว่าตอนที่เขาอ่านบท เขามองเห็นมาร์ค วอห์ลเบิร์กในบทบิลลี่ทันที “ผมก็เลยไปหามาร์ค แล้วนั่งคุยกัน ก่อนที่เราจะเริ่มต้นงานสร้าง BROKEN CITY ขึ้นมาครับ” ผู้กำกับกล่าว

“อัลเลนส่งบทมาให้ผมบอกว่า ‘ผมมองเห็นคุณในบทนี้ คุณอยากจะร่วมสร้างหนังเรื่องนี้ด้วยกันไหม” วอห์ลเบิร์กเล่า ยิ่งไปกว่านั้นวอห์ลเบิร์กยังรู้สึกถึงความผูกพันกับตัวละครและเนื้อหาเรื่องนี้ จนเขาเข้ารับหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างด้วยและเขาก็ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับฮิวจ์เพื่อสร้างโปรเจ็กต์นี้ขึ้นมา

“สิ่งหนึ่งที่ผมชื่นชอบเกี่ยวกับการแสดงของมาร์คคือเขาถ่ายทอดถึงจิตวิญญาณที่แท้จริงของคนขี้แพ้ครับ” ฮิวจ์ยอมรับ “มันมีคุณสมบัติที่น่ารักในตัวเขา และเมื่อเขายิ้ม มันก็ทำให้ทั้งห้องสว่างไสว มาร์คไม่เคยแสดงอะไรเหมือนบทนี้มาก่อน ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องน่าสนใจสำหรับผมด้วย มาร์คมีพรสวรรค์ในการทำให้ผู้ชมประหลาดใจ และนั่นก็คือสิ่งที่จำเป็นต่อบทบาทของเขาใน BROKEN CITY ครับ”

วอห์ลเบิร์กกล่าว... “ผมชอบที่บิลลี่เป็นคนไม่ประนีประนอมครับ เขาทำทุกอย่างที่จำเป็นต่อการแก้ไขความผิดที่เขาเคยทำไว้เมื่อหลายปีก่อน จากสำนักงานนักสืบเอกชนของเขาที่บรูคลิน ที่ซึ่งเขาเฝ้ามองสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองแห่งนี้และชีวิตที่เขาเคยมี เขาคิดถึงสิ่งเหล่านั้น การสืบสวนคดีของนายกเทศมนตรีไม่เพียงแต่จะทำเงินมหาศาลให้เขาแต่ยังเป็นโอกาสที่เขาจะได้ชีวิตเก่ากลับคืนมาด้วย” แต่อย่างที่บิลลี่จะได้รู้ในเวลาอันรวดเร็ว สำนักนายกเทศมนตรีซ่อนงำแรงจูงใจที่ร้ายกาจกว่านั้น ซึ่งทำให้บิลลี่ต้องเรียกหาความสามารถภายในตัว ที่เขาไม่ได้ใช้ตั้งแต่สมัยเป็นตำรวจ ท้ายที่สุดเขาและนายกเทศมนตรีก็จะเผชิญหน้ากันในสงครามที่จะเป็นการทดสอบบิลลี่ ฮิวจ์รู้ว่าการเผชิญหน้ากันบนหน้าจอระหว่างวอห์ลเบิร์กและโครว์จะต้องน่าตื่นตะลึง ระหว่างการพบกันครั้งแรกระหว่างเขากับโครว์ ฮิวจ์พบว่าโครว์สามารถวางตัวในงานปาร์ตี้ดินเนอร์ได้ยอดเยี่ยมพอๆ กับนักการเมืองหลายสมัย “เขาเป็นนักเล่าเรื่องที่มีเสน่ห์และผมก็แปลกใจที่สุดกับเรื่องนี้เพราะเราไม่ค่อยได้เห็นคุณสมบัตินี้ของรัสเซลครับ”

โครว์ไม่ได้ใช้บุคคลสาธารณะคนไหนเป็นแบบอ้างอิงในการแสดงของเขาเป็นพิเศษ แต่เขาเลือกที่จะศึกษาชีวิตของเจ้าหน้าที่หลายคนในนิวยอร์ก ซิตี้ เขาอธิบายว่า “ผมมองย้อนกลับไปห้าสิบปีที่แล้วและผมก็ดูที่การศึกษาของพวกเขา ว่าพวกเขามาจากไหน และพวกเขามีความเชื่อมโยงกับผู้คนยังไง นายกเทศมนตรีฮอสเท็ทเลอร์ใน BROKEN CITY เป็นส่วนผสมของควีนส์และวอลสตรีท เขาเป็นนักประชานิยมของแท้ ที่มีนิสัยในการใช้ชีวิตแบบชนชั้นสูง ที่เขาเริ่มชื่นชอบและคาดหวัง เราทุกคนต่างก็รู้ดีถึงคำพูดที่ว่า อำนาจเป็นยาพิษ แต่มันน่าสนใจที่ว่าคนที่ทำในสิ่งชั่วร้ายนั้นเชื่อว่ามันเป็นการทำชั่วเพื่อจุดประสงค์ดีน่ะครับ”

โครว์ไม่เพียงแต่นำทักษะที่น่าประทับใจของเขามาสู่บทนี้เท่านั้น แต่เขายังนำบุคลิกที่องอาจของตัวเองมาด้วย “รัสเซลเป็นหนึ่งในนักแสดงที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่มีชีวิตอยู่ และเขาก็มีเสน่ห์มากๆ ครับ” วอห์ลเบิร์กบอก “ในกองถ่าย เขาคือนายกเทศมนตรี เขาทำให้บิลลี่ ตัวละครของเขาหลงเสน่ห์ แต่พอเขาตระหนักได้ว่านายกเทศมนตรีเป็นกังฉิน บิลลี่ก็ต้องคว่ำเขาลงให้ได้ มันไม่มีคู่ปรับคนไหนที่น่ากลัวเท่ารัสเซลอีกแล้วและหนังเรื่องนี้ก็เกี่ยวกับการประจันหน้าของเราสองคนจริงๆ ครับ”

 ตัวกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้งระหว่างบิลลี่และฮอสเท็ทเลอร์คือแคธลีน ภรรยาของบุคคลหลัง ที่รับบทโดยแคทเธอรีน ซีต้า-โจนส์ ความสัมพันธ์ของเธอและสามีของเธอเป็นอะไรที่ซับซ้อน ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับคู่สามีภรรยานักการเมืองในชีวิตจริง “บางครั้ง ภรรยาของนักการเมืองต้องใส่หน้ากากเพื่อปกป้องสามีตัวเองค่ะ” ซีต้า-โจนส์ตั้งข้อสังเกต “สำหรับโลกภายนอก พวกเขาเป็นครอบครัวตัวอย่าง แต่บางครั้ง การขุดคุ้ยก็เผยให้เห็นถึงเรื่องอื้อฉาวและการคอร์รัปชั่น ในการรับบทนี้ ฉันได้ดึงเอาความย้อนแย้งนี้มาใช้ ในตอนที่คุณได้พบกับแคธลีน เธอเป็นอย่างที่ผู้หญิงทุกคนอยากจะเป็นและมีทุกอย่างที่พวกเธออยากจะครอบครอง แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่สะท้อนออกมาเบื้องหลังประตูนั้นเลย ขณะที่ตัวละครพัฒนาขึ้น

คุณจะเห็นได้ว่าทำไมเธอถึงอยากจะหลุดพ้นจากสถานการณ์นี้ แคธลีนรู้มากเกินไป และเธอก็รู้ว่าการทำข้อตกลงและการกระทำของฮอสเท็ทเลอร์จะทำลายชีวิตผู้คนมากมาย ซึ่งรวมถึงชีวิตเธอด้วย”

อีกตัวละครหนึ่งที่เป็นมากกว่าที่เห็นคือผู้บัญชาการแฟร์แบงค์ ผู้ไม่ยอมยกโทษให้กับอดีตที่ผ่านมาของบิลลี่ แต่เริ่มจะเห็นว่าบิลลี่ได้เปลี่ยนแปลงไปในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา หลายครั้งที่แฟร์แบงค์พิสูจน์ว่าสามารถรอดชีวิตในสิ่งแวดล้อมทางการเมืองที่แข็งกระด้างและบางครั้งก็ทารุณได้ ฮิวจ์ได้ทาบทามเจฟฟรีย์ ไรท์ให้มารับบทนี้ “แฟร์แบงค์อาจจะอันตรายพอๆ กับทุกๆ คน เป็นฉลามในหมู่ฉลาม แต่มันมีขอบเขตด้านศีลธรรมบางอย่างที่เขานับถือ” ไรท์อธิบาย “อัลเลน และผมคุยกันว่าเขาลึกลับขนาดไหน และเขาก็เป็นทั้งนักสังเกตและผู้บงการให้เกิดการกระทำนั้นๆ ขึ้นและที่สำคัญที่สุด เขาเป็นผู้รอดชีวิตที่รู้ว่าจะคุ้มครองตัวเองอย่างไรด้วยครับ”

อีกหนึ่งผู้รอดชีวิตคือวุฒิสมาชิก แจ็ค วาเลียนท์ คู่ปรับหน้าใหม่ของนายกเทศมนตรีในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ แบร์รี่ เป็ปเปอร์ เจ้าของรางวัลเอ็มมีจากบทโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี้ในมินิซีรีส์เรื่อง “The Kennedys” รับบทวาเลียนท์ วาเลียนท์กำลังไล่หาหลักฐานที่อาจหมายถึงชัยชนะที่ง่ายดายสำหรรับเขา แต่ไม่นานนักเขาก็พบว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ง่ายดายหากคุณเผชิญหน้ากับนายกเทศมนตรี

นาตาลี มาร์ติเนซ รับบท นาตาลี แฟนสาวของบิลลี ผู้ใฝ่ฝันอยากเป็นนักแสดง ความสัมพันธ์ของพวกเขาถูกสั่นคลอนจากอดีต “นาตาลีมาจากโปรเจ็กต์ที่คุณต้องปกป้องตัวเองและต่อสู้เพื่อจะออกมาให้พ้นๆ ได้” มาร์ติเนซอธิบาย “นาตาลีพยายามทำให้ตัวเองเป็นนักแสดงและกระหายชีวิตนั้น บางครั้ง เธอก็แข็งกร้าวกับบิลลี่ ผู้พยายามหาคุณค่าในสิ่งที่เขาทำและตัวตนของเขาในปัจจุบันค่ะ”

ผู้หญิงอีกคนหนึ่งในชีวิตของบิลลีคือผู้ช่วยสาวไหวพริบดี เคที แบรดชอว์ ผู้ซึ่งเขาสามารถคุยโต้ตอบและสื่อสารแบบทางลัดได้อย่างสบายใจ “เคที่เป็นคนที่ทำให้บิลลีรู้สึกเหมือนอยู่บ้านค่ะ” อโลนา ทัล ผู้รับบทนี้กล่าว “เขาแทบจะผ่อนคลาย เปิดเผยและทำตัวตลกด้วยซ้ำ บุคลิกของบิลลีแตกต่างออกไปในตอนที่เขาอยู่กับเคทค่ะ”

 เกี่ยวกับงานสร้าง

BROKEN CITY ถ่ายทำตามโลเกชั่นในนิวยอร์ก และนิวออร์ลีนส์ เนื่องด้วยปัจจัยด้านการเดินทาง โดยนิวออร์ลีนส์นี้จะถูกใช้แทนนิวยอร์กอีกที “BROKEN CITY เป็นหนังนิวยอร์กตามความรู้สึกแบบคลาสสิกตรงที่ว่าเราถ่ายทำฉากภายนอกส่วนใหญ่ในนิวยอร์กครับ” ฮิวจ์บอก “ทอม ดัฟฟิลด์ ผู้ออกแบบงานสร้างของเรา รักษาความสม่ำเสมอจากนิวยอร์กไปสู่นิวออร์ลีนส์ และความเป็นอันหนึ่ง    อันเดียวนั้นก็เป็นสิ่งน่าทึ่งครับ”

ระหว่างการพูดคุยกันครั้งแรกสำหรับโปรเจ็กต์นี้ ฮิวจ์และดัฟฟิลด์ได้พลิกดูภาพต่างๆ และพูดคุยถึงภาพยนตร์ที่นำเสนอฉากของนิวยอร์ก เพื่อตัดสินใจว่าพวกเขาจะถ่ายทำอะไรในนิวออร์ลีนส์และอะไรที่จะต้องถ่ายทำในนิวยอร์ก “เราต้องการจะโชว์ภาพพาโนราม่าของนิวยอร์กจากอีกฟากฝั่งหนึ่งของแม่น้ำหรือบนหลังคา ที่มองไปเห็นตึกสำคัญๆ ในนิวยอร์กครับ” ดัฟฟิลด์บอก “ในฉากหนึ่งที่ถ่ายทำจากระเบียงเพนท์เฮาส์ของโรงแรมพาเลซตอนกลางคืน (ที่ใช้แทนโรงแรมโฟร์ ซีซันส์) คุณจะได้เห็นทั้งตึกเอ็มไพร์ สเตทและตึกไครส์เลอร์ในช็อตเดียวกัน มันเป็นฉากที่สร้างความรู้สึกนิวยอร์กแบบสมจริงขึ้นมา”

การถ่ายทำเริ่มต้นขึ้นด้วยการถ่ายทำฉากภายนอกทั่วทั้งนิวยอร์ก ซิตี้นานสองสัปดาห์ โบลตัน วิลเลจ สถานที่เกิดอาชญากรรมที่ทำให้บิลลี่ต้องคืนตราตำรวจ และศูนย์กลางเรื่องอื้อฉาวที่แวดล้อมตัวนายกเทศมนตรีฮอสเท็ทเลอร์ ถูกถ่ายทำในและรอบๆ โปรเจ็กต์ที่อยู่อาศัยสาธารณะบริเวณโลเวอร์ อีสต์ ไซด์ในอัลฟาเบ็ท ซิตี้ของนิวยอร์ก ที่เป็นที่รู้จักในชื่อของริส เฮาส์ซิส ย่านวิเนการ์ ฮิลในบรูคลิน ที่พลายเมาธ์และอดัมส์ สตรีทส์ ที่เป็นที่รู้จักในชื่อของ ดัมโบ้ (ดาวน์ อันเดอร์ เดอะ แมนฮัตตัน บริดจ์ โอเวอร์พาส) ได้กลายเป็นถนนเสื่อมโทรม ที่บิลลี่ตั้งสำนักงานนักสืบเอกชนเล็กๆ ด้วยความหวังที่จะได้ตราตำรวจและเกียรติยศของตัวเองกลับคืนมา ย่านนี้นำเสนอมุมมองหลากหลายที่สมบูรณ์แบบสำหรับท้องฟ้าเหนือเขตการเงินของแมนฮัตตั้น ตัวประกอบหลายร้อยคนรวมตัวกันเป็นผู้ประท้วงการคอร์รัปชั่นและความอยุติธรรมของตำรวจ ตรงหน้าศาลระหว่างการไต่สวนของบิลลี่ ซึ่งถ่ายทำบนบันไดของศาลฎีกาที่วัน เซ็นเตอร์ สตรีทของนิวยอร์ก ซิตี้ การแถลงข่าวของสมาชิกสภาวาเลียนท์ ที่ขอความหวังสำหรับชนชั้นแรงงาน ถ่ายที่ศาลทวี้ดที่ 52 เชมเบอร์ส ทีมงานและนักแสดงมักจะพบตัวเองอยู่ท่ามกลางกระแสของผู้คน ระหว่างการถ่ายทำบนท้องถนนใจกลางแมนฮัตตั้น บนเมดิสันและ44thหรือสถานีแกรนด์เซ็นทรัล เพื่อบันทึกภาพวิถีชีวิตที่ทรงอิทธิพลของแคธลีน ภรรยาของนายกเทศมนตรีและผู้ช่วยของเธอ การถ่ายทำในนิวยอร์กยุติลงด้วยฉากที่ถ่ายทำที่รางรถไฟลองไอส์แลนด์ และซีเควนซ์ที่ถ่ายทำที่บ้านมอนท็อค บีช เฮาส์ในนิสเซค็อก, ลองไอส์แลนด์

“มีวิธีการต่างๆ มากมายในการนำเสนอภาพนิวยอร์ก ไม่ว่าจะเป็นดิบเถื่อนแบบ THE FRENCH CONNECTION หรือสวยงามแบบ MANHATTAN” ดัฟฟิลด์อธิบาย “แต่เราจะไปทาง MANHATTAN มากกว่า ด้วยภาพสวยงามเหนือแม่น้ำหรือเหนือสวนพฤกษ์ชาติในย่านบรองซ์ โลเกชันสวยๆ พวกนี้ทำให้นิวยอร์กให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเมืองที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ครับ”

BROKEN CITY เป็นการเต้นรำเข้าจังหวะระหว่างสองขั้วอำนาจ ซึ่งก็คือผู้นำอันตรายของแมนฮัตตั้น (นายกเทศมนตรีฮอสเท็ทเลอร์ ที่รับบทโดยโครว์) และคนนอกคอก (บิลลี่ แท็กการ์ท ที่รับบทโดยวอห์ลเบิร์ก) ที่ไล่ไขว่คว้าหนทางไถ่บาปอย่างไม่ลดละ ปฏิสัมพันธ์ที่เข้มข้นของพวกเขาส่วนใหญ่ถูกถ่ายทำที่นิวออร์ลีนส์ ที่ซึ่งทีมงานได้ย้ายไปถ่ายทำฉากภายในและภายนอกบางส่วนในช่วงหกสัปดาห์ที่เหลือ

“สำหรับฮอสเท็ทเลอร์ เราต้องการความรู้สึกแบบ GODFATHER ที่มีแสงลอดผ่านมูลี่ในออฟฟิศของดอนเข้ามาครับ” ดัฟฟิลด์กล่าว “หลังจากที่ตกอับ บิลลี่ แท็กการ์ทก็ย้ายไปอยู่ในย่านที่เสื่อมโทรมลงรอบๆ บรูคลิน อฟฟิศของเขาอาจจะเป็นฉากที่ผมชื่นชอบมากที่สุดในนิวออร์ลีนส์เพราะผมชื่นชอบเท็กซ์เจอร์ของย่านที่อยู่อาศัยเก่าๆ ที่มีผนัง ที่สีลอกและมีท่อน้ำเปลือยน่ะครับ”

ฮิวจ์ได้ร่วมงานกับซินดี้ มอลโล, เอ.ซี.อี. เพื่อนร่วมงานยาวนานของเขา ให้ลำดับภาพสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ และได้นำแอททิคัส รอส เจ้าของรางวัลอคาเดมี อวอร์ดจากผลงานของเขาใน THE SOCIAL NETWORK มาร่วมประพันธ์ดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้กับคลอเดีย ซาร์น และลีโอ รอส

ประวัติทีมนักแสดง

Mark Wahlberg   (มาร์ค วอห์ลเบิร์ก)  รับบท  Billy Taggart  (บิลลี่ แท็กการ์ท, ผู้อำนวยการสร้าง)

ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอคาเดมี่ อวอร์ดและลูกโลกทองคำจากผลงานยอดเยี่ยมของเขาในภาพยนตร์ชีวประวัติเกี่ยวกับชกมวยสำหรับครอบครัวเรื่อง THE FIGHTER และสำหรับดราม่าชื่อดังโดยมาร์ติน สกอร์เซซีเรื่อง THE DEPARTED วอห์ลเบิร์กชื่นชอบการได้แสดงบทบาทหลากหลายสำหรับผู้กำกับวิสัยทัศน์กว้างไกลอย่างเดวิด โอ.รัสเซล, ทิม เบอร์ตัน, พอล โธมัส แอนเดร์สันและมาร์ติน สกอร์เซซี การแสดงแจ้งเกิดของเขาใน BOOGIE NIGHTS ทำให้วอห์ลเบิร์กกลายเป็นนักแสดงที่เป็นที่ต้องการตัวสูงสุดในฮอลลีวู้ด

อาชีพนักแสดงที่น่าทึ่งของวอห์ลเบิร์กเริ่มต้นขึ้นด้วยภาพยนตร์โดยเรนนี มาร์แชลเรื่อง RENAISSANCE MAN และ THE BASKETBALL DIARIES ที่แสดงประกบลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ ตามมาด้วยเรื่อง FEAR , เรื่อง THREE KINGS และ THE PERFECT STORM , เรื่อง THE ITALIAN JOB , เรื่อง INVINCIBLE , เรื่อง SHOOTER  , เรื่อง Point of Impact , เรื่อง WE OWN THENIGHT , เรื่อง THE HAPPENING, MAX PAYNE, THE LOVELY BONES, DATE NIGHT และ THE OTHER GUYS เมื่อปีที่แล้ว เขาได้แสดงในเรื่องCONTRABAND , เรื่อง TED , เรื่องPAIN & GAIN และ TWO GUNS ประกบเดนเซล วอชิงตัน นอกจากนี้ วอห์ลเบิร์ก ผู้เป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์และโทรทัศน์ที่ประสบความสำเร็จ ยังได้รับรางวัลลูกโลกทองคำ รางวัลพีบอดี้ อวอร์ด ได้รับการเสนอชื่อชิงสองรางวัลออสการ์ สิบรางวัลลูกโลกทองคำและห้ารางวัลเอ็มมี นอกเหนือจากผลงานเบื้องหลังของเขาใน BROKEN CITY, CONTRABAND, THE FIGHTER และ WE OWN THE NIGHT แล้ว วอห์ลเบิร์กยังได้ควบคุมงานสร้างซีรีส์เอชบีโอเรื่อง BOARDWALK EMPIRE, ENTOURAGE, IN TREATMENT และ HOW TO MAKE IT IN AMERICA

Russell Crowe (รัสเซล โครว์) รับบท  Mayor Hostetler  (นายกเทศมนตรี ฮอสเท็ทเลอร์)

เจ้าของรางวัลอคาเดมี่ อวอร์ด ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักแสดงที่เก่งที่สุดในรุ่นของเขา เขาเริ่มต้นสร้างชื่อในแวดวงภาพยนตร์ออสเตรเลียด้วยการแสดงในภาพยนตร์อื้อฉาวเรื่อง ROMPER STOMPER ซึ่งโครว์ได้รับการยกย่องทั่วโลก เขาได้รับการเสนอชื่อชิงสามรางวัลอคาเดมี่ อวอร์ดสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากการแสดงของเขาใน THE INSIDER, GLADIATOR และ A BEAUTIFUL MIND ก่อนที่เขาจะคว้ารางวัลกลับบ้านได้จาก GLADIATOR นอกเหนือจากได้รับออสการ์จากการแสดงในบทแม็กซิมัส ในภาพยนตร์โดยริดลีย์ สก็อตเรื่อง GLADIATOR แล้ว โครว์ยังได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากองค์กรนักวิจารณ์หลายแห่ง ซึ่งรวมถึงสมาพันธ์นักวิจารณ์ภาพยนตร์บรอดคาสต์และได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากสมาพันธ์สื่อมวลชนต่างประเทศในฮอลลีวูด สมาพันธ์นักแสดงและบาฟตาด้วยการแสดงที่ยอดเยี่ยมของโครว์ในบทจอห์น ฟอร์บส์ แนช, จูเนียร์ เจ้าของรางวัลโนเบล ในภาพยนตร์โดยรอน โฮเวิร์ดเรื่อง A BEAUTIFUL MINDทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อชิงอคาเดมี่ อวอร์ดครั้งที่สามและได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากเวทีลูกโลกทองคำ สมาพันธ์นักวิจารณ์ภาพยนตร์บรอดคาสต์ สมาพันธ์นักแสดง บาฟตาและสมาคมนักวิจารณ์อื่นๆ

โครว์ได้รับการเสนอชื่อชิงอคาเดมี่อวอร์ดครั้งแรกจากผลงานของเขาในดรามาโดยไมเคิล แมนน์เรื่อง THE INSIDER นอกจากนี้ เขายังได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากสมาพันธ์นักวิจารณ์ภาพยนตร์ลอสแองเจลิส สมาพันธ์นักวิจารณ์ภาพยนตร์บรอดคาสต์ สมาคมนักวิจารณ์ภาพยนตร์แห่งาติและสมาพันธ์นักวิจารณ์แห่งชาติและได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากเวทีลูกโลกทองคำ บาฟตาและสมาพันธ์นักแสดง ก่อนหน้าที่เขาจะมีชื่อเสียงโด่งดังและได้รับรางวัลมากมาย โครว์ได้สร้างชื่อในฮอลลีวูดเรื่อง L.A. CONFIDENTIAL

สถาบันภาพยนตร์ออสเตรเลีย (เอเอฟไอ) ได้เสนอชื่อโครว์เข้ารรับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจาก THE CROSSING และได้มอบรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมให้กับเขาจากPROOF เอเอฟไอและสมาคมนักวิจาณ์ภาพยนตร์ออสเตรเลียได้มอบรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมให้กับเขาจากการแสดงในROMPER STOMPER ในปี 1993 เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติซีแอตเติลได้ยกย่องโครว์ให้เป็นนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากผลงานของเขาใน ROMPER STOMPER และ HAMMERS OVER THE ANVIL

Catherine Zeta-Jones  (แคทเธอรีน ซีต้า-โจนส์) รับบท Cathleen Hostetler  (แคธลีน ฮอสเท็ทเลอร์)

นักแสดงหญิงเจ้าของรางวัลอคาเดมี่ อวอรร์ด จากภาพยนตร์เรื่อง CHICAGO ภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่ได้รับรางวัลออสการ์และลูกโลกทองคำสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และได้รับการเสนอชื่อชิงลูกโลกทองคำและคว้ารางวัลคริติกส์ ชอยส์ อวอร์ด รางวัลสมาพันธ์นักแสดงและบาฟตา อวอร์ดสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจากการแสดงของเธอ

เธอได้รับรางวัลโทนี่ อวอร์ดสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมในมิวสิคัลจากการเปิดตัวบนเวทีบรอดเวย์ที่ได้รับเสียงชื่นชมของเธอในบทเดซิเร อาร์มเฟลด์ท ในละครโดยสตีเฟน ซอนด์เฮมเรื่อง A LITTLE NIGHT MUSIC มิวสิคัลที่ประสบความสำเร็จเรื่องนี้นำแสดงโดยแองเจลา แลนส์เบรี นักแสดงในตำนาน และยังมีผลงานภาพยนตร์โดยสตีเวน โซเดอร์เบิร์กห์เรื่องSIDEEFFECTS ประกบแชนนิ่ง ทาทั่ม, รูนี่ย์ มาร่าและจู๊ด ลอว์  ซีต้า-โจนส์ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลลูกโลกทองคำจากบทภรรยาของคนส่งยาในภาพยนตร์โดยสตีเวน โซเดอร์เบิร์กห์เรื่อง TRAFFIC ทีมนักแสดงของภาพยนตร์ที่ได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมเรื่องนี้ได้รับรางวัลแซ็ก อวอร์ดสาขาทีมนักแสดงยอดเยี่ยมในภาพยนตร์

เธอได้รับการยกย่องจากทั่วโลกในภาพยนตร์แอ็คชั่นผจญภัยเรื่อง THE MASK OF ZORRO ประกบแอนโทนิโอ แบนเดอรัสและแอนโธนี ฮ็อปกินส์ ซีต้า-โจนส์ยังคงสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมในปี 1999 ในโรแมนติกทริลเลอร์โดยจอน เอมีลเรื่อง ENTRAPMENT ประกบนักแสดงในตำนาน ฌอน คอนเนรี เธอได้แสดงประกบจูเลีย โรเบิร์ตส์, บิลลี คริสตัลและจอห์น คูแซ็คในคอเมดีรวมดาราเรื่อง AMERICA’S SWEETHEARTS

Barry Pepper (แบร์รี่ เป็ปเปอร์)  รับบท Jack Valliant  (แจ็ค วาเลียนท์)

ได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมจากการแสดงในบท“พลทหารแจ็คสัน”ในภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลอคาเดมี่อวอร์ดเรื่อง SAVINGPRIVATE RYAN เขาก็ได้รับการทาบทามให้รับบทที่น่าสนใจมากมายกับผู้กำกับเจ้าของรางวัลหลายคน เป็ปเปอร์ได้แสดงประกบผู้กำกับและเพื่อนนักแสดงที่ได้รับการยกย่องสูงสุดในปัจจุบันหลายคน เขาได้แสดงประกบดเวย์น จอห์นสันและซูซาน ซาแรนดอน ในภาพยนตร์ที่กำลังจะเข้าฉายเรื่อง SNITCH, ประกบเจฟฟ์ บริดเจส, จอช โบรลินและแมทท์ เดมอนในรีเมกภาพยนตร์เรื่อง TRUE GRIT ของพี่น้องโคเอน เขาได้แสดงประกบเควิน สเปเซีย์ใน CASINO JACK เรื่องราวของนักล็อบบี้ยิสต์ผู้เสื่อมเสียชื่อเสียง แจ็ค แอ็บรามอฟ การแสดงของเขาในภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้เขาได้รับรางวัลฮอลลีวูด สปอตไลท์ อวอร์ดจากเวทีเทศกาลภาพยนตร์ฮอลลีวูดครั้งที่ 14 นอกจากนี้ เขายังได้แสดงในภาพยนตร์เรื่อง LIKE DANDELION DUST ซึ่งได้รับรางวัลจากเทศกาลภาพยนตร์ในประเทศและนอกประเทศกว่า 30รางวัล ซึ่งรวมถึงรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติลาสเวกัสปี 2009 และเทศกาลนิวยอร์ก วิชัน ปี 2009 อีกด้วย

ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเขาที่ได้รับรางวัลอคาเดมี่ อวอร์ดเรื่อง THE GREEN MILE, เขาได้รับบทบาทสำคัญในภาพยนตร์เรื่อง THE THREE BURIALS OF MELQUIADES ESTRADA โดยโซนี่ พิคเจอร์ส คลาสสิกส์ ซึ่งเป็นผลงานการกำกับเรื่องแรกของทอมมี ลี โจนส์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เข้าฉายสายประกวดในงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ปี 2005 และเป็ปเปอร์ก็ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอินดีเพนเดนท์ สปิริต อวอร์ดปี 2006 สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมด้วย ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเขาได้แก่ทริลเลอร์โดยบรัคไฮเมอร์/สก็อตเรื่อง ENEMY OF THE STATE ที่นำแสดงโดยวิลล์ สมิธและยีน แฮ็คแมน, ภาพยนตร์ที่ได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมโดยพาราเมาท์ พิคเจอร์สเรื่อง WE WERE SOLDIERS ประกบเมล กิ๊บสันและภาพยนตร์นิวไลน์เรื่อง KNOCKAROUND GUYS ประกบจอห์น มัลโควิชและเดนนิส ฮ็อปเปอร์  เป็ปเปอร์แสดงในบทโรเบิร์ต เคนเนดี้มินิซีรีส์แปดชั่วโมงทางรีลซ์ แชนแนลเรื่อง THE KENNEDYS ประกบเกร็ก คินเนียร์และเคที โฮล์มส์ การแสดงที่โดดเด่นของเขาในเรื่องนี้ทำให้เขาได้รับรางวัลเอ็มมี อวอร์ดปี 2011 ในสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในมินิซีรีส์หรือภาพยนตร์และรางวัลเจมินี อวอร์ดครั้งที่ 26 สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในรายการดรามาหรือมินิซีรีส์

การแสดงนำของเป็ปเปอร์ในภาพยนตร์เอชบีโอเรื่อง 61* ทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลลูกโลกทองคำ รางวัลเอ็มมี่และรางวัลคริติกส์ ชอยส์ อวอร์ด ภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวเบื้องหลังการแข่งขันระหว่างโรเจอร์ มาริส (เป็ปเปอร์) จากนิวยอร์ก แยงกี้ส์และมิคกี้ แมนเทิล (โธมัส เจน) เพื่อทำลายสถิติโฮมรันในซีซันเดียวของเบ๊บ รูธในปี 1961 ภาพยนตร์ดังเรื่องนี้กำกับและควบคุมงานสร้างโดยบิลลี่ คริสตัล

Natalie Martinez   (นาตาลี มาร์ติเนซ)  รับบท  Natalie Barrow (นาตาลี แบร์โรว์)

ได้ร่วมแสดงกับเจค จิลเลนฮาล, แอนนา เคนดริคและไมเคิล เพนยาในดรามาตำรวจโดยเดวิด เอเยอร์เรื่อง END OF WATCH การแสดงในบทแก็บบี้ ซาวาลา ภรรยาของไมค์ ซาวาลา (เพนยา) ตำรวแอลเอ ของนาตาลี ช่วยนำแง่มุมที่อ่อนโยนมาสู่ภาพยนตร์เรื่องนี้

ปัจจุบัน เธอรับบทนักแสดงรับเชิญในซีรีส์ซีบีเอสเรื่อง “CSI: New York”ในบทนักสืบโลวาโต นาตาลีเป็นขาประจำซีรี่ส์ในซีรีส์เอบีซีปี 2011 เรื่อง “Detroit 187” ประกบไมเคิล อิมเพริโอลีและเจมส์ แม็คแดเนียล ก่อนหน้านั้น เธอรับบท เคส ประกบเจสัน สเตแธมในภาพยนตร์ยูนิเวอร์แซลเรื่อง DEATHRACE

ประวัติทีมผู้สร้าง

Allen Hughes   (อัลเลน ฮิวจ์)   ผู้กำกับและ โปรดิวเซอร์เป็นผู้กำกับชื่อดัง ผู้ซึ่งการก้าวกระโดดสู่แวดวงบันเทิงของเขาเกิดขึ้นเมื่อเขาและอัลเบิร์ต ฝาแฝดของเขา ได้ร่วมมือกันทำงานในฐานะทีมผู้สร้าง/ผู้กำกับวัย 20 ปีของ MENACE II SOCIETY ลุคที่สมจริงและน่าสนใจเกี่ยวกับชีวิตในเมืองของเรื่องได้รับการยกย่องจากทั่วโลกและทำให้พวกเขาถูกมองว่าเป็นผู้กำกับผู้ทรงอิทธิพล

อัลเลน เกิดในเมืองดีทรอยท์ รัฐมิชิแกน ในครอบครัวที่แม่ให้การสนับสนุนความคิดสร้างสรรค์ของลูกชายอย่างเต็มที่ เขาเริ่มต้นสร้างภาพยนตร์เองที่บ้านตั้งแต่อายุ 12 ปี แม้ว่าอัลเลนกับฝาแฝดของเขาจะสร้างภาพยนตร์ที่บ้านมาตลอด แต่จนกระทั่งอัลเลนได้เข้าคลาสงานสร้างโทรทัศน์สมัยไฮสคูลที่พรสวรร์ในการเล่าเรื่องและความสามารถในการสร้างภาพยนตร์ของเขาเป็นที่ประจักษ์ หลังจากที่เขาได้สร้างภาพยนตร์สั้นเรื่อง “How to be a Burglar”ครูของอัลเลนก็ตระหนักว่าเขามีพรสวรรค์เกินอายุและจัดการให้เขาได้มีส่วนร่วมในช่องทางการเข้าถึงสาธารณชนของโรงเรียน หลังจากนั้น เขาก็ได้อำนวยการสร้างและนำแสดงในซีรีส์สามเรื่องให้กับแชนแนลดังกล่าว ซึ่งเป็นการทำให้ผู้ชมรู้จักเขาในวงกว้างมากขึ้น และเขากับน้องชายเขาก็เริ่มกำกับมิวสิค วิดีโอด้วยกันไม่นานหลังจากนั้น ในกองถ่ายมิวสิค วิดีโอนั้นเองที่อัลเลนได้พบและผูกมิตรกับแร็ปเปอร์ผู้ล่วงลับไปแล้ว อีซี-อี ผู้มีอิทธิพลสำคัญสมัยที่อัลเลนเป็นวัยรุ่น ไม่เพียงแต่ด้วยดนตรีของเขาเท่านั้น แต่รวมถึงวิธีที่เขารับมือกับเรื่องธีมและคอนเซ็ปต์ในฐานะนักเล่าเรื่องอีกด้วย

อัลเลนยกย่องอีซี-อีว่าสอนเขาให้รู้จักทำตัวให้แตกต่างจากคนอื่นและตักตวงจากความโดดเด่นของตัวเอง อัลเลนและน้องชายของเขาได้กลายเป็นผู้กำกับมิวสิค วิดีโอที่ประสบความสำเร็จ ที่ทำงานให้กับศิลปินมากมายเช่นเอ็นดับบลิวเอและดิจิตอล อันเดอร์กราวน์ นอกจากนี้ พวกเขายังมีส่วนในการสร้างภาพลักษณ์ของทูปัค ชาคูร์ในช่วงเริ่มทำงานใหม่ๆ ด้วยการกำกับมิวสิค วิดีโอสามเพลงแรกของชาคูร์ ซึ่งที่โดดเด่นที่สุดคือซิงเกิลโซโลเดบิวต์ที่ได้รับรางวัล “Brenda’s Got A Baby” การสร้างภาพยนตร์สั้นเรื่อง “Menace”เกี่ยวกับการปล้นธนาคารและ “The Drive By”ทำให้ชื่อเสียงของอัลเลนและน้องชายของเขาในฐานะผู้กำกับนวัตกรรมเริ่มหยั่งรากลึก ผลงานของเขาเป็นที่สนใจของผู้สร้างคนอื่นๆ ที่มาทาบทามพวกเขาให้กำกับภาพยนตร์ แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่พบโปรเจ็กต์ที่ใช่เลย พวกเขาก็เลยสร้างภาพยนตร์ขึ้นมาเองเลย MENACE II SOCIETYซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของพวกเขาที่ได้รับไฟเชียว (เมื่อพี่น้องฮิวจ์อายุได้ 19 ปี) ได้เปิดตัวทั่วโลกในงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ปี 1993 ด้วยทุนเพียงประมาณ 3 ล้านเหรียญ พวกเขาได้นำเรื่องราวที่พวกเขาคิดขึ้นตอนอายุได้ 14 ปีมาเปลี่ยนให้กลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้เกือบ 30 ล้านเหรียญ ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้พวกเขาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์คนแรกๆ ที่เกิดจากวัฒนธรรมฮิปฮ็อปที่สร้างภาพยนตร์ที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมนั้น MENACE II SOCIETY ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสิบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปีจากสมาพันธ์นักวิจารณ์สำคัญๆ ทั่วประเทศและได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเวที 1994 เอ็มทีวี มูฟวี อวอร์ด

ผลงานเรื่องถัดไปของพี่น้องฮิวจ์ DEAD PRESIDENTS ที่เขียนบทโดยนักเขียนบทละคร ไมเคิล เฮนรี บราวน์ และนำแสดงโดยลาเรนซ์ เท้ท, คริส ทัคเกอร์, โบคีม วู้ดไบน์, เซย์มัวร์ คาสเซล, มาร์ติน ชีน, คีธ เดวิดและเอ็น’ บุช ไรท์ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่ชีวิตพังทลายหลังจากที่ถูกส่งไปทำสงครามที่เวียดนาม หลังจากคาดหวังว่าจะได้กลับบ้านเยี่ยงวีรบุรุษ แต่กลับเจอว่าตัวเองต้องลดตัวไปปล้นรถหุ้มเกราะเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว ภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดตัวในเทศกาลภาพยนตร์นิวยอร์กในปี 1995 ผลงานเรื่องถัดไปของพวกเขาได้แก่สารคดียาวเรื่อง AMERICAN PIMP ซึ่งสำรวจเรื่องของผู้ชายที่อยู่เบื้องหลังอาชีพที่เก่าแก่ที่สุดของโลก สำหรับสารคดีเรื่องนี้ พี่น้องฮิวจ์ได้สัมภาษณ์ทั้งแมงดาที่เลิกทำงานไปแล้วและยังทำงานอยู่จากเมืองใหญ่ทั่วประเทศ AMERICAN PIMP เปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ปี 1999 ในปี 2001 พวกเขาได้ปล่อย FROM HELL ที่นำแสดงโดยจอห์นนี เด็ปป์และฮีทเธอร์ เกรแฮม มีเรื่องราวเกิดขึ้นในอังกฤษช่วย 1880s และสร้างจากการสืบสวนคดีฆาตกรรมโดยแจ็ค เดอะ ริปเปอร์ และความเชื่อมโยงกับราชวงศ์ของคดีเหล่านั้น FROM HELL เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของพวกเขาที่เปิดตัวอันดับหนึ่งในบ็อกซ์ออฟฟิศช่วงสุดสัปดาห์ BOOK OF ELI ผลงานภาพยนตร์ล่าสุดของพวกเขา ที่นำแสดงโดยเดนเซล วอชิงตันและแกรี โอลด์แมน บอกเล่าเรื่องราวของวีรบุรุษสันโดษระหว่างที่เขาต่อสู้ในดินแดนรกร้างในอเมริกาหลังหายนะ

ผลงานแรกของอัลเลนในฐานะผู้ควบคุมงานสร้างคือซีรีส์ทางยูเอสเอ เน็ตเวิร์คเรื่อง “Touching Evil”ที่นำแสดงโดยเจฟฟรีย์ โดโนแวน, เวรา ฟาร์มิกาและแบรดลีย์ คูเปอร์ ที่ตอนนั้นเป็นนักแสดงหน้าใหม่ นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้กำกับตอนไพล็อตของซีรีส์ดังกล่าวอีกด้วย นอกจากนี้ อัลเลนยังได้พิสูจน์ความสามารถของเขาในแวดวงดนตรีด้วย ซาวน์แทร็คสองเรื่องแรกที่เขาและอัลเบิร์ตได้อำนวยการผลิตใน MENACE IISOCIETY และ DEAD PRESIDENTS ทำยอดขายได้ระดับแพลตินัมทั้งสองเรื่อง ด้วยสายตาเฉียบคมในการมองหาผู้มีพรสวรรค์ อัลเลนได้มอบหมายงานแรกให้กับแอตติคัส รอส ในการแต่งดนตรีประกอบ “Touching Evil” และหลังจากนั้น ก็ให้เขามาแต่งดนตรีประกอบ BOOKOF ELI ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของรอส นับตั้งแต่นั้นมา รอสก็กลายเป็นหนึ่งในนักประพันธ์เพลงผู้เป็นที่ต้องการตัวสูงสุดในปัจจุบัน และเขาก็ได้รับรางวัลอคาเดมี อวอร์ดสำหรับภาพยนตร์เรื่อง THE SOCIAL NETWORK ด้วย

ผลงานภาพยนตร์ขนาดสั้นของอัลเลนได้แก่มิวสิค วิดีโอสำหรับเพลง “Inner City Blues”โดยมาร์วิน เกย์ หลังจากที่เจ้าตัวล่วงลับไปแล้วและการนำเพลง “Walk on By”ของไอแซ็ค เฮย์ส มาเผยแพร่ใหม่ ผลงานโฆษณาของอัลเลนรวมถึงสปอตโฆษณาสำหรับเกโตเรดกับอูเซน โบลท์, โฆษณารีบ็อคในแคมเปญ I Am What I Am ซึ่งแสดงโดยนักสเก็ตบอร์ด สตีวี วิลเลียมส์และศิลปินชื่อดังอย่างเจย์-ซีและฟิฟตี้ เซ็นต์, โฆษณาไนกี้กับเลบรอน เจมส์และโฆษณาเบสต์ บายกับแบล็ค อายด์ พีส์ นอกจากนี้ เขายังได้กำกับมิวสิค วิดีโอให้กับศิลปินชื่อดังอย่างดร.เดร และเอมิเน็ม เขาได้กำกับแคมเปญที่เผยแพร่ต่อสาธารณชนเกี่ยวกับเรื่องการควบคุมปืนในชื่อ “Stray Bullet” และ “These Walls Have No Prejudice”ซึ่งได้รับรางวัล 44 รางวัล รวมถึงสี่รางวัลคลีโอ อวอร์ด จนถึงปัจจุบัน